"เอกา โกลบอล" ประเมินการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ในอินเดียและตะวันออกกลางสร้างโอกาสทางธุรกิจครั้งใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการไทย ตอกย้ำผู้นำตลาดบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุอาหาร เดินหน้าใช้ความได้เปรียบทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างโอกาสเจาะตลาดที่มีศักยภาพสูง

ข้อมูลจากหลายสถาบันวิจัยตลาดชี้ชัดว่า ตลาดอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ในอินเดียกำลังขยายตัวอย่างร้อนแรง อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากปี 2024 - 2025 ตลาดอาหารพร้อมรับประทานในอินเดียมีมูลค่าสูงถึง 10.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตด้วยอัตราการเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่สูงถึง 15.01% ในช่วงปี 2025 - 2033 ปัจจัยสำคัญมาจากไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เร่งรีบ และอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตกทำให้คนรุ่นใหม่มีความเปิดกว้างและคุ้นเคยกับอาหารพร้อมรับประทานมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของครัวเรือนขนาดเล็ก รวมถึงกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย และมีอัตราการเติบโตของตลาดที่น่าสนใจเช่นกัน โดยปี 2024 ตลาดอาหารพร้อมรับประทานในตะวันออกกลางมีมูลค่าประมาณ 22.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องด้วยอัตรา CAGR ที่ 3.94% ในช่วงปี 2025 - 2033
ตลาดอินเดีย โอกาสทองของนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุ
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของตลาดอินเดียว่า ไม่เพียงแค่เป็นตลาดที่มีประชากรมหาศาล แต่ยังเป็นตลาดที่เปิดรับนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร เอกา โกลบอล เล็งเห็นช่องว่างทางธุรกิจในการนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่สามารถคงคุณภาพอาหารให้สดใหม่และมีอายุการเก็บรักษานานขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องแช่แข็ง ซึ่งตอบโจทย์ทั้งผู้ผลิตอาหารและผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
"เราไม่ได้มองแค่มูลค่าตลาด แต่เรามองถึงปัญหาของผู้ผลิตและผู้บริโภคในอินเดีย อาหารอินเดียส่วนใหญ่มีรสชาติจัดจ้านและมีน้ำมันสูง การใช้บรรจุภัณฑ์ของเราที่ทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส สามารถรองรับการบรรจุแบบปลอดเชื้อ ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารอินเดียที่เป็นของเหลว เช่น แกงและขนมหวานต่าง ๆ หรือ อาหารมังสวิรัติ สามารถเก็บได้นานถึง 18 เดือนโดยไม่ต้องพึ่งสารกันบูด หรือ ระบบแช่แข็ง" นายชัยวัฒน์ กล่าว
ขยายฐานสู่ตะวันออกกลาง เจาะตลาดฮาลาลพรีเมียม
นอกจากอินเดียแล้ว เอกา โกลบอล ยังมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ GCC ซึ่งเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานระดับสูง การเติบโตของประชากรและนักท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ทำให้ความต้องการอาหารพร้อมรับประทานที่มีความหลากหลายและตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น
เอกา โกลบอล สามารถใช้จุดแข็งของเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดพรีเมียมในตะวันออกกลาง และยังเป็นพันธมิตรที่สำคัญสำหรับผู้ผลิตอาหารไทยที่ต้องการขยายตลาดไปสู่กลุ่มประเทศที่นิยมอาหารฮาลาล โดยเทคโนโลยีของเอกา โกลบอล ช่วยรักษามาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยของอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดตะวันออกกลางให้ความสำคัญ
อาหารเพื่อสุขภาพและ Plant - based อนาคตสดใส
แนวโน้มในอนาคตของทั้งสองตลาดชี้ไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ การเติบโตของอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant-based Food) ซึ่งเป็นโอกาสใหม่สำหรับเอกา โกลบอล ในการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่รองรับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้โดยเฉพาะ
"เราพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เติบโตในเวทีโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกและพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เรามั่นใจว่า เอกา โกลบอล จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อาหารไทยและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน" นายชัยวัฒน์ กล่าวปิดท้าย