เอ็นไอเอ จับมือพันธมิตรทั้งเอกชน - สถาบันการศึกษา เดินหน้าติดอาวุธสตาร์ตอัปสายฟู้ดเทคภายใต้โครงการ "SPACE-F" พร้อมเผยเส้นทาง 5 ปี ผลักดันให้เกิดการระดมทุนกว่า 5 พันล้านบาท เปิดโอกาสสู่ตลาดมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล และพันธมิตรองค์กรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และเครือข่ายบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารอีกมากมาย เปิดโครงการ "SPACE-F ปี 6: โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตฟู้ดเทคสตาร์ทอัพระดับสากลแห่งแรกของประเทศไทย" เพื่อสานต่อความสำเร็จจากปีที่ 5 โดยมุ่งเน้นสนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัพที่สามารถพัฒนานวัตกรรมสำหรับแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมอาหารทั้งปัจจุบันและอนาคต เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้มีสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 20 ราย แบ่งเป็น Incubator Program 10 ราย และ Accelerator Program 10 ราย ทั้งนี้ สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โอกาสการเข้าถึงเครือข่ายและแหล่งเงินทุนเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด อีกด้วย
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรมมุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ชาตินวัตกรรมภายใต้แนวคิด Groom - Grant - Growth - Global ซึ่งพร้อมจะสนับสนุนและส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมทั้งมิติเงินทุน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรม การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง พร้อมกันนี้ ยังมุ่งผลักดันนวัตกรรมเพื่อสร้างการเติบโตและเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยที่ผ่านมาได้ผลักดันหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศคือ "นวัตกรรมอาหาร" ผ่านโครงการ SPACE-F ซึ่งเป็นโครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับสากล พร้อมช่วยผลักดันกลุ่มฟู้ดเทคสตาร์ทอัพทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาด และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมไทยมีความได้เปรียบในด้านการแข่งขันกับทุกบริบทที่เปลี่ยนแปลง
"SPACE-F ปีที่ 6 พร้อมเดินหน้าสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ ด้วยการบ่มเพาะและเร่งการเติบโต ผ่านเครือข่ายความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล และพันธมิตรอย่างบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตรทางธุรกิจ ต่อยอดแผนธุรกิจ และพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาด พร้อมรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรมอาหารทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาโครงการ SPACE-F สามารถผลักดันให้ได้รับการระดมทุนกว่า 5,000 ล้านบาท และช่วยพัฒนาสตาร์ทอัพกว่า 80 ราย จาก 18 ประเทศทั่วโลก สามารถขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนที่มีตลาดผู้บริโภคกว่า 650 ล้านคน และมีมูลค่าสูงกว่า 60,000 ล้านบาท ทำให้สตาร์ทอัพสามารถสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง และนำนวัตกรรมเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ โครงการ SPACE-F ยังมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น "ครัวของโลก" ด้วยจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ การลงทุนในนวัตกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง และมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล NIA หวังว่า SPACE-F ปีที่ 6 จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของสตาร์ทอัพทุกคนในการสร้างสรรค์และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน"
ด้าน รศ. ดร.พสิษฐ์ ภควัชร์ภาณุรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม กล่าวเสริม สำหรับโครงการ SPACE-F Batch 6 นี้ เรามั่นใจว่าเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการสามารถเติบโตและขยายธุรกิจไปสู่เวทีโลกได้ ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ สตาร์ทอัพจะสามารถใช้ทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกของเราได้อย่างเต็มที่ สามารถเข้าถึงคำแนะนำจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่จบการศึกษาจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก และยังอาจได้แรงบันดาลใจและกำลังสำคัญในการทำงานจากนักศึกษาของเราอีกด้วย
สำหรับฟู้ดเทคสตาร์ตอัป 10 รายที่ได้เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ (Incubator Program) ได้แก่ 1. BioNano Solution (ไทย) : พัฒนาเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโนเพื่อเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่มีความคงตัว/การละลายต่ำให้มีคุณภาพสูงขึ้น 2. Haruna (ไทย) : พรีไบโอติกธรรมชาติจาก RS (Natural Resistant Starch) สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง 3. HILLKOFF (ไทย) : การนำเปลือกเชอร์รีกาแฟมาเพิ่มมูลค่า 4. LOCOL (ไทย) : การใช้ประโยชน์จากของเหลือจากโกโก้สำหรับการผลิตเนื้อวัวที่มีคาร์บอนต่ำ 5. MadeSweetly (สหราชอาณาจักร) : สารให้ความหวานจากพืชทางเลือกโดยใช้การหมักที่แม่นยำเพื่อผลิตโปรตีนที่มีความหวานตามธรรมชาติ 6. Karmic Global (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์): พลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้จากการนำของเสียจากอุตสาหกรรมกุ้งมาใช้ 7. ZenxTag Technology (ฮ่องกง): พัฒนาไพรเมอร์ตรวจจับการเน่าเสียแบบละเอียด (TVB, pH, H2S, TMA) สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร 8. Sherapis (ไทย): ซุปก้อนโซเดียมต่ำ 9. MAMAY Technologies (อิสราเอล): การแปลงสัมผัสทางประสาทสัมผัสให้เป็นดิจิทัล และ 10. Nano Onions (ไทย): หลอดดูดน้ำจากสาหร่ายทะเล
ส่วนฟู้ดเทคสตาร์ตอัป 10 รายที่ได้เข้าร่วมโครงการเร่งการเติบโตทางธุรกิจ (Accelerator Program) ได้แก่ 1. Akarso Bio (สหรัฐอเมริกา): พัฒนาส่วนผสมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะและเป็นฉลากสะอาด ซึ่งช่วยเพิ่มการหลั่ง GLP-1 เพื่อความอิ่มและสุขภาพเมตาบอลิซึม 2. Poseidona (สเปน): การใช้สาหร่ายทะเลที่ได้รับการกอบกู้เพื่อพัฒนาส่วนผสมโปรตีนสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร 3. Warich Food (ไทย): พัฒนาอาหารใหม่จากผลไม้สุกและเปลี่ยนให้เป็นผลิตภัณฑ์แปลกใหม่
4. Alcheme Bio (สหรัฐอเมริกา): พัฒนา "ไขมันแทรกในเนื้อ" ระดับเซลล์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเอนไซม์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เปลี่ยนโปรตีนทางเลือกโดยการปรับปรุงรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ 5. TIGAMILK (ฮ่องกง): นมจากถั่วลายเสือรายแรกของโลก 6. Jupitair (โปแลนด์): นวัตกรรมเครื่องยนต์โฟโตคะตะไลติกที่จดสิทธิบัตร โดยอาศัยชั้นเซรามิกโครงสร้างนาโน ซึ่งถูกกระตุ้นการทำงานด้วยแสงยูวีเอ LED 7. Genbioma (สเปน): ส่วนผสมและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติที่ควบคุมการเผาผลาญผ่านความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ 8. Neramit Foodtech (ไทย): ข้าวปลอดแป้งรายแรกของไทยจากโปรตีนสูงและใยอาหารจากสาหร่ายทะเล 9. Hypercell Technologies (สหรัฐอเมริกา): ช่วยให้สามารถตรวจจับเชื้อโรค ณ จุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วภายใน 40 นาที ด้วยความแม่นยำระดับห้องปฏิบัติการ และ 10. Singular Intelligence (สหราชอาณาจักร): ใช้ประโยชน์จาก AI และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหาร
ส่งออก 4 สตาร์ตอัปร่วมอวดศักยภาพสู่ตลาดกาตาร์ใน "Web Summit Qatar 2025" พร้อมชี้โอกาสนวัตกรรมสายกรีนโตแรงกว่าร้อยละ 25 ในช่วงตลอด 10 ปีนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดพื้นที่แห่งโอกาสนำ 4 สตาร์ตอัปไทย สาขาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม (Climate Tech Green Tech) เข้าร่วมจัดแสดงนวัตกรรม แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น พร้อมทั้งพบปะสตาร์ตอัป ผู้เชี่ยวชาญ และนักลงทุนจากต่างประเทศใน "งาน Web Summit Qatar 2025" ณ กรุงโดฮา
เอ็นไอเอ เร่งขยายสัดส่วนธุรกิจขนาดกลาง พร้อมปิดแก็ปเอสเอ็มอีไทยโตไม่สมดุล
—
ผ่าน "โครงการ INNOProductivity for SMEs" ดึงโมเดลศักยภาพองค์กรนวัตกรรม ผสานการ...
เอ็นไอเอ - ทรู - สจล. ส่ง 5 นวัตกรรมไขปัญหาจัดการขยะในเมืองด้วย "ฉลาดทิ้ง : สถานีจัดการขยะอัจฉริยะ"
—
เอ็นไอเอ ทรู สจล. ส่ง 5 นวัตกรรมไขปัญหาจัดการขยะในเม...
เอ็นไอเอครองแชมป์อันดับหนึ่ง "องค์การมหาชน" ด้านนวัตกรรม-เทคโนโลยี 4 ปีซ้อน
—
เอ็นไอเอครองแชมป์อันดับหนึ่ง "องค์การมหาชน" ด้านนวัตกรรม-เทคโนโลยี 4 ปีซ้อน ...
เอ็นไอเอ - สสส. ดึงนิวเจน สรรค์สร้างนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพ ในแคมเปญ The Health Promotion INNOVATION PLAYGROUND
—
เอ็นไอเอ สสส. ใช้พลังคนรุ่นใหม่สร้าง "ชาต...
เอ็นไอเอคัด 8 ผู้ประกอบการไทยสายการแพทย์ - สุขภาพ คว้าโอกาสบุกตลาดเยอรมนี - ยุโรป พร้อมโชว์จุดแข็งในงาน Medica 2024
—
เอ็นไอเอคัด 8 ผู้ประกอบการไทยสายการแ...