ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย และถือเป็นวิกฤตเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และมะเร็งปอด หรือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และคุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ แม้ภาครัฐจะออกมาตรการรับมือมาหลายปี แต่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่การควบคุมฝุ่นในระยะสั้น แต่รวมถึงการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ทั้งในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การขนส่ง และพฤติกรรมของประชาชน
จากวิกฤตที่คนไทยในหลายภาคส่วน จึงนำมาสู่ โมเดล 8-3-1: กรอบการทำงานเพื่อจัดการฝุ่นอย่างเป็นระบบ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่พัฒนาขึ้นเพื่อจัดการปัญหาฝุ่นอย่างเป็นระบบ ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน นอกจากนี้ ยังมีการสร้างระบบฐานข้อมูลที่ครอบคลุมช่วยให้การตัดสินใจแม่นยำขึ้นและสนับสนุนการทำงานร่วมกัน แบ่งกระบวนการแก้ปัญหาออกเป็น 3 ระยะสำคัญ ได้แก่ ระยะป้องกัน (8 เดือน) : ลดแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น ควบคุมการเผาในที่โล่ง สนับสนุนพลังงานสะอาด และบังคับใช้มาตรการลดมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมและขนส่ง ระยะเผชิญเหตุ (3 เดือน) : รับมือช่วงฝุ่นสูง เช่น การแจ้งเตือนล่วงหน้า การประกาศเขตควบคุม และแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชน ระยะฟื้นฟู (1 เดือน) : ประเมินผลกระทบ ถอดบทเรียน และปรับปรุงมาตรการเพื่อใช้ในปีต่อไป โดยแนวทางนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาควิจัย นำโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. และหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมกันผลักดันให้การจัดการฝุ่น PM 2.5 เป็นระบบที่มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ส่องพลังของวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ กสว. เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของงานวิจัยในการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ โดยได้สนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงการวิจัยหลายร้อยโครงการทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร. ที่สามารถติดตามและวิเคราะห์ที่มาของฝุ่นได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดฝุ่น เช่น พันธุ์พืชที่ไม่ต้องเผาในการเก็บเกี่ยว ระบบเตือนภัยฝุ่นล่วงหน้า และแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศได้แบบเรียลไทม์
ศ. ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. กล่าวถึงความสำคัญของการบูรณาการงานวิจัยเข้ากับการแก้ปัญหาฝุ่นในพื้นที่ โดยเฉพาะ จังหวัดเชียงใหม่และ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด การพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ "อากาศสะอาด" ในระยะ 5 ปี ผ่านกลไก Payment for Ecosystem Service (PES) ช่วยให้เกิดแรงจูงใจทางเศรษฐกิจในการลดการเผาและดูแลทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน: กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่สามารถพึ่งพาภาครัฐหรือภาควิจัยเพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม เช่น ภาคอุตสาหกรรม: ลดการปล่อยมลพิษ ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภาคเกษตรกรรม: หลีกเลี่ยงการเผา ค้นหาแนวทางกำจัดเศษวัสดุทางการเกษตรที่ไม่สร้างมลพิษ ภาคขนส่ง: เพิ่มการใช้ขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และสนับสนุนยานพาหนะพลังงานสะอาด และภาคประชาชน: ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเผาขยะ และเฝ้าระวังจุดเผาในชุมชน
ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เน้นย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการหยุดเผาทั้งหมดในภาคเหนือ และสร้างคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นให้ประชาชน 2 ล้านคนในเชียงใหม่
อนาคตของประเทศไทย: ฝุ่นพิษจะหมดไปหรือไม่?
แม้จะมีความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ แต่ยังมีความท้าทายอีกมาก เช่น ปัญหาฝุ่นข้ามพรมแดนที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนที่ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม ด้วยการสนับสนุนจากภาควิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เชื่อว่าในอีก 2-5 ปีข้างหน้า เราจะสามารถควบคุมปัญหาฝุ่นพิษได้อย่างเป็นระบบ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคอากาศสะอาดได้อย่างแท้จริง "เพราะปัญหาฝุ่นพิษ ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบของเราทุกคน"
ATLAS เดินเครื่องเต็มกำลัง! หลังได้เงินไอพีโอ 1.2 พันลบ. บุกขยายธุรกิจ LPG ภาคครัวเรือน-ขนส่ง หนุนมาร์เก็ตแชร์ขึ้นผู้นำตลาด
Meranti Green Steel รวมพลังผู้นำอุตสาหกรรมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เหล็กคาร์บอนต่ำของไทย
บพข.จับมือ เคมีแมน พัฒนา 'รถบรรทุกไร้คนขับ' ต้นแบบคันแรกของไทย
สกพอ. จับมือ Osaka City ลงนาม MOU หนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ขับเคลื่อนดึงภาคเอกชนญี่ปุ่นลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียว สู่พื้นที่อีอีซี
ต้นแบบแปลงใหญ่ 'ตะไคร้บ้านวงฆ้อง' จ.กำแพงเพชร รวมกลุ่มผลิตมาตรฐาน GAP สร้างรายได้ หนุนเศรษฐกิจชุมชน
วว. ผนึกกำลัง DPU ยกระดับงานวิจัยด้าน Health and Wellness เสริมแกร่งภาคอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน/พัฒนาประเทศสู่ศูนย์กลางด้านสุขภาพนานาชาติ
"โฮมโปร x เมกาโฮม" ทุ่ม 570 ล้าน ปักหมุดโมเดลไฮบริดสโตร์อนาคต "พุทธมณฑลสาย 4" ตอบเทรนด์ดีมานด์บ้าน-ช่าง-โรงงาน รุกโซนเศรษฐกิจฝั่งตะวันตก โตระยะยาว
"ปลุกเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรม" INT มหิดล เดินหน้าผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จริง
TCMA ชูแนวคิด 3C3P บนเวที TCAC 2025