นางสาวกาญจนา ภูพิพัฒน์ผล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านบริเวณสนามหลวงถูกล่อลวงให้เปิดบัญชีม้าว่า สพส. ร่วมกับสำนักงานเขตฯ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาคนไร้บ้านในพื้นที่เขตต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีคนไร้บ้านสนามหลวงถูกล่อลวงให้เปิดบัญชีม้าได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ ให้คำปรึกษา แนะนำการป้องกันการถูกล่อลวง เพื่อใช้บัญชีหรือเอกสารส่วนตัวในทางผิดกฎหมาย เช่น ให้ความรู้เรื่องการไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้ผู้อื่นทราบ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้คนไร้บ้าน ไม่หลงเชื่อคนแปลกหน้าที่ว่าจ้างให้เปิดบัญชี และรักษาเอกสารหลักฐานทางราชการของตนเองให้ดี ไม่สูญหาย ซึ่งอาจถูกนำไปกระทำการที่ผิดกฎหมายได้ และหากต้องการได้รับสวัสดิการ อาหาร หรือต้องการมีงานทำ ให้มาลงทะเบียนกับ กทม. หรือกระทรวงแรงงาน ที่บ้านอิ่มใจ สำนักงานการประปาแม้นศรี (เดิม) หรือที่จุดบริการ Drop in ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า (ฝั่งพระนคร) ทุกวัน เพื่อให้มีงานทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดย สพส. ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในงานที่คนไร้บ้านสามารถทำได้ เช่น พนักงานสวน พนักงานทำความสะอาด ช่างก่อสร้าง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานขับรถยนต์ พนักงานเสิร์ฟ ฯลฯ โดยขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนประสงค์ขอทำงาน 259 คน มีคนไร้บ้านที่ได้งานทำแล้ว 132 คน และอยู่ระหว่างรอเรียกตัว 11 คน

นอกจากนี้ สพส. ได้ประสานสำนักงานปกครองและทะเบียน (สปท.) กรณีมีประชาชนคนไร้บ้าน มาขอทำบัตรประจำตัวประชาชน โดยให้คำแนะนำแก่คนไร้บ้านในกรณีดังกล่าวนี้ด้วย และหากพบว่า ตกเป็นเหยื่อ จะประสานตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวน ให้การคุ้มครองตามกฎหมายและฟื้นฟูทางสังคม และดำเนินการออกบัตรประชาชนใหม่ หากเอกสารถูกใช้โดยมิชอบ
นายโกศล สิงหนาท ผู้อำนวยการเขตพระนคร กทม. กล่าวว่า สำนักงานเขตฯ ได้บูรณาการทำงานร่วมกับ สพส. ตำรวจนครบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม ลงพื้นที่ตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือผู้ไร้บ้านในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่สนามหลวง เช่น ถนนราชดำเนินกลาง ซอยสาเก ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการคุ้มครองสวัสดิการ การให้ข้อมูลสิทธิขั้นพื้นฐาน และการประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงความผิดทางกฎหมายการเปิดบัญชีม้า เพื่อป้องกันการถูกล่อลวง รวมถึงจัดช่องทางประสานส่งต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามกระบวนการของกฎหมาย
สำหรับมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน เมื่อปี 2553 กทม. ได้ดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยติดตั้งรั้วเหล็กรอบสนามหลวง ความสูงประมาณ 2 เมตร (ม.) ยาวประมาณ 1,400 ม. และได้บริหารจัดการพื้นที่สนามหลวงอย่างเป็นระบบ โดยจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) เฝ้าระวังดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และกำหนดเวลาเปิด - ปิดสนามหลวงอย่างชัดเจนคือ เปิดเวลา 05.00 น. และปิดเวลา 22.00 น. ของทุกวัน เพื่อให้สามารถดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยได้อย่างเข้มงวด โดยการดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากสนามหลวงเป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 (แก้ไขเพิ่มเติม) และเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีและรัฐพิธีสำคัญ การติดตั้งรั้วล้อมรอบ มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสะอาดและภูมิทัศน์ ป้องกันการตั้งถิ่นฐาน หรือค้างแรมของผู้ไร้บ้าน ลดปัญหาการก่อให้เกิดขยะและความไม่เป็นระเบียบ รวมทั้งเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาใช้พื้นที่ ซึ่งผลจากมาตรการดังกล่าว ทำให้ปัจจุบัน "การตั้งถิ่นฐานค้างคืนโดยคนไร้บ้านในพื้นที่สนามหลวง" ลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม บริเวณใกล้เคียง เช่น ถนนอัษฎางค์และถนนราชดำเนินยังอาจพบคนไร้บ้านกระจายตัวอยู่บ้าง โดยสำนักงานเขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ร่วมกับมูลนิธิและเครือข่ายอาสาสมัครเข้าติดตามและให้การช่วยเหลือเป็นระยะ
ส่วนการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยและบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ สำนักงานเขตฯ ได้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด อาทิ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 พร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยจัดเจ้าหน้าที่ตรวจตราอย่างต่อเนื่อง เพื่อความเรียบร้อย ปลอดภัย และป้องกันไม่ให้พื้นที่สาธารณะถูกใช้เป็นช่องทางกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ยืนยันว่า ได้ดำเนินการในขอบเขตอำนาจหน้าที่อย่างครบถ้วน ทั้งด้านการประสานงาน การเฝ้าระวัง การให้ความช่วยเหลือผู้ไร้บ้าน และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่อลวงคนไร้บ้านเข้าสู่ขบวนการผิดกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป