ดีพร้อม ดึง อย. ติวเข้มผู้ประกอบการเครื่องสำอาง Hero Brand กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ผ่านมาตรฐานสินค้า พร้อมโฆษณาให้ถูกกฎหมาย ไม่ต้องเสี่ยงเสียค่าปรับ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ร่วมกับหลักสูตรเคมีผลิตภัณฑ์และธุรกิจเครื่องสำอาง ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ขับเคลื่อน Hero Brand สู่แบรนด์ระดับสากล ผ่าน "กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทย" เติมเต็มความรู้เรื่อง "คุณภาพมาตรฐาน ข้อควรระวังในสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง" และ "การโฆษณาและการจัดทำฉลากตามกฎหมายเครื่องสำอาง" ให้กับผู้ประกอบการเครื่องสำอาง โดยมีเภสัชกรชำนาญการพิเศษ สำนักงานอาหารและยา (อย.) เป็นผู้บรรยายให้ความรู้

ดีพร้อม ดึง อย. ติวเข้มผู้ประกอบการเครื่องสำอาง Hero Brand กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ผ่านมาตรฐานสินค้า พร้อมโฆษณาให้ถูกกฎหมาย ไม่ต้องเสี่ยงเสียค่าปรับ

ทั้งนี้ การมี อย. เครื่องสำอาง ถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการสร้างแบรนด์ ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค เพราะการจดแจ้ง อย. เป็นการรับรองว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด โดยมุ่งเน้นที่ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ว่าไม่มีสารอันตรายที่ต้องห้ามตามกฎหมาย

เปิดคุณภาพมาตรฐานและข้อควรระวังของ อย.

ภญ.ปริณดา เตชะศิรินุกูล เภสัชกรชำนาญการพิเศษ กลุ่มเครื่องสำอางใหม่และนวัตกรรม กองควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ความรู้ในหัวข้อเรื่อง "คุณภาพมาตรฐาน ข้อควรระวังในสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง" ว่า มาตรฐานการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้ว่าประเทศที่จะนำสินค้าไปขายมีมาตรฐานอย่างไร โดยในประเทศไทยเครื่องสำอางเป็นวัตถุที่ต้องใช้กับภายนอกของร่างกายมนุษย์ รวมถึงใช้กับฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด สวยงาม หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะที่ปรากฏได้ ซึ่งเกณฑ์ในการพิจารณามี 3 ด้านคือ 1. วิธีใช้ ต้องใช้กับร่างกายภายนอกของมนุษย์ 2. วัตถุประสงค์การใช้ ต้องใช้ทำความสะอาด บำรุง หรือสวยงาม เป็นต้น 3. สูตรส่วนประกอบ ต้องอยู่ในตำราเครื่องสำอาง

ก่อนทำการผลิตเครื่องสำอางออกสู่ตลาด ผู้ผลิต และผู้รับจ้างผลิต รวมถึงผู้นำเข้า ต้องจดแจ้งรายละเอียดของเครื่องสำอางต่อ อย. โดยใบรับจดแจ้งจะมีอายุ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบรับจดแจ้ง ซึ่งการกำกับดูแลมุ่งเน้น 5 เรื่อง ได้แก่ 1. สารในเครื่องสำอาง อาทิ เป็นสารที่ใช้ได้หรือไม่ หรือมีเงื่อนไขการใช้อย่างไร 2. สิ่งต้องห้าม เช่น ห้ามใช้ภาชนะบรรจุที่เป็น Syringe, Ampoule, Vial หรืออยู่ในภาชนะบรรจุที่ใช้เครื่องมือประกอบในการผลักดันสารเข้าสู่ผิวหนัง 3.สถานที่และหลักเกณฑ์ โรงงานต้องมีมาตรฐานตามที่กำหนด 4.ฉลากเครื่องสำอาง 5.การโฆษณา

สำหรับการแจ้งสารในระบบจดแจ้งเครื่องสำอาง อย. ปัจจุบันมีตำราสากลที่ใช้อยู่ 2 แหล่ง ได้แก่ Cosing ของยุโรป (EU) ช่วยบอกว่าสารแต่ละตัวทำหน้าที่อะไร และเรื่องกฎหมาย มีความสอดคล้องกับกฎหมายของไทยประมาณ 90% สามารถใช้เป็นไกด์ไลน์ได้ ส่วนอีกตำราเป็น PCPC ของสหรัฐฯ ซึ่งต้องเป็นสมาชิกและเสียค่าธรรมเนียม เหมาะกับคนที่ทำวิจัยและพัฒนา (R&D) เพราะมีรายละเอียดของสารจำนวนมาก ตอบโจทย์เชิงพาณิชย์มากกว่า

ทั้งนี้ ประกาศของ อย. ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ในการกำกับดูแลสารในเครื่องสำอางมีด้วยกัน 6 ประเภท ดังนี้ 1.สารห้ามใช้ 2.สารที่อาจใช้เป็นส่วนผสมฯ โดยใช้ได้ตามที่ อย. กำหนดเท่านั้น 3.สารกันเสีย มีการคุมปริมาณไม่ให้เกินกำหนด เพื่อความปลอดภัย 4.สารกันแดด เป็นสารที่ต้องกำกับดูแล 5.สี มีเงื่อนไขในการใช้ และ 6.กัญชา กัญชง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการปนเปื้อนโลหะหนักในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป โดยโลหะหนักจัดเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ยกเว้นการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปได้ในปริมาณที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนมาจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตได้

โฆษณาถูกกฎหมาย ไม่ต้องเสี่ยงเสียค่าปรับ

ด้าน ภญ.รุ่งดารา เนียมโภคะ เภสัชกรชำนาญการพิเศษ กลุ่มเฝ้าระวังและการบังคับใช้กฎหมาย กองควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ข้อมูลว่า การโฆษณาเครื่องสำอางไม่จำเป็นต้องขออนุญาต แต่ข้อความต้องไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยหลักการง่าย ๆ คือ อย่าเคลมให้เกินจริง โดยก่อนที่จะทำการโฆษณาผู้ประกอบการต้องรู้ 5 นิยาม ดังนี้

  1. เครื่องสำอาง: ใช้แค่ภายนอก ฟัน ช่องปาก เพื่อทำให้สะอาด สวยงาม ดูดี
  2. ข้อความ: การกระทำให้ปรากฏด้วยตัวอักษร ภาพ ภาพยนตร์ แสง เสียง เครื่องหมาย หรือการกระทำอย่างใด ๆ ที่ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าใจความหมายได้
  3. โฆษณา: การกระทำใด ๆ ให้ประชาชนเห็น ได้ยิน หรือทราบ ข้อความเพื่อประโยชน์ทางการค้า
  4. สื่อโฆษณา: สิ่งที่ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา เช่น หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ โทรศัพท์ สื่อออนไลน์ หรือป้าย
  5. ผู้โฆษณา: เจ้าของผลิตภัณฑ์หรือผู้ประกอบธุรกิจที่สั่งให้มีการโฆษณาและผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการโฆษณานั้น

สำหรับกฎหมายและบทกำหนดโทษเกี่ยวกับการโฆษณาเครื่องสำอาง ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 หมวด 6 การโฆษณา ประกอบด้วย มาตรา 41 ห้ามโฆษณาหลอกลวง เกินจริง อ้างอิงรักษาโรค, มาตรา 42 ห้ามโฆษณาผิดศีลธรรม หรือรบกวนสังคม, มาตรา 43-45 เกี่ยวกับกรรมการฯ สั่งแก้ไข/ห้ามใช้ข้อความ/ให้พิสูจน์, มาตรา46 ขอความเห็นหากสงสัย และมาตรา 84 หากฝ่าฝืน จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหลักการโฆษณาเครื่องสำอางให้ถูกกฎหมาย ไม่ต้องเสี่ยงเสียค่าปรับทำได้ ดังนี้

๐ เป็นจริง ตรวจสอบได้ ตรงตามจดแจ้ง

๐ อยู่ในขอบข่ายของความเป็นเครื่องสำอาง

๐ การกล่าวอ้าง ต้องมีหลักฐาน งานวิจัย หนังสือรับรอง

๐ ไม่แฝงสรรพคุณยา ผิดศีลธรรม บำรุงทางเพศ

๐ ห้ามอ้างหมอ เว้นแต่เกี่ยวข้องจริง และมีเอกสารยืนยัน

สำหรับแนวทางการแสดงฉลากเครื่องสำอางให้ถูกต้องกฎหมาย โดยรายละเอียดข้อความบนฉลากตามประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่องฉลากของเครื่องสำอาง พ.ศ. 2562 ประกอบด้วย

  1. ชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้าของเครื่องสำอาง ซึ่งต้องมีขนาดใหญ่กว่าข้อความอื่น
  2. ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง
  3. ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ทั้งนี้ ต้องเรียงลำดับตามปริมาณของสารจากมากไปหาน้อย แต่ในกรณีสารที่ใช้มีปริมาณน้อย 1% สามารถสลับที่กันได้
  4. วิธีใช้
  5. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต กรณีเป็นเครื่องสำอางที่ผลิตในประเทศ หรือชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้า ชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต กรณีที่เป็นเครื่องสำอางนำเข้า
  6. ปริมาณสุทธิ
  7. เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต
  8. เดือน ปี ที่ผลิต หรือ ปี เดือน ที่ผลิต
  9. เดือน ปี ที่หมดอายุ หรือ ปี เดือน ที่หมดอายุ
  10. คำเตือน (ถ้ามี) รายละเอียดการแสดงคำเตือนบนฉลาก ตามประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง การแสดงคำเตือนที่ฉลาก
  11. เลขที่ใบรับจดแจ้ง


ข่าวกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม+มหาวิทยาลัยศิลปากรวันนี้

ดีพร้อม พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดสากล จัดใหญ่2025

กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) ขอเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมยกระดับผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงสู่ตลาดโลก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568" เฟ้นหาผู้ประกอบการที่พร้อม ที่จะเปิดโลกตลาดต่างประเทศ ดีพร้อม :พร้อมก้าวไปด้วยกัน กับเคมเปญ "ดีพร้อม: ที่นี่มีแต่ให้" เปิดโอกาสร่วมเดินทางสู่งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับสากล กลุ่มเป้าหมาย : ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และ/หรือ ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ OTOP กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป หรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ