- เพิ่มมูลค่าให้กับความสามารถในการทำกำไรของเกษตรกรโดยการป้องกันการสูญเสียไนโตรเจนในปุ๋ย ทำให้ได้ผลผลิตมากขึ้น มีคุณภาพดีขึ้น และยกระดับความสามารถในการใช้ปุ๋ยมากขึ้น
- นำเสนอมาตรฐานใหม่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไนโตรเจนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้ Ampliqan(R) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในโมเดลธุรกิจคาร์บอนต่ำ
- แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการจัดการที่ยอดเยี่ยมและความเสถียรในปุ๋ยไนโตรเจน
หน่วยธุรกิจ Professional & Specialty Solutions (P&SS) ของบีเอเอสเอฟ ได้เปิดตัวสารยับยั้งการเกิดไนตริฟิเคชันล่าสุด Ampliqan(R) เป็นนวัตกรรมที่ป้องกันการสูญเสียไนโตรเจนจากการชะล้างไนเตรตและการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์สู่ตลาดปุ๋ย โดยจะพร้อมใช้งานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกภายในปี 2026 เนื่องจากหลายประเทศกำลังดำเนินการเกษตรที่เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง สารยับยั้งไนโตรเจนนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตปุ๋ยสามารถสร้างความแตกต่างและยกระดับกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายและสิ่งแวดล้อมในอนาคต
ไนโตรเจนเป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับพืช เนื่องจากพืชต้องการไนโตรเจนในปริมาณที่เพียงพอเพื่อให้ได้คุณภาพและผลผลิตที่สูง อย่างไรก็ตาม โดยเฉลี่ยแล้วมีเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ของไนโตรเจนที่ถูกดูดซึมโดยพืช โดยส่วนที่เหลือสามารถสูญเสียไปในอากาศกลายเป็นก๊าซเรือนกระจกหรือกระจายลงในน้ำเป็นการชะล้างไนเตรต ซึ่งประสิทธิภาพการใช้ไนโตรเจนต่ำสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาหลายประการ นอกจากเกษตรกรต้องสูญเสียศักยภาพในการผลิตจากไนโตรเจนที่สูญเสียไปแล้ว ยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การเกิดยูโทรฟิเคชัน และหมอกพิษ
Ampliqan(R) จะนำเสนออุตสาหกรรมและเกษตรกรด้วยมาตรฐานใหม่ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้ไนโตรเจน ปุ๋ยที่มีส่วนผสมของยูเรียหรือแอมโมเนียมจะถูกทำให้เสถียรด้วย Ampliqan ซึ่งช่วยป้องกันจากการชะล้างและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยพลังจากสารออกฤทธิ์ DMPSA-K2 ที่ไปยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียเฉพาะ ทำให้สามารถรักษาระดับแอมโมเนียมให้คงที่เป็นเวลานานขึ้น ซึ่งป้องกันไม่ให้ไนเตรตชะล้างออกจากรากพืชลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน พืชจึงได้รับการป้องกันและมีสารอาหารเพียงพอต่อการใช้งาน นอกจากนี้ พืชที่มีแอมโมเนียมประกอบเป็นสารอาหารรอง ยังมีประโยชน์ทำให้สร้างสารอาหารได้มากขึ้น ซึ่งมีผลสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพของพืช
Markus Schmid หัวหน้าธุรกิจ N-Management ของ BASF SE ได้กล่าวว่า: "นวัตกรรม Ampliqan(R) ช่วยให้บีเอเอสเอฟยืนหยัดในการขับเคลื่อนการเกษตรที่เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศ ทั้งยังสนับสนุนการเพิ่มผลกำไรต่อเกษตรกรอีกด้วย โดยการเข้าร่วมการประชุม New Ag International ครั้งที่ 23 ที่กรุงเทพนี้ จะช่วยให้บีเอเอสเอฟสามารถนำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่พร้อมใช้งานสำหรับอุตสาหกรรมและเกษตรกร เพื่อแสวงหาการเพิ่มผลผลิตที่ดีขึ้น ในขณะที่แก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยเช่นกัน จากความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงในด้านปุ๋ยของบีเอเอสเอฟ นวัตกรรมนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมปุ๋ยมีวิธีแก้ปัญหาที่เหนือกว่าและยั่งยืน ซึ่งเป็นประโยชน์มากมาย ทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตรกร และสิ่งแวดล้อม"
โดย Ampliqan(R) นั้นเป็นสูตรที่พร้อมใช้งานสามารถเก็บรักษาได้ในอุณหภูมิที่หลากหลาย อีกทั้งยังเข้ากันได้กับปุ๋ยไนโตรเจนทั้งหมด รวมถึงปุ๋ยสูตรยูเรีย แอมโมเนียมไนเตรต DAP (Diammonium Phosphate) MAP (Monoammonium Phosphate) NPKs (ปุ๋ยไนโตรเจน-ฟอสฟอรัส-โพแทสเซียม) และปุ๋ยแบบน้ำ ซึ่งทั้งหมดสามารถใช้ได้กับอุตสาหกรรมโรงงานไปจนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ใช้ได้ทั้งกับการผลิตแบบมาตรฐานและแบบผสมกับเครื่องผสมปุ๋ย ทำให้ผลผลิตมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน ช่วยให้ความยืดหยุ่นแก่อุตสาหกรรมปุ๋ยและเกษตรกร
TCMA ชูศักยภาพ "Co-Processing" หนุนเป้าหมาย NDC 3.0
TEI ผนึก กรมบัญชีกลาง อบก. กรมควบคุมมลพิษ เซ็น MOU ดัน "จัดซื้อจัดจ้างสีเขียว" ปั้นตลาดภาครัฐสู่ Net Zero
SPRC สรุปผลดำเนินงาน CSR ปี 68 ทุ่มงบ 14.5 ล้านบาท สร้างคุณค่า 4 มิติหลัก ย้ำความมุ่งมั่นสู่ Net Zero และการเติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน
WICE คว้า ISO 14064-1:2018 ตอกย้ำผู้นำโลจิสติกส์สีเขียว มุ่งสู่ Net Zero พร้อมรับกฎหมายสภาพภูมิอากาศ
หลัง COP30 ภาคธุรกิจไทยเร่งยกระดับห่วงโซ่อาหาร สู่มาตรฐานสากลด้านความยั่งยืน
QTC รับโล่ประกาศเกียรติคุณ CALO
ม.วลัยลักษณ์ ประกาศเจตนารมณ์ "มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน" ภายในปี 2030
เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส เปิดตัว EV Bike รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์สู่มาตรฐาน ESG ยกระดับการขนส่งสีเขียว