เมื่อพูดถึง "โลมา" หลายคนมักนึกถึงภาพสัตว์ที่แหวกว่ายอย่างอิสระในท้องทะเลกว้าง แต่ความจริงแล้ว โลกของเรายังมีโลมาอีกกลุ่มที่ปรับตัวให้อาศัยอยู่ในแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ ซึ่งเป็นโลมาที่หายากและกำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก และเนื่องในวันที่ 24 ตุลาคม ของทุกปีเป็น "วันโลมาน้ำจืดโลก" (World Freshwater Dolphin Day) สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) โดยนางสาวนวลพรรณ คณานุรักษ์ นักวิจัย ได้ลิสต์โลมาน้ำจืดที่เหลืออยู่มาให้ พร้อมเชิญชวนทุกคนร่วมตระหนักถึงสถานการณ์อันน่าห่วงใยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมผู้เฉลียวฉลาดที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด
โดยปัจจุบันทั่วโลกมีโลมาน้ำจืดเหลืออยู่เพียง 6 สายพันธุ์เท่านั้น ได้แก่
- โลมาแม่น้ำแอมะซอน หรือ โบโต (Amazon River Dolphin) เป็นโลมาจมูกยาวและมีสีชมพูอ่อน อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำแอมะซอนในอเมริกาใต้ ลุ่มแม่น้ำโอรีโนโก และลุ่มแม่น้ำโตกันตินส์-อารากัวยา ซึ่งอยู่ในประเทศโบลิเวียบราซิล โคลอมเบีย เอกวาดอร์ เปรู เวเนซุเอลา และกายอานา
- โลมาทูคูซี (Tucuxi) เป็นโลมาขนาดเล็กที่ชอบกระโดดขึ้นเหนือน้ำ อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำแอมะซอนและแม่น้ำโอรีโนโก ในประเทศบราซิล โคลอมเบีย และเอกวาดอร์
- โลมาแม่น้ำคงคง หรือ ซูซู (Ganges River Dolphin) เป็นโลมาตาบอดที่ใช้คลื่นเสียงให้ในการล่าเหยื่อ อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำคงคา-พรหมบุตร-เมฆนา และลุ่มแม่น้ำแม่น้ำสังคุ-กรณภูลี ในประเทศบังกลาเทศ อินเดีย และเนปาล
- โลมาแม่น้ำสินธุ หรือ ภูลัน เป็นโลมาตาบอดอีกชนิดที่พบได้เฉพาะบริเวณตอนล่างของแม่น้ำสินธุในประเทศปากีสถานเท่านั้น และมีรายงานการพบกลุ่มประชากรโลมาขนาดเล็กที่แยกตัวออกมาเพิ่มเติมในแม่น้ำเบียสในประเทศอินเดีย
- โลมาอิรวดี (Irrawaddy Dolphin) เป็นโลมาที่พบได้ทั้งในทะเล น้ำกร่อย และน้ำจืดทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประชากรโลมาอิรวดีที่แยกออกมาอยู่ในแหล่งน้ำจืดมีขนาดเล็ก พบได้ในแม่น้ำอิรวดีในประเทศพม่า แม่น้ำมหาคามในประเทศอินโดนีเซีย แม่น้ำโขงในประเทศลาวจนถึงกัมพูชา และทะเลสาบสงขลาในประเทศไทย
- โลมาแม่น้ำแยงซี (Yangtze Finless Porpoise) เป็นโลมาขนาดเล็กที่พบได้เฉพาะในแม่น้ำแยงซีเกียงของประเทศจีน ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในเอเชียเท่านั้น
ปัจจุบันโลมาน้ำจืดเหล่านี้มีสถานะใกล้สูญพันธุ์ เพราะถูกคุกคามจากการพัฒนาแหล่งน้ำ เช่นการสร้างเขื่อนที่ทำให้ที่อยู่อาศัยดั้งเดิมถูกจำกัด การจราจรทางน้ำและเสียงที่รบกวนการอยู่อาศัย ปัญหามลพิษทางน้ำจากสารเคมีทางการเกษตร อุตสาหกรรม และการทำเหมืองแร่ที่ทำให้เกิดโลหะหนักอย่าง ปรอท ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ รวมถึงการติดเครื่องมือประมง และการถูกล่าเพื่อเอาน้ำมันและเนื้อมาเป็นอาหาร
คุณรู้หรือไม่ว่า โลมาน้ำจืดถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำ เนื่องจากโลมาน้ำจืดเป็น "นักล่าสูงสุด" (Apex Predator) ในระบบนิเวศ การมีอยู่ของพวกมันจึงเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพและความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำสายนั้นๆ การลดจำนวนลงอย่างน่าใจหายของโลมาน้ำจืด จึงเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าแหล่งน้ำจืดทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมถึงมนุษย์ที่ต้องพึ่งพาแหล่งน้ำเหล่านี้ด้วย
ในขณะที่หลายประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยกำลังเร่งมือแก้ไขปัญหาและสร้างความร่วมมือเพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยหรือ TEI ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนที่ขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการดูแลรักษาและฟื้นฟูแหล่งน้ำจืดซึ่งเป็นบ้านของโลมาน้ำจืด ส่งเสริมการพัฒนาและจัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน รวมถึงการจัดการขยะและของเสียป้องกันการรั่วไหลลงแหล่งน้ำ เพื่อให้โลมาน้ำจืดยังคงแหวกว่ายอยู่ในระบบนิเวศที่เหมาะสมได้ต่อไป
อ้างอิงข้อมูล
1) www.worldwildlife.org/resources/facts/freshwater-dolphin-species-and-facts/
2) www.riverdolphins.org/river-dolphins-worldwide/
วันต้นไม้ประจำปีของชาติ: ปลูกปัก รักษา และฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว
TEI เดินหน้าภารกิจ ใช้ทรัพยากรคุ้มค่าลด E-Waste ส่งต่อคอมพิวเตอร์สร้างประโยชน์ให้โรงเรียนบ้านลำแคลง
กทม. สร้างภูมิคุ้มกันนักเรียนรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสถานศึกษา
TEI จับมือ GCP Hospitality ร่วมปลูกต้นไม้ ลดฝุ่น PM2.5 สร้างเมืองสีเขียวเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
ขยะเกาะ ขยะหาด กับความสำคัญวันมหาสมุทรโลก ประเภทขยะบนเกาะ พบและจัดการต่อได้อย่างไร
TEI ร่วมกับ TBCSD และ BEDO ผนึกกำลังร่วมสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
ก้าวสำคัญ! ไทย-สิงคโปร์ ลงนาม MRA สร้างมาตรฐานวัสดุก่อสร้างสีเขียว ปูทางสู่ตลาดอาเซียน
โตโยต้า ร่วมมือ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและสวทช. มอบรางวัลโครงการ "ลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า"