หลายคนมักมองข้ามอาการเช่น นอนละเมอ ท้องผูกเรื้อรัง มือสั่น แต่รู้หรือไม่ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณร้ายของ "โรคพาร์กินสัน" หนึ่งในกลุ่ม "โรคสมองเสื่อม" ที่พบมากเป็นอันดับ 2 รองจากอัลไซเมอร์ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ โรคนี้ไม่ได้เป็นแค่โรคของผู้สูงอายุอีกต่อไป เพราะหลายคนเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุยังน้อยโดยไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่ากำลังป่วยอยู่
 
                                                                                                                                        นพ.สิทธิ เพชรรัชตะชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและโรคพาร์กินสันจากโรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวถึงการเกิดโรคพาร์กินสันว่า "โรคนี้เกิดจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ประสาทในก้านสมอง ทำให้การผลิตสารโดปามีนลดลง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง และอาจมีอาการอย่างมือสั่นปรากฏออกมา หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการจะยิ่งรุนแรงจนไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้"
                                                             
                                                                                                                            
แม้ว่าโรคพาร์กินสันจะถูกค้นพบมานานกว่า 200 ปีแล้ว แต่ในประเทศไทยผู้คนส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มรู้จักโรคนี้จริงจังในช่วง 10-20 ปีมานี้ หลายคนยังเข้าใจผิดว่าเป็นแค่ "โรคมือสั่น" ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสมอง ทั้งที่ในความจริงแล้ว โรคพาร์กินสันคือหนึ่งในกลุ่ม "โรคสมองเสื่อม" ที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 รองจากอัลไซเมอร์ และสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือ โรคนี้ไม่ได้เป็นเพียงโรคของผู้สูงอายุเท่านั้น แต่คนทุกวัยสามารถเป็นได้ โดยหลายคนเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุยังน้อยโดยที่ไม่รู้ตัว
จากสถิติพบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคพาร์กินสันประมาณ 150-250 คน ต่อประชากร 100,000 คนในทุกช่วงวัย และจำนวนผู้ป่วยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ก็เพิ่มขึ้นทุกปี อันเป็นผลจากการพัฒนาด้านการวินิจฉัยและการให้ความรู้แก่ประชาชน
สำหรับสัญญาณเตือนของ "โรคพาร์กินสัน" ที่หลายคนมักมองข้าม เช่น การนอนละเมอ ท้องผูกเรื้อรัง ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน ทุกอาการเหล่านี้อาจเป็น "เสียงเตือน" จากสมองว่าระบบกำลังมีปัญหา และที่น่าตกใจคือ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นก่อนที่อาการสั่นจะเริ่มขึ้นถึง 10-20 ปี หมายความว่าเมื่อร่างกายเริ่มมีอาการทางการเคลื่อนไหว เช่น เคลื่อนไหวช้าลง มือสั่น หรือเดินสะดุด นั่นคือช่วงที่เซลล์สมองตายไปแล้วกว่า 60%
นพ.สิทธิ เพชรรัชตะชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า "การนอนละเมอ" โดยเฉพาะการละเมอที่มีท่าทางเคลื่อนไหวหรือออกเสียง มักจะเชื่อมโยงกับการเสื่อมของสมองในระยะเริ่มต้น โดยมีโอกาสพัฒนาเป็นโรคพาร์กินสันได้สูงกว่าคนทั่วไปถึง 30 เท่า หากเกิดร่วมกับอาการท้องผูกที่หาสาเหตุไม่ได้และการรับกลิ่นที่แย่ลงจนแทบไม่รู้ตัว ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงทันที
นอกจากนี้สาเหตุสำคัญของการเกิด "โรคพาร์กินสัน" คือ การเกิดภาวะย่อยโปรตีน Alpha-Synuclein โดยส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรม เมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยโปรตีนชนิดนี้ได้ โปรตีนเหล่านี้ก็สะสมในร่างกาย จนกลายเป็น "โปรตีนขยะ" จุดเริ่มต้นของโปรตีนขยะเหล่านี้อาจเริ่มจาก "ลำไส้" ก่อน แล้วค่อยๆ เดินทางผ่านเส้นประสาทเข้าสู่ก้านสมองและสมองส่วนอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากเริ่มมีอาการทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก แน่นท้อง หรือเรอ ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแค่อาการของระบบย่อยอาหาร แต่จริงๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคสมองเสื่อมระยะเริ่มต้นได้
สำหรับอาการของ "โรคพาร์กินสัน" แบ่งออกเป็น 5 ระยะ โดยเริ่มจากอาการเล็กน้อย เช่น การเคลื่อนไหวช้า หรือเดินลำบาก และในระยะรุนแรง ผู้ป่วยจะต้องพึ่งพาผู้อื่นในทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การเดิน หรือแม้แต่กิจกรรมง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน หลายคนมักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ตั้งแต่แรก เพราะอาการเริ่มต้นมักไม่ชัดเจน และเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของวัยหรือความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก โดยผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี, เพศชายที่มีโอกาสเป็นมากกว่าหญิงถึง 1.5 เท่า, ผู้ที่มีประวัติครอบครัวป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน, เกษตรกรที่สัมผัสสารเคมีบ่อย ๆ รวมถึงนักกีฬาที่เคยบาดเจ็บที่สมอง เช่น นักมวย และนักฟุตบอล
นพ.สิทธิ กล่าวให้ข้อมูลต่อว่า "แม้ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา "โรคพาร์กินสัน" ให้หายขาด แต่การรักษาอย่างรวดเร็วสามารถช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น การใช้ยาเพิ่มระดับสารโดปามีนในสมอง และในปัจจุบันมีนวัตกรรมการรักษาที่ก้าวหน้าขึ้น เช่น เทคโนโลยี Deep Brain Stimulation (DBS) หรือการผ่าตัดฝังอิเล็กโทรดในสมอง ช่วยลดอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า และลดการพึ่งพายาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ความเข้มสูง (Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้คลื่นเสียงยิงเข้าไปในสมองเฉพาะจุดเพื่อหยุดวงจรที่ผิดปกติ และแนวโน้มว่าเทคโนโลยีนี้จะขยายผลได้ดีในกลุ่มผู้ป่วยระยะแรก
นอกจากนี้ การรับประทานอาหารแบบ Mediterranean Diet ที่เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลา ไขมันดีจากน้ำมันมะกอก ช่วยลดความเสี่ยงของโรคพาร์กินสันได้อย่างมีนัยสำคัญ และการเปลี่ยนแปลงแบคทีเรียในลำไส้ยังมีบทบาทช่วยชะลอการดำเนินของโรคในอนาคต
นพ.สิทธิ กล่าวทิ้งท้ายว่า "โรคพาร์กินสัน" ไม่ใช่แค่โรคของผู้สูงวัยอีกต่อไป เพราะสามารถเกิดได้กับทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยกลางคนหรือแม้แต่วัยรุ่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีอันตราย เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดความเสี่ยง"
เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับ "โรคพาร์กินสัน" โรงพยาบาลพระรามเก้าได้จัดกิจกรรม "วันพาร์กินสันโลก" ณ ลานกิจกรรม ชั้น 2 อาคาร A เพื่อส่งต่อความรู้และช่วยเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคนี้ ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมให้ความรู้หลากหลาย เช่น บูธข้อมูลเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน, อาการ, สาเหตุ, แนวทางการดูแล, บูธโภชนาการแนะนำอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย และสัมมนาพิเศษ "พาร์กินสัน รู้เร็ว ป้องกันได้"
หากท่านต้องการดูแลสุขภาพของตนเองและคนที่รัก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1270 หรือเว็บไซต์: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ Facebook: Praram9 Hospital เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospitalอย่าลืมชวนคนที่คุณรักมาร่วม "โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน" เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน
 
                             โรงพยาบาลพระรามเก้า ขับเคลื่อนการสื่อสารแบรนด์ ด้วย AI ยกระดับศักยภาพของคนในองค์กร สู่การพัฒนาอย่างสมดุลและยั่งยืน
                            โรงพยาบาลพระรามเก้า ขับเคลื่อนการสื่อสารแบรนด์ ด้วย AI ยกระดับศักยภาพของคนในองค์กร สู่การพัฒนาอย่างสมดุลและยั่งยืน
                         โรงพยาบาลพระรามเก้า "ส่งต่อการให้" นำกล้องผ่าตัดเคลื่อนที่สู่ รพ. ยะลา ยกระดับการรักษา ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ
                            โรงพยาบาลพระรามเก้า "ส่งต่อการให้" นำกล้องผ่าตัดเคลื่อนที่สู่ รพ. ยะลา ยกระดับการรักษา ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ
                         รพ.พระรามเก้า ผนึกกำลัง รพ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเวทีวิชาการยิ่งใหญ่ "Update in Common Neck Pain 2025"
                            รพ.พระรามเก้า ผนึกกำลัง รพ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเวทีวิชาการยิ่งใหญ่ "Update in Common Neck Pain 2025"
                         เมื่อแรงขับชีวิตถูกดูด !!! "Burnout" ภาวะหมดไฟที่วัยทำงานและ Gen Z ต้องระวัง
                            เมื่อแรงขับชีวิตถูกดูด !!! "Burnout" ภาวะหมดไฟที่วัยทำงานและ Gen Z ต้องระวัง
                         โรงพยาบาลพระรามเก้า "ส่งต่อการให้" มอบกล้องผ่าตัดเคลื่อนที่สู่พื้นที่ห่างไกล เพื่อโอกาสการเข้าถึงการการรักษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีด้านสุขภาพ
                            โรงพยาบาลพระรามเก้า "ส่งต่อการให้" มอบกล้องผ่าตัดเคลื่อนที่สู่พื้นที่ห่างไกล เพื่อโอกาสการเข้าถึงการการรักษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีด้านสุขภาพ
                         โรงพยาบาลพระรามเก้า "ส่งต่อการให้" มอบกล้องผ่าตัดเคลื่อนที่สู่พื้นที่ห่างไกล เพื่อโอกาสการเข้าถึงการการรักษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีด้านสุขภาพ
                            โรงพยาบาลพระรามเก้า "ส่งต่อการให้" มอบกล้องผ่าตัดเคลื่อนที่สู่พื้นที่ห่างไกล เพื่อโอกาสการเข้าถึงการการรักษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีด้านสุขภาพ
                         โรงพยาบาลพระรามเก้า ชวน "ฟังเสียงหัวใจ" ผ่านกิจกรรม LISTEN TO YOUR HEART ตอกย้ำความสำคัญของการป้องกันโรคหัวใจ
                            โรงพยาบาลพระรามเก้า ชวน "ฟังเสียงหัวใจ" ผ่านกิจกรรม LISTEN TO YOUR HEART ตอกย้ำความสำคัญของการป้องกันโรคหัวใจ
                         โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดประสบการณ์ "LISTEN TO YOUR HEART" นิทรรศการสุขภาพผ่านศิลปะ และเวิร์กชอปเพื่อหัวใจที่อบอุ่น
                            โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดประสบการณ์ "LISTEN TO YOUR HEART" นิทรรศการสุขภาพผ่านศิลปะ และเวิร์กชอปเพื่อหัวใจที่อบอุ่น