เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพมหานคร 2568 (Bangkok International Film Festival 2025: BKKIFF 2025) ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 7ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีผู้กำกับ นักแสดง และบุคคลในวงการภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศร่วมเฉลิมฉลอง พร้อมสะท้อนความสำเร็จของเทศกาลในฐานะ "พื้นที่แห่งการเรียนรู้" และ "เวทีสาธารณะทางวัฒนธรรม" ที่สร้างแรงบันดาลใจและมอบโอกาสใหม่ให้กับคนในวงการภาพยนตร์ทุกกลุ่ม

พิธีปิดเทศกาลนำโดย นายดรสะรณ โกวิทวณิชชา ผู้อำนวยการเทศกาล BKKIFF 2025กล่าวถึงผลสำเร็จของการจัดงานปีนี้ว่า "BKKIFF 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลภาพยนตร์เพื่อความบันเทิง แต่คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การเปิดเวทีให้ผู้สร้างสรรค์รุ่นใหม่ และการต่อยอดสู่การถ่ายทำและการร่วมทุนสร้างภาพยนตร์ในระดับนานาชาติ"
ภายในงานได้จัดพิธีมอบรางวัลให้กับภาพยนตร์ที่โดดเด่นใน 4 สายหลัก ได้แก่ International Competition, New Voices, Asian Short Films Competition และ Thai Panorama ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล มีดังนี้
International Competition
Bangkok Grand Prix Award ตกเป็นของ Dry Leaf ภาพยนตร์สะเทือนใจที่ถ่ายทอดเรื่องราวของชายชราผู้ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงของชีวิต จนได้พบการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เขาเรียนรู้คุณค่าของการเริ่มต้นใหม่ Best Director Award ได้แก่ I Only Rest in the Storm ผลงานกำกับที่ทรงพลัง ถ่ายทอดการต่อสู้ภายในจิตใจของหญิงสาวที่พยายามค้นหาความสงบจากอดีตอันบอบช้ำ Special Jury Prize มอบให้กับ Sound of Falling ภาพยนตร์ที่ใช้เสียงของฝนเป็นสัญลักษณ์ของความทรงจำที่ร่วงหล่น เมื่อตัวละครเอกกลับไปเผชิญหน้ากับอดีตในบ้านเกิด
New Voices Competition
New Voice Award ได้แก่ Secret of the Mountain Serpent เรื่องราวของเด็กหนุ่มในหมู่บ้านห่างไกลที่ค้นพบตำนานงูศักดิ์สิทธิ์ซึ่งซ่อนความลับของบรรพบุรุษไว้ ถ่ายทอดผ่านภาพอันงดงามและเต็มไปด้วยพลังแห่งจินตนาการ Special Mention มอบให้ Hair, Paper, Waterภาพยนตร์ทดลองที่ใช้ "เส้นผม กระดาษ และน้ำ" เป็นสื่อในการสำรวจอัตลักษณ์และความทรงจำของผู้หญิงในเชิงศิลปะ
Asian Short Film Competition
Best Asian Short Film Award จากความประทับใจอย่างลึกซึ้งกับ 2 ภาพยนตร์คุณภาพ ที่มีจุดร่วมคือการ "สะท้อนความทรงจำและการเยียวยา" ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทำให้ Delayภาพยนตร์สั้นเชิงจิตวิทยาว่าด้วยชายหนุ่มที่กลับบ้านเกิดเพื่อร่วมงานศพพ่อ และต้องเผชิญความจริงที่เคยหลีกหนี "เวลา" กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสูญเสียและการเยียวยา ถ่ายทอดอารมณ์อย่างละเมียดละไมผ่านแสง เสียง และจังหวะภาพที่สะท้อนการปล่อยวาง และ Attockที่เล่าเรื่องผ่านสายตาเด็กชายที่ใฝ่ฝันจะหลุดพ้นจากความยากจนและชนชั้นแรงงาน ภาพยนตร์ถ่ายทอดชีวิตเรียบง่ายแต่ทรงพลัง สะท้อนศรัทธา ความหวัง และความเปราะบางของมนุษย์ในสังคมที่ไม่เท่าเทียม ทำให้คณะกรรมการตัดสินใจแบ่งรางวัลใหญ่ให้กับหนังทั้งสองเรื่องได้รับร่วมกัน ขณะที่ Special Mention มอบให้ Grandma Nai Who Played Favourites ภาพยนตร์อบอุ่นหัวใจเกี่ยวกับคุณยายที่รักหลานไม่เท่ากัน ถ่ายทอดความซับซ้อนของความรักในครอบครัวอย่างลึกซึ้ง
Thai Panorama
Thai Panorama Audience Award ตกเป็นของ Dream! ภาพยนตร์ไทยที่เปี่ยมแรงบันดาลใจ ถ่ายทอดความฝันของคนธรรมดาที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และเชื่อว่าทุกคนสามารถ "ทำให้ฝันเป็นจริง" ได้
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยสีสันแห่งวงการภาพยนตร์ไทยและนานาชาติ เหล่าศิลปินและเซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, แพรวา - ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์, รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น, โมสต์ - วิศรุต หิมรัตน์ และอีกคับคั่งเกือบร้อยชีวิต ต่างร่วมเดินพรมแดงเฉลิมฉลองความสำเร็จของวงการภาพยนตร์ไทย
อีกหนึ่งไฮไลท์ของค่ำคืนคือการฉายภาพยนตร์ปิดเทศกาลเรื่อง "Kokuho" จากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลกว่าเป็น "หนึ่งในภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี" ซึ่งนายอี ซังอิล ผู้กำกับภาพยนตร์ Kokuho กล่าวว่า ตนและทีมงานรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ภาพยนตร์ Kokuho ได้รับเกียรติให้ฉายปิดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพมหานคร 2568 ครั้งนี้ ซึ่งตนพร้อมทีมงานได้ทุ่มเทกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ ขอให้ทุกคนในค่ำคืนนี้สนุกกับการรับชมภาพยนตร์และในช่วง Q&A ปิดท้ายค่ำคืน ภาพยนตร์เรื่อง Kokuho ได้สร้างความประทับใจให้ผู้เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่นและทรงพลัง
บรรยากาศของพิธีปิดสะท้อนความสำเร็จของ BKKIFF 2025 ในการฟื้นคืนความยิ่งใหญ่ของเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติของไทย ที่ไม่เพียงเป็นพื้นที่จัดฉายผลงานคุณภาพจากทั่วโลก แต่ยังเป็น "จุดเริ่มต้นของโอกาสใหม่" ให้กับคนทำหนังไทยในการก้าวสู่ตลาดโลก พร้อมสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้