ก.ล.ต. มีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับกองทุนรวมให้มีความเหมาะสม ชัดเจน เป็นธรรม และสะท้อนบริการที่ผู้ลงทุนได้รับ และไม่สร้างภาระแก่ผู้ลงทุนเกินควร

ก.ล.ต. สนับสนุนการใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมือในการลงทุนของผู้ลงทุนในระยะยาว ที่มีอัตราค่าธรรมเนียมที่สะท้อนกับการลงทุนในลักษณะดังกล่าว โดยมีแนวคิดในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณและเปิดเผยค่าธรรมเนียมกองทุนรวม เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้ลงทุน เสริมสร้างความรับผิดชอบของผู้ประกอบธุรกิจในการกำหนดค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับบริการที่ผู้ลงทุนได้รับ โดยมีการเปิดเผยอย่างโปร่งใส เป็นธรรม สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานสากล รวมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถกำหนดโครงสร้างค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับลักษณะการให้บริการ

ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

(1) กำหนดหลักการการคิดค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมให้เหมาะสม ชัดเจน เป็นธรรม เพื่อสะท้อนบริการที่ผู้ลงทุนได้รับ และไม่สร้างภาระเกินควรแก่ผู้ลงทุน โดยผู้ประกอบธุรกิจต้องมีกลไกกำกับดูแลให้โครงสร้างค่าธรรมเนียมกองทุนรวมเป็นตามหลักการดังกล่าว และมีการทบทวนความเหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ

(2) เพิ่มความชัดเจนของการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ (management fee) ดังนี้

- บลจ. ต้องกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจัดการที่ชัดเจนไว้ในโครงการฯ (เช่น ร้อยละ xx ของมูลค่ากองทุนรวมตาม NAV เป็นต้น) โดยการปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการจัดการจะทำได้เฉพาะเมื่อมีการกำหนดเงื่อนไข ปัจจัยที่จะปรับ การคำนวณ และอัตราสูงสุดที่ชัดเจนไว้ในโครงการจัดการ โดยต้องแจ้งผู้ลงทุนล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนปรับเพิ่มค่าธรรมเนียม

- การแบ่งค่าธรรมเนียมการจัดการ ให้ตัวแทนขายหน่วยลงทุน (trailer fee) ซึ่งมีผลให้ผู้ลงทุนเป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมทางอ้อมให้แก่ตัวแทนขายหน่วยลงทุนพ่วงไปกับการจ่ายค่าธรรมเนียมการจัดการ โดยบลจ. จะจ่ายได้และตัวแทนขายหน่วยลงทุนจะรับได้ เฉพาะเมื่อได้ใช้ความระมัดระวังและรับผิดชอบ (fiduciary duties) พิจาณาแล้วเห็นว่า ส่วนแบ่งนั้นเหมาะสมกับบริการหรือคำแนะนำที่ผู้ลงทุนได้รับ (ตามหลัก fee for reason) โดยมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอ และตัวแทนขายหน่วยลงทุนมีมาตรการเพียงพอที่จะจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์จากการได้รับค่าธรรมเนียมจาก บลจ. ซึ่งเป็นฝั่งผู้ขาย (buy side) ในการให้คำแนะนำเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของผู้ลงทุน ซึ่งเป็นฝั่งผู้ซื้อ (buy side)

(3) กำหนดให้การคิดค่าธรรมเนียมตามผลการดำเนินงาน (performance fee) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ บลจ. สร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ลงทุน จะทำได้ต่อเมื่อมีการกำหนดค่าธรรมเนียมดังกล่าวไว้ล่วงหน้า แยกจาก management fee โดยจำกัดประเภทกองทุนที่จะเรียกเก็บได้ และกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณ เพื่อให้มั่นใจว่าการคิด performance fee จะสะท้อนความสามารถในการจัดการลงทุนของ บลจ. ไม่ใช่ผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากภาวะตลาดโดยรวม

(4) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การขาย (sales conduct) สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุน ให้ต้องจัดทำเอกสารประกอบการขาย หรือการให้คำแนะนำการลงทุน มีการชี้แจงบริการที่ผู้ลงทุนจะได้รับในกรณีที่มีการเรียกเก็บ trailer fee อย่างชัดเจน และต้องมีมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการให้คำแนะนำการลงทุน รวมถึงต้องมีการให้บริการที่สอดคล้องกับค่าธรรมเนียมที่ผู้ประกอบธุรกิจได้รับ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=1080 ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือทางอีเมล [email protected] [email protected] หรือ [email protected] จนถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2568

• ข่าวสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
• ข่าวตลาดหลักทรัพย์
• ข่าวหลักทรัพย์
• ข่าวคณะกรรมการ
• ข่าวกองทุนรวม