SJWD ปรับใหญ่ธุรกิจ Freight เพิ่มศักยภาพเติบโต ทรานส์ฟอร์ม 'เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท' สู่ ผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ขึ้นแท่นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายแรกในไทยที่คว้าสิทธิเป็นผู้ให้บริการ NSP

SJWD ปรับใหญ่ธุรกิจ Freight เพิ่มศักยภาพเติบโต ทรานส์ฟอร์ม 'เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท' สู่ ผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล

"บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์" หรือ SJWD วางกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพธุรกิจ Freight หลังปรับโครงสร้างแยกธุรกิจมาดำเนินงานภายใต้บริษัท "เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท" เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รุกทรานส์ฟอร์มธุรกิจ พลิกโฉมจากผู้ให้บริการ Freight สู่การเป็นผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศแบบครบวงจรด้วยดิจิทัลโซลูชั่น สร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น พร้อมขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ "Digital Business for Export and Import" หลังเป็นผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศรายแรกในไทย ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า-ส่งออกกับกรมศุลกากร หรือ NSP (National Single Window Service Provider) วางเป้าหมายดันรายได้นับจากปี 2567-2572 เพิ่มขึ้นกว่า 70% จาก 1,500 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท

นายบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพธุรกิจ Freight และยกระดับการให้บริการที่แตกต่างจากผู้ประกอบการทั่วไปในตลาด โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้ปรับโครงสร้างแยกธุรกิจ Freight ออกมาดำเนินการภายใต้บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท จำกัด เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายธุรกิจ Freight Forwarder ทั้งทางทะเลและทางอากาศ (Sea Freight & Air Freight) ทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน เดินหน้าทรานส์ฟอร์มธุรกิจจากผู้ให้บริการ Freight หรือตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ สู่การเป็นผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศแบบครบวงจรด้วยดิจิทัลโซลูชั่น

การทรานส์ฟอร์มธุรกิจของเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท ครั้งนี้ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จากเดิมที่แบ่งธุรกิจหลักเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มธุรกิจ Freight ประกอบด้วย บริการตัวแทนผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศแก่ลูกค้าในเครือ SCG และลูกค้าทั่วไป ซึ่งฐานลูกค้าปัจจุบันคิดเป็นจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ปริมาณ 150,000 TEU/ปี รวมทั้งสินค้าเทกองจำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี และ (2) กลุ่มธุรกิจ Non-Freight ประกอบด้วยบริการด้านพิธีการศุลกากร บริการด้านเอกสารเกี่ยวกับการส่งออกและนำเข้าสินค้า บริการด้านเอกสารที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการต่าง ๆ เป็นต้น ล่าสุดได้ขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ "Digital Business for Export and Import" หรือการให้บริการด้านดิจิทัลเพื่อการส่งออกและนำเข้า โดยมุ่งหวังให้เป็น New S-Curve เนื่องจากมีศักยภาพเติบโตสูง

การขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ดังกล่าว เนื่องจากเห็นโอกาสจากการที่บริษัทฯ และอุตสาหกรรมที่ส่งออกและนำเข้าสินค้า มีความต้องการใช้บริการทำธุรกรรมส่งข้อมูลแบบดิจิทัลเพื่อดำเนินพิธีการศุลกากร ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนสำหรับการส่งออกและนำเข้าเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยประเมินว่ามีมูลค่าตลาดรวมกว่า 3,300 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำกว่าการส่งข้อมูลด้วยเอกสาร

ล่าสุด บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท ได้ผ่านการรับรองคุณสมบัติตามข้อกำหนดการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบ NSW และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ NSW Service Provider (NSP) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT โดยนับเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองคุณสมบัติและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ NSP ดังกล่าว หลังจากได้ลงทุนพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาครัฐและเอกชน

บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท เริ่มให้บริการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 โดยเฟส 1 เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าในเครือ SCG โดยจะรับข้อมูลจากลูกค้าผ่านแพลตฟอร์ม และเชื่อมข้อมูลไปยัง บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อส่งต่อข้อมูลไปยังกรมศุลกากร จากนั้นกรมศุลกากรส่งข้อมูลตอบรับสินค้ากลับมายังแพลตฟอร์มบริษัทฯ เพื่อส่งข้อมูลกลับไปยังลูกค้าแบบเรียลไทม์ ส่วนเฟส 2 จะทำการขยายบริการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรแก่ลูกค้าทั่วไป รวมถึงบริการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ไปยังหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและนำเข้าสินค้า

จากกลยุทธ์ทรานส์ฟอร์มธุรกิจครั้งนี้ มีเป้าหมายผลักดันรายได้ของบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท นับจากปี 2567-2572 เพิ่มขึ้นเกือบ 70% จาก 1,500 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท โดยในปี 2567 สัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มธุรกิจ Freight 70% และ Non-Freight 30% คาดว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จะมาจากกลุ่มธุรกิจ Freight 50%, Non-Freight 40% และ Digital Business สำหรับการส่งออกและนำเข้า 10% โดยมีแผนจะขยายงานกลุ่มธุรกิจ Non-Freight และธุรกิจ Digital Business สำหรับการส่งออกและนำเข้า เพื่อเพิ่มสัดส่วนอัตรากำไรที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงตั้งเป้าหมายบริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท ก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศแบบครบวงจรด้วยดิจิทัลโซลูชั่น


ข่าวบริการโลจิสติกส์+ดิจิทัลโซลูชั่นวันนี้

'ทริพเพิล ไอ' ประกาศงบไตรมาส 1/68 ทำกำไรสุทธิกว่า 108 ล้านบาท โต 5.4% Q2 รับปัจจัยบวกขนส่งสินค้าทางอากาศฟื้นตัว จับมือพันธมิตรสร้างแหล่งรายได้ใหม่ มั่นใจเติบโตต่อเนื่อง

บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ หรือ III เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ทำรายได้รวม 531.3 ล้านบาท เติบโต 6.3% ส่วนกำไรสุทธิหลังหักรายการพิเศษทำได้ 108.6 ล้านบาท โต 5.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) ไตรมาส 2 รับปัจจัยบวกปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศฟื้นตัว พร้อมรับมือนโยบายภาษีทรัมป์ เดินหน้าแผน Synergy 360? จับมือพันธมิตรสร้างแหล่งรายได้ใหม่ มั่นใจเติบโตต่อเนื่อง นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับภูมิภาค เปิด

เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการโลจิสติก... J&T Express เปิดเผยรายงานความยั่งยืน ปี 2024 การขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนด้านโลจิสติกส์ — เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับโลก ...

คุณอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้... คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ SF Asia ลงนามความร่วมมือ ด้านการให้บริการโลจิสติกส์ — คุณอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง...

ครบเครื่องสาระความรู้วงการโลจิสติกส์และซั... Logistics Mag ฉบับล่าสุด พบกับ วิสัยทัศน์ & นโยบาย ของ เรือโท ยุทธนา โมกขาว — ครบเครื่องสาระความรู้วงการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ไฮไลท์เล่มนี้ พบกับ วิ...