KF-US-PLUS กับโอกาสลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่แตกต่างจาก Active Fund ทั่วไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

คุณสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี ร่วมกับ JP Morgan Asset Management บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก จัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ "Bridging the Gap: Passive Stability with Active Opportunity" เพื่อให้มุมมองเกี่ยวกับภาวะตลาดและแนวโน้มการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าหุ้นสหรัฐฯ จะเป็นทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปี 2025 พร้อมแนะนำกองทุน KF-US-PLUS ที่มาพร้อมกลยุทธ์การลงทุนที่ผสมผสานทั้งข้อดีของ Passive Fund และ Active Fund เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่า

KF-US-PLUS กับโอกาสลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่แตกต่างจาก Active Fund ทั่วไป

คุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี กล่าวในงานสัมมนาว่า "ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีโอกาสเติบโตสูง แม้จะมีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆในระยะสั้นที่เข้ามากระทบอยู่บ้าง แต่ด้วยนโยบายที่ส่งเสริมเศรษฐกิจและการเติบโตของธุรกิจ จึงยังถือเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯสำหรับนักลงทุนในระยะยาว ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงสนับสนุนจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ

  1. เศรษฐกิจมหภาคแข็งแกร่ง: โอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยต่ำเพียง 15-20% และภาวะเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นคาดว่าจะมีผลกระทบเพียง 0.5-1.0% ในระยะสั้น ซึ่งแสดงถึงความมั่นคงในตลาดและโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นขาลง
  2. กำไรของ S&P 500 คาดว่าจะเติบโตที่ 13% ในปี 2025: ซึ่งการเติบโตที่แข็งแกร่งในภาคธุรกิจและหุ้นในดัชนี S&P 500 จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี
  3. นโยบายของของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ : แม้ว่าจะมีการเจรจาต่อรองทางการค้าและขึ้นกำแพงภาษี ซึ่งส่งผลให้เกิดสงครามการค้าและความผันผวนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจในประเทศ เช่น การย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต พร้อมทั้งนโยบายลดภาษีนิติบุคคลและการผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมต่างๆ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทใน S&P 500 เติบโตเพิ่มขึ้น"

"บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่าจากปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดังกล่าว ในช่วงเวลานี้จึงเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุนในกองทุนเปิดกรุงศรียูเอสซีเล็คอิควิตี้พลัส (KF-US-PLUS) ที่มีนโยบายลงทุนใน JPMorgan Funds - US Select Equity Plus Fund (กองทุนหลัก) ที่ได้รับการจัดอันดับMorningstar Rating 5 ดาว* (ที่มา : Morningstar ณ 31 ธ.ค. 67) และโดดเด่นด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่ผสมผสานทั้งกลยุทธ์หลักและกลยุทธ์เสริมที่มีการ Long - Short ในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคา" นายเกียรติศักดิ์ กล่าว

ด้านคุณChristian Mariani ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก J.P. Morgan Asset Management, US Equity Group กล่าวถึง กองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Select Equity Plus Fund ว่า "กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active มุ่งหวังผลการดำเนินงานสูงกว่าดัชนี S&P 500 โดยคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตและความได้เปรียบในการแข่งขัน มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว (Long Position) และขายชอร์ตหุ้นที่มีแนวโน้มลดลง (Short Position) เช่น หุ้นสื่อสมัยใหม่อย่าง Netflix, Amazon, หรือ Walt Disney ที่มีแนวโน้มเติบโตดี และหุ้นแบบดั้งเดิมที่มีแนวโน้มลดลง เช่น Intel หรือ Moderna ที่มีการเติบโตลดลงหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้งนี้การใช้กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ส่งผลให้กองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ชนะตลาดได้อย่างสม่ำเสมอ" (ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)

"พอร์ตการลงทุนปัจจุบันกองทุนถือหุ้นประมาณ 260 บริษัท กระจายในหลายอุตสาหกรรม โดย 5 หุ้นกลุ่มหลัก ได้แก่ Mastercard, Howmet Aerospace, Wells Fargo, Amazon, และ Lowe's ซึ่งเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ส่วนหุ้นที่มี Short Position สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นในกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์, สื่อ และร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันกับยุคดิจิทัล นอกจากนี้ผลการดำเนินงาน1 ปีที่ผ่านมา มีผลตอบแทนเฉลี่ยเมื่อเทียบ กับดัชนี S&P 500 มากกว่าถึง 4.63% ช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีผลตอบแทนเฉลี่ยเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 มาก กว่าถึง 2.64% ช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีผลตอบแทนเฉลี่ยเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 มากกว่าถึง 3.25% โดยมีความผันผวนต่ำกว่ากองทุน Active Fund อื่นๆ ด้วยการใช้กลยุทธ์ Short Position ในหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตลดลง และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ทำให้แก้ปัญหาที่กองทุนส่วนใหญ่มีอัตราผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนี ท่ามกลางความเสี่ยงที่สูงกว่า" (ที่มา : J.P. Morgan Asset Management_งานสัมมนา 6 ก.พ. 68)


ข่าวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน+หลักทรัพย์จัดการกองทุนวันนี้

บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายปันผลกองทุนอสังหาฯ "LUXF" 0.64 บาทต่อหน่วย รวมมูลค่ากว่า 125 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) สำหรับผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 0.64 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 125,760,000 บาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 18 กันยายน 2568 สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีนโยบายการลงทุน

BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพ... BBLAM เสนอขาย IPO 'BP17/25(AI)' วันที่ 11-15 ก.ย. 2568 — BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 17/25 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย' หรือ BP17/25(AI) ซึ่งเ...

บลจ.กสิกรไทย มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตช... บลจ.กสิกรไทย ชู K-VALUE ทางเลือกลงทุนรับปันผลสูง ชี้จังหวะลงทุนหุ้นไทยรับตลาด Upside ในระยะสั้น — บลจ.กสิกรไทย มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตชะลอลง คาด GDP ไ...

ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ "กองทุนรวม SRI" ยกระดับความโปร่งใส สู่มาตรฐานสากล

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์กองทุนรวม SRI* (Sustainable and Responsible Investing...