เครือข่ายอนุรักษ์ฯ 40 กลุ่ม เดินหน้าโครงการบ้านปลาร่วมกับฐานสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียมสงขลา ปตท.สผ. เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนริมทะเลสาบสงขลาและภาคใต้ชายฝั่งอ่าวไทย

นายนพพร นิลพงศ์ ประธานกลุ่มธนาคารสัตว์น้ำชุมชนประมงพื้นบ้าน (ธนาคารปูบ้านเลค่าย) ต.ระวะ อ.ระโนด จ.สงขลา กล่าวว่า ปัจจุบันมีสมาชิกเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลแล้วกว่า 40 กลุ่ม เป็นชาวบ้านและชาวประมงพื้นบ้าน รวมกว่า 1,200 คน ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างบ้านปลาในพื้นที่ทะเลสาบสงขลาและชายฝั่งทะเลอ่าวไทยบริเวณใกล้กับชุมชนที่ตั้งกลุ่ม และร่วมกันกำหนดข้อตกลงแนวเขตอนุรักษ์ โดยมีสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานประมง และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ร่วมเป็นที่ปรึกษาด้วย
ในปีพ.ศ. 2568 นี้ เครือข่ายอนุรักษ์ฯ ได้ร่วมกันสร้างบ้านปลาและเพิ่มปริมาณการปล่อยลูกปูม้าคืนสู่ธรรมชาติแล้วกว่า 7 พันล้านตัว และกุ้งก้ามกรามกว่า 14 ล้านตัว โดยมีข้อตกลงกำหนดแนวเขตอนุรักษ์ร่วมกันครอบคลุมพื้นที่กว่า 27 ตารางกิโลเมตร ในเขต 2 จังหวัด 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหัวไทร ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร เมืองสงขลา จะนะ เทพา และควนเนียง ซึ่งมีประชากรรวมประมาณ 5 แสนคน ที่จะได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการเพิ่มขึ้นของทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลสาบสงขลาและในทะเลอ่าวไทย
"โครงการบ้านปลา จะผสมผสานการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาชุมชน ดำเนินงานโดยชุมชนเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ฯ ชายฝั่งอ่าวไทยและริมทะเลสาบสงขลา โดยการสนับสนุนของบริษัท ปตท.สผ. และ ปตท.สผ.อีดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้จะช่วยฟื้นฟูทะเลอ่าวไทยและทะเลสาบสงขลาให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ และยังช่วยให้ชุมชนชายฝั่งและประมงพื้นบ้าน จับสัตว์น้ำได้มากขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น" นายนพพรกล่าว
ด้านนายประจวบ สุกทอง สมาชิกเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูโลมาอิรวดี บ้านแหลมคูลา ทะเลสาบสงขลา กล่าวว่า สมาชิกกลุ่มจะตกลงกันเว้นการทำประมงในพื้นที่แนวเขตอนุรักษ์ และร่วมกันเพาะฟักพันธุ์สัตว์น้ำ ได้แก่ ลูกกุ้ง ลูกปู และลูกปลา ที่ศูนย์เพาะฟักของแต่ละกลุ่ม จากนั้นจะนัดหมายทำกิจกรรมร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในวัยที่เหมาะสม ใกล้กับบริเวณแนวเขตอนุรักษ์และบ้านปลาที่สร้างไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์น้ำขนาดเล็กจะเติบโตต่อไปในธรรมชาติได้
ทั้งนี้ จากข้อมูลรายงานผลการศึกษาเปรียบเทียบรายได้ในปี 2560 กับปี 2563 โดย มทร.ศรีวิชัย พบว่าปริมาณสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ครัวเรือนของชาวประมงพื้นบ้านเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า อัตราผลตอบแทนจากการทำประมงสูงขึ้นหลายเท่า โดยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในการทำประมงสำหรับการจับปู เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 2.35 เป็นร้อยละ 28.93 การจับปลาเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 9.96 เป็นร้อยละ 20.27 และการจับกุ้งเพิ่มจากเดิมร้อยละ 2.86 เป็นร้อยละ 30.44 และในปัจจุบัน ชาวบ้านพบว่าการปล่อยลูกปูม้าและกุ้งก้ามกรามลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้ประมงพื้นบ้านจับปูและกุ้งได้ปริมาณมากขึ้น ส่งผลให้รายได้ความเป็นอยู่ของครอบครัวชาวประมงและชาวบ้านในพื้นที่ดีขึ้น เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความพึงพอใจต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การรวมตัวของกลุ่มอนุรักษ์ 40 กลุ่มดังกล่าว ยังก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและความสามัคคีในชุมชนอีกด้วย