บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ "NOBLE" ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์หลังบอร์ดไฟเขียวขายหุ้น 50% ของโครงการ นิว เอปิค อโศก-พระราม 9 ให้กลุ่ม STECON เสริมพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาว เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในทำเลชั้นนำของกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 มีมติอนุมัติให้จำหน่ายหุ้นสามัญที่ถืออยู่ใน บริษัท เวอร์ติคอล พระราม 9 อัลไลแอนซ์ 1 จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ นิว เอปิค อโศก-พระราม 9 (NUE EPIC ASOK - RAMA 9) มูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท สเตคเอ็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ STECX ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON คิดเป็นสัดส่วน 50%
ทั้งนี้ การร่วมทุน STECON ผ่านทาง STECX ถือเป็นก้าวสำคัญของ NOBLE ในการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาว เพื่อให้เป็นไปตามแผนการเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนและบริหารความเสี่ยงในการดำเนินการของบริษัทฯ ภายใต้กลยุทธ์การหาพันธมิตรทางธุรกิจที่เกื้อหนุนให้โครงการประสบความสำเร็จมาเป็นหุ้นส่วนสำคัญ การร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงช่วยผลักดันให้โครงการประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับโครงการ นิว เอปิค อโศก-พระราม 9 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise จำนวน 4 อาคาร จำนวนห้องชุดทั้งหมด 3,116 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่เปิดตัวด้วยมูลค่าสูงสุดในปี 2567 บนพื้นที่กว่า 15 ไร่ ใจกลาง CBD ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT เพียง 550 เมตรจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลและแยกพระราม 9 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองและทุกการเดินทาง นอกจากนี้ โครงการยังมาพร้อมกับอาคาร Pet Friendly โดยเฉพาะอีก 1 อาคาร ชูจุดเด่นคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้หนึ่งเดียวในย่าน พร้อมพื้นที่สีเขียวและส่วนกลางรวมกว่า 11 ไร่ ใหญ่ที่สุดในโซน CBD ครบครันกว่า 22 ฟังก์ชัน
นอกจากนี้ ทำเลพระราม 9 นับเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางธุรกิจหลักของกรุงเทพฯ ที่ถูกยกระดับสู่ International Office Hub และเป็นจุดหมายสำคัญของทั้งนักท่องเที่ยว นักลงทุน และผู้ประกอบการทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ รวมทั้งยังเป็นทำเลที่อยู่ในแผนพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์และสาธารณูปโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคต ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในทำเลนี้ ส่งผลให้โครงการ นิว เอปิค อโศก-พระราม 9 ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่ช่วงเปิด Pre-Sales ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 60% คิดเป็น Backlog ที่ประมาณ 8,300 ล้านบาท
ด้าน นายภาคภูมิ ศรีชำนิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON เปิดเผยว่า การลงทุนในครั้งนี้ เป็นการลงทุนผ่านบริษัท สเตคเอ็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ STECON ทั้งนี้บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งจะสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ประกอบกับที่ตั้งของโครงการนิว เอปิค อโศก-พระราม 9 อยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวก และเป็นที่นิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาทที่ประสบความสำเร็จในการขายเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเห็นได้จากการตอบรับที่ดีตั้งแต่ช่วงเปิดขายและมี Backlog รอโอนสูง ดังนั้นการเข้าลงทุนในครั้งนี้ นอกจากเล็งเห็นถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นการตอบโจทย์ในการช่วยเสริมศักยภาพการรับรู้รายได้ให้กับบริษัทฯ ในระยะเวลาอันรวดเร็วภายหลังโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น บริษัทย่อยภายใต้กลุ่ม STECON หนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศไทย ยังทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาหลักให้กับโครงการนิว เอปิค อโศก-พระราม 9 ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ผ่านการส่งมอบผลงานในโครงการขนาดใหญ่ของประเทศมากว่า 63 ปี ทั้งโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน โรงไฟฟ้า อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ โครงการรีเทล โรงแรม รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัยก็เป็นโครงการประเภทหนึ่งที่เราเล็งเห็นถึงความสำคัญ การเข้าร่วมลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับ NOBLE ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ และ สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับบริษัทฯ ทั้งยังช่วยยกระดับมาตรฐานงานก่อสร้างด้วยจุดแข็งด้าน Construction และ Engineering Solutions สร้างความมั่นใจในการส่งมอบโครงการคุณภาพสูง และเสริมศักยภาพความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างสองบริษัทฯ อย่างยั่งยืน
รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ NOBLE และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม STECON ยังเปิดเผยร่วมว่า การเข้าร่วมทุนในครั้งนี้มีผลเชิงบวกต่อทั้งสองฝ่าย โดยในมุมของ NOBLE ธุรกรรมดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายเงินลงทุนเข้ามาในผลประกอบการไตรมาส 3/2568 และส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดโมเดล Asset Light เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารและเพิ่มโอกาสในการหมุนเวียนเงินทุนเพื่อไปลงทุนโครงการในอนาคต สะท้อนความมุ่งมั่นของ NOBLE ในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยในมุมของ STECON การเข้าร่วมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสขยายการลงทุนของบริษัทสู่ธุรกิจใหม่เพื่อสนับสนุนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและสามารถเพิ่มมูลค่า Backlog จากงานก่อสร้างของโครงการมูลค่ากว่า 4,400 ล้านบาทได้ในทันที โดยโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัยยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายตลาดและกลุ่มลูกค้าพันธมิตรที่สำคัญของ STECON ในการต่อยอดธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ และทั้งสองฝ่ายยังคาดหวังว่าจะสามารถสร้างโอกาสในความร่วมมือไปยังโครงการอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
"โนเบิล" คว้าเกียรติบัตร "ESG DNA" สร้างวัฒนธรรมองค์กรสู่ความยั่งยืน
NOBLE ชำระคืนหุ้นกู้ครบ 2,184 ลบ. ปลดล็อกภาระหุ้นกู้สำหรับปีนี้ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เปิดโครงการใหม่และรับรู้รายได้ต่อเนื่อง
TEKA ส่งมอบคอนโดมิเนียม "นิว เมกา พลัส บางนา" เดินหน้ารับงานใหม่ต่อเนื่อง เสริมแกร่ง Backlog ปี 68
TEKA ส่งมอบโครงการ "นิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง" มูลค่า 954 ลบ. เสริมความเชื่อมั่นผู้พัฒนาอสังหาฯ เดินหน้าคว้างานใหม่ต่อเนื่อง
โนเบิลฯ ระดมทีมผู้บริหาร นิติบุคคล ผู้รับเหมา จัดประชุมเปิด Roadmap มาตรการตรวจสอบ และฟื้นฟูโครงการ
NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ "AAA" SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด "Live Different" ตามกรอบ ESG
โนเบิล เผยโฉมอาณาจักรใหม่ "นิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง" ส่วนกลางจัดเต็ม 8 โซน 26 กิจกรรม พร้อมอยู่แล้ววันนี้!
"โนเบิล"ตุน Backlog กว่า 21,000 ล้านบาท จ่อทยอยรับรู้ถึงปี 2570