เมอร์เคิล แคปปิตอล ชี้อนาคตคริปโทฯ ไตรมาส 3 Ethereum Era is Coming คลื่นใหม่มาแรง โอกาสใหม่ใน Ethereum Ecosystem

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

เมอร์เคิล แคปปิตอล จัดสัมมนาพิเศษ "Ethereum Era is Coming คลื่นใหม่มาแรง โอกาสใหม่ใน Ethereum Ecosystem" ชี้ตลาดคริปโทฯ ไตรมาส 3/2568 สัญญาณบวกทั่วกระดาน ปัจจัยหนุนทั้งด้านสภาพคล่องทั่วโลก กฎหมาย Stablecoin และกลยุทธ์การลงทุนของสถาบันขนาดใหญ่ จับตา ETH เตรียมขึ้นแท่นผู้นำตลาดรอบใหม่ พร้อมโอกาสทำAll-Time High

เมอร์เคิล แคปปิตอล ชี้อนาคตคริปโทฯ ไตรมาส 3 Ethereum Era is Coming คลื่นใหม่มาแรง โอกาสใหม่ใน Ethereum Ecosystem

นายธนลภย์ ปรีดามาโนช ผู้จัดการเงินทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ดำเนินธุรกิจผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยว่า เมอร์เคิล แคปปิตอล จัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ "Ethereum Era is Coming คลื่นใหม่มาแรง โอกาสใหม่ใน Ethereum Ecosystem" ให้ข้อมูลช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ สัญญาณบวกหลายประการสะท้อนภาพรวมตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะ Ethereum (ETH) ซึ่งได้รับการจับตามองจากนักวิเคราะห์และนักลงทุนว่าอาจเป็นผู้นำตลาดในรอบนี้ ปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่มีผลต่อทิศทางของตลาด ได้แก่ "สภาพคล่อง" หรือ Liquidity ซึ่งเปรียบเสมือน "เจ้ามือ" ตัวจริงในโลกคริปโทฯ โดยสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มผลักดันให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขณะที่การลดลงของสภาพคล่องก็มักก่อให้เกิดการชะลอตัวในตลาดอย่างกรณีของ FTX และ Luna Terra ในอดีต

ภาพรวมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มี 3 ปัจจัยหลักที่จะเป็นตัวเร่งสำคัญ ได้แก่ สภาพคล่องทั่วโลก (Global Liquidity), การผ่อนคลายกฎระเบียบ (Regulatory Unwind) และกลยุทธ์การลงทุนแบบ MicroStrategy ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีความเชื่อมโยงกับสภาพคล่องโดยตรง

ในด้าน Global Liquidity ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า Global M2 Supply ซึ่งเป็นตัวชี้วัดปริมาณเงินสดและเงินฝากของประชาชนทั่วโลก ได้ทำสถิติสูงสุด (All-Time High) ที่ระดับ 114 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแนวโน้มของปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นแรงสนับสนุนสำคัญให้กับสินทรัพย์อย่าง Bitcoin และ Ethereum ซึ่งมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับ Global M2 Supply โดยเฉพาะในระยะกลางถึงยาว (ประมาณ 70-100 วัน) โดยมีค่า Correlation สูงถึง 80-90% ซึ่งเหนือกว่าความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นทั่วไป

ขณะเดียวกัน การผ่อนคลายทางการเงินจากฝั่งสหรัฐฯ โดยเฉพาะแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้สภาพคล่องเข้าสู่ระบบมากขึ้นตามวัฏจักรที่เกิดขึ้นทุก 4-5 ปี โดยจุดสูงสุดก่อนหน้านี้คือปี 2017 (ช่วง ICO) และปี 2021 (ช่วง DeFi Summer) ซึ่งหากวัฏจักรเดินไปตามสถิติที่ผ่านมา คาดว่าเรากำลังเข้าสู่ช่วงพีคของสภาพคล่องอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สร้างความหวังให้ตลาดคริปโทฯ คือ ความคืบหน้าในด้านนโยบายและกฎระเบียบ โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในเดือนนี้จะมีการพิจารณาร่างกฎหมาย 3 ฉบับที่อาจสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญ ได้แก่ Clarity Act ที่ชี้ชัดว่าสินทรัพย์ใดเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ (Security), Anti-CBDC Act ที่มีจุดยืนต่อต้านการใช้เงินดิจิทัลของธนาคารกลางแบบรวมศูนย์ และ Stablecoin Bill หรือ GENUS Act ซึ่งถือเป็นร่างกฎหมายที่สำคัญที่สุด ด้วยเป้าหมายกำหนดกรอบการออก Stablecoin ให้โปร่งใสและเชื่อมโยงกับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือพันธบัตรรัฐบาล

Stablecoin Bill อาจเป็นตัวจุดชนวนการเติบโตของระบบเศรษฐกิจบนบล็อกเชนอย่างแท้จริง หากผ่านสภา จะเปิดทางให้ผู้เล่นรายใหญ่โดยเฉพาะสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารและบริษัทการเงินที่มีใบอนุญาต เข้าร่วมในธุรกิจ Stablecoin อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะทำให้เม็ดเงินในตลาด Stablecoin เติบโตจากระดับ 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน สู่ระดับ 1-2 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 2-5 ปีข้างหน้า ถือเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่โลกคริปโทฯ โดยตรงและมหาศาล

จุดเด่นคือ สินทรัพย์เหล่านี้จะไม่ถูกปล่อยให้นอนนิ่ง แต่จะถูกนำไปสร้างผลตอบแทนผ่านแพลตฟอร์ม DeFi ต่างๆ ที่อยู่บน Ethereum ทำให้รายได้ของระบบ DeFi เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ Ethereum จึงกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ได้รับผลเชิงบวกในวงกว้างจากกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากกว่า 80% ของการออก Stablecoin และโครงสร้างทางการเงินที่เกี่ยวข้องอยู่บนระบบ Ethereum Virtual Machine (EVM)

อีกหนึ่งปัจจัยที่กำลังเป็นที่จับตา คือ กลยุทธ์การเข้าซื้อ Bitcoin และ Ethereum ของบริษัทจดทะเบียน เช่น MicroStrategy ซึ่งใช้วิธีระดมทุนผ่าน Convertible Bonds โดยใช้กลยุทธ์ Delta Neutral และ Gamma Trading ทำให้ได้ประโยชน์จากความผันผวนของราคา ไม่ใช่ราคาสินทรัพย์โดยตรง กลยุทธ์นี้กำลังแพร่หลายไปยังบริษัทอื่นๆ หลายสิบแห่ง และเริ่มมีบางบริษัทที่ใช้โมเดลเดียวกันกับ Ethereum แล้ว เช่น SharpLink Gaming, Bid Digital และ Bit Mind ซึ่งเริ่มใช้ Ethereum เป็นสินทรัพย์หลักในการลงทุน สะท้อนถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของ Ethereum ในระดับสถาบัน

เมื่อพิจารณารวมกันทั้งสามปัจจัย ได้แก่ สภาพคล่องที่ขยายตัวในระดับโลก กฎหมายที่สนับสนุนการเติบโตของระบบการเงินดิจิทัล และกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกของสถาบันขนาดใหญ่ ล้วนส่งเสริมให้ Ethereum กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสูงสุดในครึ่งหลังของปีนี้ ไม่เพียงแต่ในแง่ผลตอบแทน แต่รวมถึงบทบาทในโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม

ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเชื่อว่า Ethereum มีแนวโน้มจะทำ All-Time High ใหม่ และมีโอกาสแซงหน้า Bitcoin ในแง่ของผลตอบแทนในรอบนี้ ด้วยเหตุผลทั้ง ด้านเทคโนโลยี ประโยชน์เชิงระบบ และเม็ดเงินที่กำลังไหลเข้าสู่ Ecosystem อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหาก Stablecoin Bill ผ่านสภา และมีการอนุญาตให้ Staking ผ่าน ETF ได้ จะยิ่งทำให้ Ethereum กลายเป็นจุดศูนย์กลางของโลกการเงินใหม่

ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถพิจารณาจัดพอร์ตตามระดับความเสี่ยง โดยอาจแบ่งสัดส่วนระหว่าง Bitcoin และ Ethereum ตามความเหมาะสม สำหรับนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสของ Ethereum ในไตรมาสนี้ อาจเลือก Overweight Ethereum ในสัดส่วนมากขึ้น พร้อมติดตามกลยุทธ์ใหม่ กลยุทธ์จัดการเงินทุน Dynamic ETH Ecosystem (M-ETHE) ที่จะเริ่มเปิดให้ลงทุน 16 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเน้นลงทุนใน Ethereum และโปรเจกต์ภายใน Ecosystem ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและสภาพคล่องในครั้งนี้โดยตรงงซึ่งกลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงระดับสูงได้โปรดศึกษาและลงทุนตามระดับควรมเสี่ยงที่ยอมรับได้ อ่านรายละเอียดความเสี่ยงและนโยบายการบริหารเพิ่มเติมได้ที่ https://merkle.capital/funds/dynamic-eth-ecosystem

หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่รุนแรง (Black Swan Event) เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์หรือสงครามการค้าครั้งใหม่ แนวโน้มในไตรมาส 3 ของปีนี้จึงถือเป็นช่วงเวลาแห่งโอกาสในการเติบโตของคริปโทฯ โดยเฉพาะสำหรับ Ethereum ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคตอย่างแท้จริง

*หมายเหตุ คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


ข่าวสินทรัพย์ดิจิทัล+สถาบันขนาดใหญ่วันนี้

Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ประกาศความร่วมมือ Manta Network ผู้นำด้านระบบนิเวศ Layer 2

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ Bitkub Exchange ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย และ บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด ผู้ให้บริการ Bitkub Academy ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ประกาศความร่วมมือกับ Manta Network หนึ่งในผู้นำด้านระบบนิเวศ Layer 2 เพื่อร่วมกันส่งเสริมการนำเทคโนโลยี Web3 มาใช้ในวงกว้างด้วยประสิทธิภาพล้ำสมัยในราคาที่ถูกลง รวมถึงการสร้างแอปพลิเคชันที่มีการใช้งานจริง ความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการ

Bitkub Academy ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเท... Bitkub Academy คอลแลปแบรนด์ New Era เปิดตัวหมวก Limited Edition เอาใจแฟนคลับนักสะสม — Bitkub Academy ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์...

นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ผู้ร่วมก่อตั้งแล... Bitkub Exchange ร่วม TouristDigiPay ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไทย — นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จ...

KuCoin Thailand แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล... "KuCoin Thailand" จับมือ "Acai Story" เปิดแคมเปญ Health Is Wealth — KuCoin Thailand แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดำเนินการโดยบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด (ERX...

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ ... Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ประกาศความร่วมมือ ELYSIA ขยายองค์ความรู้ RWAs ในไทย — บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ Bitkub Exchange ศูนย์ซื้...

เพื่อเสริมสร้างความรู้ พร้อมมอบรางวัลการแ... KuCoin Thailand ชูแคมเปญ "Sky's the Limit" และ "Sky Boost" — เพื่อเสริมสร้างความรู้ พร้อมมอบรางวัลการแนะนำเพื่อนและสิทธิพิเศษด้านการเทรด KuCoin Thailand แ...