ผลวิจัยชี้ตลาดรถไทยถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ลูกค้าเปลี่ยนรถเร็วแต่ภักดีต่อแบรนด์น้อยลง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ค่ายใดจะอยู่หรือไปเมื่อความภักดีของลูกค้าแบรนด์รถกำลังถูกทดสอบ ดิฟเฟอเรนเชียลเผยผลสำรวจพบตลาดรถยนต์ไทยกำลังอยู่ช่วงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ลูกค้าเน้นเปลี่ยนรถเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงหลังโควิด-19 แต่กลับภักดีต่อแบรนด์น้อยลง รถขุมพลัง Hybrid กำลังกลายเป็นคำตอบระยะถัดไปจากนี้ ขณะที่ EV ยังต้องพิสูจน์เรื่องความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือเพื่อการยอมรับระยะยาว

ผลวิจัยชี้ตลาดรถไทยถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ลูกค้าเปลี่ยนรถเร็วแต่ภักดีต่อแบรนด์น้อยลง

บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยการตลาดชั้นนำ เปิดเผยรายงานการวิจัย "2025 Voice of Consumers: Stay vs Switch" ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งใหญ่ของผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยหลังตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ขยายตัว และมีแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาแข่งขัน ซึ่งมีทั้งดีไซน์ และเทคโนโลยีที่มีความน่าสนใจ ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไม่แน่ใจว่าจะภักดีกับแบรนด์เดิมต่อไป หรือไม่ ผลวิจัยชี้ตลาดรถไทยถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ลูกค้าเปลี่ยนรถเร็วแต่ภักดีต่อแบรนด์น้อยลง

"ความภักดีต่อแบรนด์" รอยร้าวที่ขยายวงกว้าง

จากผลการศึกษาพฤติกรรมความภักดีต่อแบรนด์รถยนต์ในกลุ่มเจ้าของรถชาวไทย พบว่า มีเจ้าของรถเพียง 36% ที่ยังภักดีต่อแบรนด์รถเดิม และยืนยันว่าจะซื้อรถยี่ห้อเดิมต่อไป ซึ่งลูกค้ามากกว่า 60% มีความลังเลในการที่จะซื้อรถยี่ห้อเดิมต่อไป โดยรถยี่ห้อจากประเทศจีนมีความเปราะบางที่สุด มีเจ้าของรถถึง 82% มีความไม่แน่ใจ หรือเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนยี่ห้อ แม้แต่ยี่ห้อรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นที่เคยสร้างความภักดีอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้า ก็ยังเผชิญความเสี่ยง เมื่อลูกค้าครึ่งหนึ่งยังไม่มั่นใจว่าจะซื้อรถยี่ห้อเดิมต่อไป

ความรู้สึกภักดีต่อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์เป็นผลจาก 1) ความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ ลูกค้าจะเกิดความภักดีต่อแบรนด์เมื่อแบรนด์สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ความรู้สึกชอบในรูปลักษณ์และสมรรถนะ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ 2) มีประสบการณ์ที่ดีจากการเป็นเจ้าของตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อ จนถึงการบริการหลังการขาย นั่นหมายถึงความสะดวกในการซื้อ การบริการที่ดีจากพนักงานขาย ความพึงพอใจต่อศูนย์บริการทั้งด้านการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า การบำรุงรักษารถ การสื่อสารที่โปร่งใส และการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจ 3) มีภาพลักษณ์ และการรับรู้ของแบรนด์ที่ดี ความโดดเด่นของแบรนด์ และชื่อเสียงยังคงเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยรักษาความภักดี โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์เชื่อมโยงกับคุณภาพ ความปลอดภัย และราคาขายต่อที่ดี

ส่วนเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจจากแบรนด์เดิม คือ 1) วิถีชีวิตความต้องการ และความชอบที่เปลี่ยนไป ครอบครัวที่ขยายใหญ่ขึ้น รูปแบบการเดินทางใหม่ๆ หรือความต้องการรถยนต์ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลักดันให้ลูกค้ามองหาทางเลือกอื่น 2) การขาดนวัตกรรม แบรนด์ที่ไม่สามารถก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ เช่น ระบบความปลอดภัยขั้นสูง การเชื่อมต่อดิจิทัล หรือการพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า อาจสูญเสียความเชื่อมโยงกับตัวลูกค้าโดยเฉพาะในสายตาของลูกค้ารุ่นใหม่ที่ทันสมัย และช่างเลือก 3) ประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่ไม่ประทับใจ และมูลค่าขายต่อที่ลดลง การตั้งราคาที่ไม่โปร่งใส การทำสงครามราคาที่กระทบต่อมูลค่าขายต่อ หรือบริการหลังการขายที่ไม่น่าพึงพอใจ ล้วนบั่นทอนความเชื่อมั่น และผลักดันให้ลูกค้าเปลี่ยนไปหาแบรนด์คู่แข่ง

ขุมพลังถัดไป: ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น

นายศิรส สาตราภัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "พฤติกรรมลูกค้าคนไทยมีความลังเล และระมัดระวังมากขึ้นเมื่อจะซื้อรถ โดยยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกขุมพลังแบบใดในรถยนต์ที่จะซื้อคันต่อไป โดยพบความไม่แน่ใจเพิ่มขึ้นจาก 17% ในปี 2567 เป็น 29% ในปี 2568"

"เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่วนหนึ่งยังคงมีความตั้งใจที่จะเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าต่อไป แต่อีกส่วนเริ่มไม่แน่ใจ ขณะที่เจ้าของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ICE (Internal Combustion Engine) ค่อย ๆ ลดความผูกพันกับเครื่องยนต์สันดาป และหันไปเลือกรถยนต์ไฮบริด (HEV/PHEV) ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะถูกมองว่าเป็น ตัวเลือกที่ปลอดภัย และมั่นใจได้"

"ความลังเลนี้ทำให้รถยนต์ไฮบริด กลายเป็น "ทางเลือกที่ปลอดภัย" ที่เชื่อมช่องว่างระหว่างรถเครื่องยนต์สันดาป (ICE) ที่คุ้นเคย กับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยค่ายรถที่มีตัวเลือกระบบขุมพลังที่หลากหลายครอบคลุม ICE, Hybrid และ EV จะมีความได้เปรียบในการดึงดูดลูกค้าที่ต้องการพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมกับตนเอง"

"ตลาดรถยนต์ไทยกำลังอยู่ช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญ ลูกค้าอยากเปลี่ยนรถเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงหลังจากโควิด-19 แต่กลับภักดีต่อแบรนด์น้อยลง รถที่ใช้ขุมพลัง Hybrid กำลังกลายเป็นคำตอบระยะถัดไปจากนี้ ขณะที่ EV ยังต้องพิสูจน์เรื่องความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือก่อน จึงจะได้รับการยอมรับในระยะยาว"

อย่างไรก็ตามการวิจัยฯ ครั้งนี้ยังตอกย้ำว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยยังเปิดกว้างสำหรับผู้เล่นรายใหม่ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในกรณีที่ลูกค้าก็พร้อมจะเปลี่ยนใจเช่นกัน การรักษาความภักดีต่อแบรนด์ จึงต้องอาศัยการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้า เสริมด้วยนวัตกรรมและการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้กับลูกค้า สำหรับรถยนต์แบรนด์จีน สิ่งสำคัญที่สุด คือ การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ ผ่านบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ การรับประกันที่โปร่งใส และเครือข่ายบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า หากขาดรากฐานเหล่านี้ ต่อให้มีราคาแข่งขันหรือดีไซน์ใหม่ที่ดึงดูด ก็ไม่อาจสร้างการซื้อซ้ำได้"

"ส่วนรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่น และอเมริกัน ความท้าทายอยู่ที่การชูจุดแข็งดั้งเดิมที่สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า และเสริมด้วยดีไซน์ นวัตกรรมใหม่ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ระบบอินโฟเทนเมนท์ รวมถึงระบบส่งกำลังแห่งอนาคต และควบคู่ไปกับ กลยุทธ์การตั้งราคาที่แข่งขันได้กับคู่แข่งจากประเทศจีน แม้ว่าราคาของรถญี่ปุ่นหรืออเมริกันจะสูงกว่า แต่ความต่างนั้นต้องไม่ห่างเกินไป และมีความสมเหตุสมผลเพื่อให้อยู่ในเกมส์การแข่งขัน และครองใจผู้บริโภครุ่นใหม่ได้ต่อไป" นายศิรส กล่าว


ข่าวความปลอดภัย+ตลาดรถยนต์วันนี้

คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เปิดรับนักศึกษาใหม่ ภาคปกติปีการศึกษา 2569 รอบ 1 Portfolio รับตรง ครั้งที่ 2

คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เปิดรับนักศึกษาใหม่ ภาคปกติปีการศึกษา 2569 รอบ 1 Portfolio รับตรง ครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1- 15 ตุลาคม 2568 สมัครได้ที่ https://admission.ssru.ac.th/ กับ 3 หลักสูตร 9 สาขา ตอบโจทย์สายงานในปัจจุบัน?หลักสูตรด้านวิศวกรรมศาสตร์- สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Engineering)- สาขาวิชาวิศวกรรมหุ่นยนต์ (Robotics Engineering)- สาขาวิชาการจัดการวิศวกรรม (Engineering Management)?หลักสูตรด้านเทคโนโลยีและการจัดการ- สาขาวิชาเทคโนโลยีความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

70mai ผู้นำด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อัจฉริยะสำห... เปิดตัว 70mai A410 กล้องติดรถยนต์อัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด ปลอดภัย เชื่อถือได้ ในราคาน่าคบ — 70mai ผู้นำด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับยานยนต์ ประกาศเปิดตั...

กทม. กำชับมาตรฐานความปลอดภัยโครงการก่อสร้างถนนพุทธมณฑลสาย 1 ช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 คืบหน้าแล้วกว่า 40%

นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้างก่อสร้างถนนพุทธมณฑลสาย 1 ว่า ที่ผ่านมา สนย. ได้มีหนังสือแจ้งผู้รับจ้าง...

บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บ... ล็อกซเล่ย์ จับมือ เอเอสเอ็ม เดินหน้า "Pay The Love Forward" — บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท รักษาความปลอดภัย เอเอสเอ็ม แมเนจเมนท์ จำกัด ส...

บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (... NPS รับรางวัล SAFETY CULTURE TOGETHER IN THE WORKPLACE ตอกย้ำมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล — บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS เข้ารั...

นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักก... กทม. รุดตรวจสอบความปลอดภัย-โครงสร้างอาคารเก่าทั่วกรุง ป้องกันอันตรายผู้สัญจร — นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวถึงความคืบ...