บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์คุณภาพระดับสากล มุ่งสู่โรงงานสีเขียวเปลี่ยนหลังคาโรงงาน เป็นอาคารผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) สามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 3,453,952 กิโลวัตต์ต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 2,067 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 18% ต่อปี ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก

นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP เปิดเผยว่า "สำหรับปี 2568 นี้ THIP ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่อง ขับเคลื่อนกลยุทธ์ความยั่งยืนด้านพลังงาน ด้วยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บนพื้นที่หลังคาโรงงานทานตะวันอุตสาหกรรม จ.นครปฐม เพื่อนำพลังงานจากแสงอาทิตย์ มาทดแทนการใช้ไฟฟ้าในโรงงาน
โครงการดังกล่าวเกิดจากการที่บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นกลไกหลักในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ THIP Circular ECO Way ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและหมุนเวียน ตลอดจนสอดรับกับนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero Emissions ภายในปี 2065 ของประเทศไทย"
โครงการโซลาร์รูฟท็อปของบริษัทฯ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 ด้วยการติดตั้งกำลังการผลิตสูงสุด 500 กิโลวัตต์ และได้ต่อยอดสู่ เฟสที่ 2 ซึ่งแล้วเสร็จและเริ่มจ่ายไฟฟ้าใช้งานตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสูงสุด 2,188 กิโลวัตต์ จนถึงปัจจุบันสามารถผลิตไฟฟ้าไปแล้วกว่า 756,000 กิโลวัตต์ ช่วยประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 3.3 ล้านบาท ล่าสุด บริษัทฯ ได้เดินหน้าเฟสที่ 3 โดยติดตั้งกำลังการผลิตเพิ่มอีก 300 กิโลวัตต์สูงสุด ทำให้ตลอดทั้งโครงการมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 3,453,952 กิโลวัตต์ต่อปี
"ความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว ที่มุ่งสู่การสร้างสังคมที่ใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแนวโน้มของโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ รองรับกฎระเบียบ CBAM, ESG ที่เข้มข้นขึ้นจากสหภาพยุโรปและคู่ค้า ที่สำคัญจะช่วยเสริมความมั่นคงทางธุรกิจและเพิ่มความสามารถแข่งขันในตลาดโลก" นางพจนารถกล่าว
THIP มีแผนขยายการใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ทั้งการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปครอบคลุมทุกอาคารโรงงาน และการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดอื่นๆ อาทิ การใช้รถโฟลค์ลิฟต์ไฟฟ้า และระบบจัดการพลังงานด้วย AI เพื่อมุ่งสู่การเป็น Carbon Neutral Factory ในอนาคต