เคยไหมครับที่รู้สึกว่าอ่านหนังสือไปตั้งหลายชั่วโมง แต่กลับจำอะไรไม่ค่อยได้? หรือเรียนในห้องก็ตั้งใจฟัง แต่พอถึงเวลาสอบกลับทำข้อสอบไม่ได้? ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนต้องเคยเจอ แต่ข่าวดีก็คือ การเรียนเก่งไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์เสมอไป แต่เป็นเรื่องของ "เทคนิค" และ "วินัย" ที่เราทุกคนสามารถฝึกฝนกันได้

บทความนี้จะมาแชร์ 7 เทคนิคการเรียนที่เหมือนเป็น "ทางลัด" ช่วยให้อ่านหนังสือสนุกขึ้น จำได้นานขึ้น และทำข้อสอบได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นประถม, มัธยม ไปจนถึงการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมพิกัดที่เรียนพิเศษย่านสยามเดินทางสะดวก
Learning Hub @MBK Center พิกัดที่เรียนพิเศษย่านสยาม เตรียมพร้อมทุกสนามสอบแข่งขัน
สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังมองหาที่เรียนพิเศษ หรือสถาบันกวดวิชาสำหรับติวหนังสือ และเตรียมสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยระดับประเทศ สามารถสมัครและวางแผนการเรียนแบบง่าย ๆ ไม่ต้องเดินข้ามหลายโซน เพราะที่โซน Learning Hub MBK Center มีทั้งโรงเรียนกวดวิชาสำหรับสายวิทย์ - คณิตฯ, สายศิลป์ - คำนวณ, สายศิลป์ - ภาษา หรือสายอื่น ๆ แบบครบครัน
นอกจากนี้ Learning Hub ของ MBK Center ยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และติวเตอร์ชั้นนำระดับประเทศไว้ให้น้อง ๆ ถึง 28 สถาบัน บนพื้นที่กว่า 8,700 ตารางเมตรตอกย้ำความเป็นศูนย์รวมสถาบันการศึกษา
7 เทคนิคอัปเกรดการเรียนรู้ ใช้ได้จริงทุกสนามสอบ
ลองเลือกเทคนิคที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเองไปปรับใช้ ไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมด ขอแค่เริ่มต้นและทำอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าผลการเรียนของคุณจะดีขึ้นแน่นอน
1. เทคนิค Pomodoro: แบ่งเวลาอ่านเป็นยก เพิ่มสมาธิ
แทนที่จะนั่งอ่านหนังสือยาวๆ 3-4 ชั่วโมงรวด ลองใช้เทคนิค Pomodoro (มะเขือเทศ) คือการตั้งเวลาอ่านหนังสือ 25 นาที แล้วพักเบรกสั้นๆ 5 นาที ทำแบบนี้วนไป 4 รอบแล้วค่อยพักยาว 15-30 นาที วิธีนี้จะช่วยให้สมองมีสมาธิจดจ่อกับเนื้อหาได้ดีขึ้นและลดอาการเบื่อหน่ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
2. เทคนิค Feynman: สอนเพื่อนให้เป็น คือขั้นสุดของการเข้าใจ
วิธีที่ดีที่สุดที่จะเช็กว่าเราเข้าใจเนื้อหานั้นจริงๆ หรือไม่ คือการลอง "สอน" หรือ "อธิบาย" เรื่องนั้นให้เพื่อนฟังด้วยภาษาของเราเองแบบง่ายๆ ถ้าเราสามารถอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนให้คนอื่นเข้าใจได้ นั่นแปลว่าเราได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นแล้ว
3. Active Recall: ไม่ใช่แค่อ่าน แต่คือการ "ดึงข้อมูล" ออกจากหัว
เปลี่ยนจากการอ่านหนังสือซ้ำๆ (Passive Learning) มาเป็นการทดสอบตัวเองบ่อยๆ (Active Recall) เช่น หลังจากอ่านจบหนึ่งบท ลองปิดหนังสือแล้วพยายามสรุปเนื้อหา หรือหาแบบฝึกหัดมาทำ การพยายาม "ดึงข้อมูล" ออกจากสมองแบบนี้ จะทำให้เราจำเนื้อหาได้แม่นยำกว่าการอ่านทวนเฉยๆ หลายเท่า
4. Mind Mapping: สรุปเป็นภาพ ช่วยให้เห็นความเชื่อมโยง
สำหรับเนื้อหาที่มีรายละเอียดเยอะและซับซ้อน ลองใช้เทคนิค Mind Mapping สรุปทุกอย่างลงในกระดาษแผ่นเดียว โดยเขียนหัวข้อหลักไว้ตรงกลาง แล้วลากเส้นโยงไปยังหัวข้อย่อยๆ วิธีนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมดและเข้าใจความเชื่อมโยงของแต่ละเรื่องได้ดีขึ้น
5. SQ3R Method: อ่านอย่างมีกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่อ่านไปเรื่อยๆ
นี่คือเทคนิคการอ่านตำราเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ 5 ขั้นตอน ได้แก่ Survey (สำรวจภาพรวม), Question (ตั้งคำถามที่อยากรู้), Read (อ่านเพื่อหาคำตอบ), Recite (สรุปและท่องจำ), และ Review (ทบทวน) ซึ่งจะช่วยให้เราอ่านหนังสือได้อย่างมีเป้าหมายและจับใจความสำคัญได้ดีขึ้น
6. Spaced Repetition: ทบทวนให้ถูกจังหวะ จำได้นานยันวันสอบ
เทคนิคนี้คือการทบทวนซ้ำในระยะเวลาที่ห่างขึ้นเรื่อยๆ เช่น ทบทวนครั้งแรกหลังเรียน 1 วัน, ครั้งที่สองในอีก 3 วัน, ครั้งที่สามในอีก 1 สัปดาห์ การทบทวนในจังหวะที่สมองเกือบจะลืมแบบนี้ จะช่วยกระตุ้นให้ข้อมูลถูกย้ายไปเก็บไว้ในความจำระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. หาตัวช่วยเสริมความรู้: ใช้คอร์สเรียนพิเศษเป็นทางลัด
บางครั้งการมีติวเตอร์หรือผู้เชี่ยวชาญมาช่วยสรุปเนื้อหาสำคัญและชี้จุดที่ข้อสอบออกบ่อยๆ ก็เป็นทางลัดที่ช่วยประหยัดเวลาได้มาก การลงคอร์สเรียนพิเศษเสริมในวิชาที่เราไม่ถนัด จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นการลงทุนเพื่อให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
สรุปบทความ
สุดท้ายแล้ว การเรียนเก่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เวลาอ่านหนังสือนานแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรา "เรียนอย่างฉลาด" และมีประสิทธิภาพแค่ไหนต่างหาก ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับการเรียนของตัวเอง แล้วคุณจะพบว่าการเรียนให้เก่งขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเลย