ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับความท้าทายในการลงทุนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทรินาโซลาร์ Vertex N 720W (NEG21C.20) จึงเป็นหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าระยะยาว ด้วยต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วย ไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) จึงคืนทุนไว ช่วยลดรายจ่าย และยังสามารถนำเงินลงทุนไปขอลดหย่อนภาษีคืนจากภาครัฐ ต่อไปนี้เป็นข้อดี 5 ประการว่าทำไมธุรกิจและอุตสาหกรรมจึงควรพิจารณาการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์
ทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจ
- 1. ประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดต้นทุนโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์ i-TOPCon ขั้นสูงของทรินาโซลาร์ใช้แผงเวเฟอร์ขนาด 210 มม. จึงสามารถให้กำลังขับที่สูงถึง 720 วัตต์ (และสูงถึง 740.6 วัตต์กับการทดสอบในห้องปฏิบัติการ) และให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูงสุดถึง 25.9% (บันทึกสถิติโลก ครั้งที่ 27) จึงให้พลังงานต่อหน่วยที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความคุ้มค่านี้ทำให้การลงทุนลดลงและคืนทุนได้เร็วขึ้น (เฉลี่ย 5-7 ปี) การอัพเกรดจากโมดูล 670 วัตต์เป็น 720 วัตต์ จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้มาก ยกตัวอย่างเช่นในระบบที่ผลิตไฟฟ้าได้ 500 กิโลวัตต์นั้น จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 37 กิโลวัตต์ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินได้ถึง 18,040 บาทต่อเดือน (บนสมมุติฐานค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง) การประเมินโดยหน่วยงานอิสระแสดงให้เห็นว่าโมดูล Vertex N 700W+ ของทรินาโซลาร์สามารถลดต้นทุนต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) และการลงทุนในสินทรัพย์ (CapEx) ลง 2.2% และ 1.9% ตามลำดับในเยอรมนี และลดลง 1.8% และ 1.6% ในบราซิล เมื่อเทียบกับโมดูลอ้างอิงที่มี ประสิทธิภาพที่เหนือกว่านี้ ตอกย้ำถึงความสามารถในการแข่งขันระดับโลกและความคุ้มค่าต่อการลงทุน
- 2. อัตราการเสื่อมสภาพต่ำ เมื่อทดสอบด้วยรังสียูวี และการรับประกันคุณภาพสูงสุด โมดูล Vertex N 720W ผ่านการทดสอบรังสียูวีโดยศูนย์รับรองมาตรฐานแห่งประเทศจีน (CGC) โมดูลได้รับรังสียูวี 300 ซึ่งเป็นการทดสอบที่รุนแรงกว่าการทดสอบรังสียูวีขั้นพื้นฐานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วย มาตรฐานอิเล็กทรอเทคนิกส์ (IEC) ถึง 20 เท่า การทดสอบนี้เทียบเท่ากับการได้รับรังสียูวีในการใช้งานจริงถึง 4 ปี โมดูล Vertex N 720W มีอัตราการเสื่อมสภาพเพียง 1.6% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำมาก และทรินาโซลาร์ยัง ให้การรับประกันการผลิตพลังงานเป็นเวลาถึง 30 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนนี้จะให้ความคุ้มค่า และผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว
- 3. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขต 1 และ 2) ลง 20-25% ภายในปี 2573 ซึ่งรวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรง (ขอบเขต 1) และทางอ้อม (ขอบเขต 2) พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในขอบเขตที่ 2 ได้อย่างมากโดยการแทนที่การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1 เมกะวัตต์สามารถชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 500 ตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 62,500 ต้น ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อเป้าหมายโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยลดการพึ่งพาน้ำมัน และช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้ตามต้องการ
- 4. มาตรการสนับสนุนและแรงจูงใจจากภาครัฐ การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของภาครัฐ รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยให้ภาคธุรกิจสามารถนำครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนมายื่นขอลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ที่ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเวลา 3 ปี
- 5. เสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร นอกเหนือจากประโยชน์ในการลดรายจ่ายให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมแล้ว การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับธุรกิจที่ทำการค้ากับยุโรปและประเทศอื่นๆ ที่มีหลักเกณฑ์ในการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นในการนำเข้าสินค้า การบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้กับธุรกิจและอุตสาหกรรม แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ทรินาโซลาร์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับโลก ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทได้ส่งมอบพีวีโมดูล 34 กิกะวัตต์ ตู้คอนเทนเนอร์ DC และระบบจัดเก็บพลังงาน 1.7 กิกะวัตต์ชั่วโมง และระบบโครงสร้างรองรับแผงโซลาร์ 3.2 กิกะวัตต์ ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในด้านการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และโซลูชันในระบบกักเก็บพลังงาน
การเลือกเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ที่เหมาะสมช่วยให้ธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์จากการลงทุนได้อย่างคุ้มค่า ดังนั้น ทรินาโซลาร์ ในฐานะผู้นำในโซลูชั่นการลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ทรินาโซลาร์ยังคงมุ่งมั่นในปณิธานที่จะส่งมอบพลังงานสะอาดให้ทุกคน หรือ "Solar Energy for All" ในฐานะบริษัทที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังไฟฟ้า และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ
SCGD เร่งเครื่องสู่ Net Zero 2593 เดินหน้าลงทุน หนุนพลังงานสะอาด - ลดต้นทุนด้วย เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ- เสริมศักยภาพแข่งขันทั่วอาเซียน
บางจากฯ - กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมหนุน บีซีพีจี ต่อยอด "เครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน" ติดตั้งโซลาร์เซลล์พร้อมแบตเตอรี่
CHOW จับมือ Loxley ขับเคลื่อนพลังงานทดแทนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน ลงนาม MOU ติดตั้งโซลาร์เซลล์กว่า 36 เมกะวัตต์ทั่วประเทศ
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย"
JARTON พรีเซนเทคโนโลยี "กล้องโซลาร์ 4G" ในงาน AI Roadshow พิษณุโลก
SUPER จับมือ NMB ลุยโซลาร์-แบตเตอรี่ ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม 341.15 เมกะวัตต์ เดินหน้าพลังงานสะอาด เพื่อ Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions
JARTON ร่วมกับ depa ส่งมอบเทคโนโลยีอัจฉริยะ ลงพื้นที่ติดตั้งจริง
JARTON ร่วมโครงการ OTOD AI แจกฟรี! กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ
SKYWORTH PV จับมือ Solve System ลงนาม MOU พัฒนาโครงการโซลาร์ 120MW และโซลาร์โฮม 30MW ในไทย