สวทช. เปิดวิสัยทัศน์วาระ 2 "สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี"

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประกาศวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินงานในวาระที่ 2 "สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" พร้อมรับมอบนโยบายสำคัญจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และประธานกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) พร้อมกันนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ได้นำเสนอผลงานเด่นในวาระที่ 1 ที่พิสูจน์ศักยภาพในการสร้างผลกระทบยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนได้จริง และประกาศเดินหน้าเต็มกำลังด้วยวิสัยทัศน์ "สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี"

สวทช. เปิดวิสัยทัศน์วาระ 2 "สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี"

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ในฐานะประธาน กวทช. กล่าวว่า "ในวันนี้คณะกรรมการ กวทช. ได้รับทราบผลการดำเนินงานในวาระที่ 1 ของ สวทช. และได้ให้ความเห็นชอบแผนงานและรายชื่อคณะผู้บริหาร สวทช. ในวาระที่ 2 ภายใต้การนำของผู้อำนวยการ สวทช. แล้ว ขอเน้นย้ำว่า สวทช. คือ ขุมพลังหลักของประเทศในการวิจัย พัฒนา ออกแบบ วิศวกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์ โดยมีภารกิจสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ พร้อมได้มอบนโยบายให้ สวทช. นำไปขับเคลื่อนใน 2 ด้านสำคัญ ได้แก่ (1) การพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตั้งแต่การยกระดับเกษตรกรรมสมัยใหม่ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การสร้างอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำที่เพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) ไปจนถึงการพัฒนาเมืองน่าอยู่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI และ (2) การพัฒนากำลังคน โดยให้ สวทช. มุ่งพัฒนากำลังคนในทุกระดับ และเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนกรอบการพัฒนา AI แห่งชาติ สวทช. เปิดวิสัยทัศน์วาระ 2 "สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี"

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. นำทีมคณะผู้บริหาร สวทช. และคณะผู้บริหารศูนย์แห่งชาติขานรับนโยบาย กวทช. พร้อมแถลงผลการดำเนินงานในวาระที่ 1 ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก สวทช. สามารถรับใช้สังคมและสร้างผลกระทบในวงกว้างได้อย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้จริงเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน อาทิ

  • ปฏิรูปบริการรัฐ ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยดิจิทัล

สวทช. ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเมืองและระบบสาธารณสุข ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง โดยมีผลงานเด่น คือ Traffy Fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) เป็นระบบนิเวศการบริหารจัดการเมืองที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน ปัจจุบันถูกนำไปใช้แล้วใน 29 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมประชากรกว่า 30-37 ล้านคน และมีส่วนราชการร่วมใช้งานกว่า 19,228 หน่วยงาน รวมทั้งช่วยรับมือสำคัญในภาวะวิกฤต เช่น การแจ้งรอยร้าวอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุทกภัย และการแจ้งเบาะแสต้นตอของฝุ่น PM2.5 มิติสาธารณสุขที่ประเทศเผชิญกับความท้าทายจากความแออัดในโรงพยาบาล สวทช. ได้พัฒนา แพลตฟอร์มบริการการแพทย์ดิจิทัล Digital Healthcare ที่มีผู้ได้รับประโยชน์แล้วกว่า 7.8 ล้านคน และมีหน่วยงานเข้าร่วมแล้ว 8,441 และเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมต่อประชาชนกับหน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้าน ช่วยลดภาระของโรงพยาบาลขนาดใหญ่และสนับสนุนนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สร้างความมั่นคงด้านอาหาร ทรัพยากร และเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ท่ามกลางวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่คุกคามภาคเกษตรกรรม สวทช. ได้ใช้เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวแห่งอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ทำให้ได้ข้าวพันธุ์ใหม่อย่าง ข้าวเจ้าพันธุ์ไบโอเทค 1 (A1) ที่มีความสามารถในการต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและยังให้ผลผลิตสูงถึง 800-1,000 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวเจ้าพันธุ์หอมชลสิทธิ์ 2 (S16) ที่ทนทานต่อน้ำท่วมฉับพลันและต้านทานโรคขอบใบแห้งและโรคไหม้ได้ดี นอกจากนี้ยังมีข้าวหอมสยาม ที่โดดเด่นด้านกลิ่นหอม รสชาติอร่อย ให้ผลผลิตดี

อีกทั้ง สวทช. ได้จัดตั้งคลินิกคุณภาพน้ำ เพื่อจัดการกับวิกฤตน้ำอุปโภคบริโภคโดยตรง หลังพบข้อมูลน่ากังวลว่าน้ำประปาหมู่บ้านผ่านมาตรฐานน้ำดื่มได้เพียง 10% โดยได้พัฒนาเซนเซอร์ตรวจวัดสิ่งปนเปื้อนในน้ำ และเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพระบบผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน และนำร่องใช้งานในพื้นที่จังหวัดลำปาง เชียงราย กำแพงเพชร พิษณุโลก กาฬสินธุ์ อุดรธานี และขอนแก่น ช่วยให้ 24,000 ครัวเรือนได้เข้าถึงน้ำสะอาดที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก สวทช. ได้พัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดเพื่อ Net Zero และเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อเป็นเครื่องมือให้แก่ภาครัฐและเอกชนกว่า 180 หน่วยงาน ในการมุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ที่สำคัญฐานข้อมูลนี้ยังช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้พร้อมรับมือกับมาตรการทางการค้าที่เข้มงวด เช่น มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2569

"นอกจากนี้ สวทช. ยังช่วยผู้ประกอบการไทย ยกระดับผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ด้วยแพลตฟอร์ม Food SERP แพลตฟอร์มส่วนผสมฟังก์ชัน อาหารและเวชสำอาง ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักขับเคลื่อนประเทศ ได้แก่ มีการผลิตนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ 47 รายการ สร้างการลงทุน 318 ล้านบาท สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ 4,853 ล้านบาท มีมูลค่าทางธุรกิจมากกว่า 13,000 ล้านบาท

และยังพัฒนาแพลตฟอร์ม Industry 4.0 Platform สนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเพิ่มคุณภาพการผลิต โดยสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 แบบ ครบวงจร ผลลัพธ์คือมีโรงงานอุตสาหกรรมใช้งาน Thailand i4.0 Check up 917 ราย มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี Smart Factory สู่สถานประกอบการ 117 แห่ง และพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของไทยให้มีระดับความพร้อมมากถึง 9 กลุ่มอุตสาหกรรม"

ศาสตาจารย์ ดร. ชูกิจ กล่าว

  • วิสัยทัศน์วาระที่ 2 สวทช. ชู สร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานในวาระต่อไป ว่า สวทช. จะรับเอาโจทย์ประเทศจากผู้ที่มีปัญหาจริง และนักวิจัยรวมพลังทำจริง สวทช. จับมือกับกระทรวงต่าง ๆ ทำเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ที่มีหน้าที่บริการประชาชนทำได้ดีขึ้น โดยเดินหน้าทำงาน ผ่านวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินงานในวาระที่ 2 คือ "สวทช. เป็นขุมพลังหลักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยใช้หลักการ "สร้าง-ปรับ-รักษา-ละทิ้ง" โดย สร้าง เป็นธงนำของการทำงานในการสร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปรับ คือ ปรับเปลี่ยนจากสิ่งที่นักวิจัยอยากทำ เป็นการเอาปัญหาประเทศเป็นตัวตั้ง เพื่อระดมสรรพกำลังแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม รักษา คือ การรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพและโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง ให้คงอยู่และเป็นที่พึ่งของสังคม และ ละทิ้ง คือ ละทิ้งความเชื่อที่ว่าความสำเร็จเท่ากับการตีพิมพ์หรือจดสิทธิบัตร

ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายขับเคลื่อนขุมพลัง วทน. โดย สวทช. พร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อและส่งมอบงาน วาระ 2 อาทิ ด้านการศึกษา สวทช. จับมือกระทรวงศึกษาธิการ ขับเคลื่อนการใช้ AI ยกระดับการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำด้านการเรียนรู้ ผ่านแพลตฟอร์ม LEAD Education ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านการศึกษา (EdTech) แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเรียนรู้ โดยระบบจะใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน ด้านเกษตร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตและสร้างความมั่นคงทางอาหาร สวทช. จับมือทำงานร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเปลี่ยนเกษตรแบบดั้งเดิม สู่เกษตรสมัยใหม่ ผลักดันการใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ ผ่านการพัฒนาโรงเรือนอัจฉริยะขนาดใหญ่ (Plant Factory) ช่วยผลิตพืชผักและสมุนไพรมูลค่าสูงได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งได้ทำงานร่วมกับกรมปศุสัตว์เพื่อพัฒนาและขยายผลการพัฒนาวัคซีนสัตว์ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สวทช. พร้อมทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข นำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา สู่ "การแพทย์แม่นยำ" ทั้งการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลกลางการแพทย์ (Medical AI Data Platform) ของประเทศไทย เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการผลิต AI สำหรับการวินิจฉัยโรคจากภาพถ่ายทางการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันได้รวบรวมภาพถ่ายทางการแพทย์แล้วกว่า 2.2 ล้านภาพ ครอบคลุม 8 กลุ่มโรคสำคัญ เช่น โรคทรวงอก มะเร็งเต้านม และโรคตา เพื่อให้นักวิจัยไทยสามารถพัฒนาเอไอช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ด้านอุตสาหกรรม สวทช. จับมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออุตสาหกรรม 4.0 เข้าสู่โรงงาน เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องมาตรฐานโรงงาน โดยพัฒนาแพลตฟอร์มเพิ่มคุณภาพการผลิต สนับสนุนผู้ประกอบการไทยยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 แบบครบวงจร

"ทั้งหมดนี้ คือตัวอย่างการสร้างระบบนิเวศวิจัยที่ยั่งยืนและใช้ประโยชน์ได้จริง โดย สวทช. มุ่งมั่นในการส่งมอบ 'พิมพ์เขียว' ระบบนิเวศวิจัยแบบใหม่ของประเทศ เพื่อสร้างชาติ พัฒนาประเทศ ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรวิจัยและทุกภาคส่วน เดินหน้าเพื่อสร้างชาติด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และพัฒนาประเทศไทยไปด้วยกัน" ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวทิ้งท้าย


ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี+กระทรวงการอุดมศึกษาวันนี้

วว. ต้อนรับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในโอกาสเยี่ยมชมศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ร่วมต้อนรับคณะผู้บริหารและบุคลากร สถาบันวิจัยการแทพย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หน่วยงานในสังกัด กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมภารกิจ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ศนส.) และศูนย์บริการนวัตกรรมเวชสำอางแบบครบวงจร (ICOS) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ณ วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี ซี่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาห้องปฏิบัติการ

ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัย... วว. ผนึกกำลัง ธ.ก.ส. สร้างระบบเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง เสริมแกร่งเกษตรกรไทยให้มั่นคงยั่งยืน — ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโล...

มุ่งขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม/เศรษฐกิจไทยให... วว. จับมือสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทยร่วมพัฒนา "ศูนย์วิจัยและสาธิตเทคโนโลยีการผลิตวงจรพิมพ์อัจฉริยะ" — มุ่งขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม/เศรษฐกิจไทยให้ก้าวกระโดด ด้วย...

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและน... วว. จัดเสวนาสร้างการรับรู้ "การผลิตสุรา" ตามมาตรฐานและการรับรองภายใต้กฎหมายไทย — กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิท...

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและน... วว. / DIPROM / THACCA / OFOS ขอเชิญร่วมงาน Thailand Soft Power DNA food & beverage — กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบัน...