เดินเกมรุกมุ่งสู่ธุรกิจ Biochemical และ High Value Products สร้างการเติบโตในอนาคต
บมจ. โกลบอลกรีนเคมิคอล "GGC" แจ้งงบผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2568 มีรายได้การขายรวม 4,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ขณะที่ Adjusted EBITDA อยู่ที่ 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%(YoY) พร้อมชี้แจงสาเหตุที่บริษัทฯ มีการรับรู้ผลาดทุนสุทธิ 385 ล้านบาท เนื่องจาก มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายรายการพิเศษ 231 ล้านบาท เชื่อมั่นขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์ Transformation for Future Growth "3 กลยุทธ์ : เข้มแข็ง เติบโต ยั่งยืน"มุ่งสู่ธุรกิจเคมีชีวภาพ (Biochemical) ควบคู่เดินเกมรุกผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (High Value Products) มาถูกทาง สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC รายงานผลการดำเนินงาน ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ว่า บริษัทฯ มีรายได้ จากการขายรวม 4,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ขณะที่ Adjusted EBITDA อยู่ที่ 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ผลการดำเนินงานกับบริษัทร่วมทุน บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุน 257 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจาก ธุรกิจเอทานอลที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ จากการดำเนินงานในไตรมาสนี้ 154 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้ค่าใช้จ่ายรายการพิเศษ จำนวน 231 ล้านบาท โดยเป็นการพิจารณาตามหลักการบัญชีในการปรับลดการบันทึกมูลค่ายุติธรรมของที่ดินที่ถูกนำมาจำนอง ที่ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทฯ ส่งผลให้ในไตรมาสดังกล่าวมีการรับรู้ ผลขาดทุนสุทธิรวม 385 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนสุทธิ 0.38 บาทต่อหุ้น
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 15,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ Adjusted EBITDA อยู่ที่ 568 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและการดำเนินงานที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณารวมผลการดำเนินงานจากบริษัทร่วมทุน บริษัทฯ ยังคงรับรู้ผลขาดทุน จากบริษัทร่วมทุน 593 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจเอทานอลที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ ที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิรวมทั้งสิ้น 759 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมการดำเนินงาน ต้องรับรู้ผลขาดทุนต่อปัจจัยดังกล่าว แต่หากพิจารณาจากสถานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทฯ ยังคงมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 10,192 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด รวมทั้งสิ้น 1,419 ล้านบาท แสดงถึงสถานะทางการเงินและ สภาพคล่องที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ
นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของ GGC มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
- กลุ่มธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ : ถึงแม้ว่าราคาขายเมทิลเอสเทอร์ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% ตามทิศทางราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลก ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากการคาดการณ์ภาวะอุปทานที่ตึงตัว โดยเฉพาะจากแผนการปรับเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลในประเทศอินโดนีเซีย เป็น B50 ภายในปี 2569 แต่เนื่องจากภาครัฐยังคงสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลไว้ที่ B5 มาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ปริมาณการขายปรับตัวลดลง 5% จากปีก่อน (YoY) ที่มีการใช้สัดส่วนการผสมที่ B7 ทำให้ในไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากลุ่มธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ 2,682 ล้านบาท ลดลง 3% (YoY) และมี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 13 ล้านบาท ลดลง 79% (YoY)
- กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ : ราคาผลิตภัณฑ์แฟตตี้ฯ ในไตรมาส 3/2568 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 38% จากราคาน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบ ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะอุปทาน ที่ตึงตัว ส่งผลให้ภาพรวมค่าผลตอบแทนต่อวัตถุดิบ (P2F) ของตลาดแฟตตี้แอลกอฮอล์ปรับตัวดีขึ้น 23%(YoY) และทำให้ในไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์ 1,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%(YoY) และรับรู้ Adjusted EBITDA ที่ 244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67 ล้านบาท
- ธุรกิจอื่นๆ : ตามแผนกลยุทธ์เพิ่มกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้า ดำเนินธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและโภชนเภสัช (Food & Nutraceutical) โดยเริ่มจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ที่เป็นส่วนประกอบอาหารและสารสกัดเพื่อสุขภาพ อาทิ กลุ่มสารให้ความหวาน กลุ่มโปรตีนจากพืช (Plant Based Protein) และกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant Extract) โดยในไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจดังกล่าว 20 ล้านบาท สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความสำเร็จในการขยายฐานธุรกิจสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม GGC ยังคงเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ Transformation for Future Growth ตาม 3 กลยุทธ์หลัก คือ เข้มแข็ง เติบโต ยั่งยืน เป็นกลยุทธ์ที่ GGC มาถูกทางแล้ว โดย GGC ดำเนินการปรับเปลี่ยนกลุ่มธุรกิจหลักจากธุรกิจพลังงานชีวภาพ (BioEnergy) สู่ธุรกิจเคมีชีวภาพ (BioChemical) ซึ่งยังมีความต้องการและมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต รวมถึงเร่งแสวงหาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (High Value Products) ที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อให้บริษัทฯ รักษาขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ TO BE A LEADING GREEN CHEMICAL COMPANY BY CREATING SUSTAINABLE VALUE หรือ เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน
"กฤษฎา ประเสริฐสุโข" รับพระราชทานโล่เกียรติคุณ "ศิษย์เก่าดีเด่น ม.มหิดล" จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวัน "มหิดล"
GGC คว้าคะแนนเต็ม 100 AGM Checklist ปี 2568 ระดับ "ดีเยี่ยมสมควรเป็นตัวอย่าง" ตอกย้ำมาตรฐานบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
GGC ครบรอบ 2 ทศวรรษแห่งความภาคภูมิใจ จากบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจโอลีโอเคมีรายแรกของประเทศไทย สู่ผู้นำการขับเคลื่อนธุรกิจเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมในระดับสากล
GGC และ ไทยคม ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ศึกษาแนวทางการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
GGC จัด Analyst Meeting ไตรมาส 1/2568 เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ Transformation for Future Growth
GGC ประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ชูยุทธศาสตร์ Transformation for Future Growth ปรับ 3 กลุ่มธุรกิจ เป้าหมาย EBITDA 2 เท่า ปี 2030 สร้างโอกาสเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
GGC ติดอันดับ S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนการเป็นองค์กรที่มีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนระดับโลก
GGC แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 ในกิจกรรม Opportunity Day แก่นักลงทุนรายย่อย