เกษตรกรปรับตัวทันโลก ปลูกข้าวทันอากาศ รายได้เพิ่ม ลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 2.4 ล้านตัน กรมส่งเสริมการเกษตร-GIZ พร้อมยกระดับเกษตรกรสู่ Climate Smart Farmer

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้นทุกปี การเกษตรไทยเดินหน้าขับเคลื่อนการส่งเสริม โดยกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) เดินหน้าโครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Strengthening Climate - Smart Rice Farming: Thai Rice GCF) ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการทำการเกษตรที่เท่าทันต่อภูมิอากาศสู่เกษตรกรไทยใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ

เกษตรกรปรับตัวทันโลก ปลูกข้าวทันอากาศ รายได้เพิ่ม ลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 2.4 ล้านตัน กรมส่งเสริมการเกษตร-GIZ พร้อมยกระดับเกษตรกรสู่ Climate Smart Farmer

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า เทคโนโลยีทั้ง 11 วิธีในโครงการฯ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรไทย "อยู่รอด" ท่ามกลางความผันผวนของภูมิอากาศ และยัง "อยู่ดี" ด้วยรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น การดำเนินโครงการฯ ที่เริ่มในปี 2567 และจะขยายต่อเนื่องจนถึงปี 2571 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำนาได้มากกว่า 2.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO?e) รวมถึงเตรียมขยายผลเกษตรกรรายย่อยกว่า 250,000 ราย ทั่วประเทศ ให้สามารถทำนายุคใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นผลตอบแทนของเกษตรกรต้นแบบแต่ละรายที่สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ และที่สำคัญคือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้ เกษตรกรปรับตัวทันโลก ปลูกข้าวทันอากาศ รายได้เพิ่ม ลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 2.4 ล้านตัน กรมส่งเสริมการเกษตร-GIZ พร้อมยกระดับเกษตรกรสู่ Climate Smart Farmer

วิธีที่ 1 : การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (Integrated Pest Management) ควบคุมและจัดการศัตรูพืชโดยใช้วิธีการต่าง ๆ ร่วมกันอย่างเหมาะสม เช่น การเขตกรรม การใช้ชีววิธี การใช้พันธุ์ต้านทาน และการใช้สารเคมีอย่างจำกัด เพื่อลดการพึ่งพาสารเคมี ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของเกษตรกร และผู้บริโภค โดยนางสุดายงค์ แก้วจันทร์ เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี สามารถลดต้นทุน 350 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 150 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 450 บาท/ไร่

วิธีที่ 2 : การจัดการน้ำระดับแปลงนา (Farm-level Water Management) วางแผน ควบคุม และใช้ทรัพยากรน้ำในพื้นที่นาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พืชเจริญเติบโตดี ลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง น้ำท่วม และประหยัดน้ำ รวมถึงส่งเสริมความยั่งยืนของระบบการผลิตทางการเกษตร โดยนายสมบัติ ยาโน เกษตรกร อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ใช้พื้นที่มีประสิทธิภาพ ทำการเกษตรได้หลากหลาย ทำให้ลดต้นทุน 866 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 330 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 2,500 บาท/ไร่

วิธีที่ 3 : การจัดการฟางและตอซัง (Straw and Stubble Management) จัดการฟางและตอซังข้าวอย่างเหมาะสม ลดการเผา จะช่วยปรับปรุงดิน เพิ่มผลผลิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การทำนามีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยนายขวัญชัย แตงทอง อ.หันคา จ.ชันยาท ไม่เผาและไถกลบปรับปรุงดิน ลดปุ๋ยเคมี สร้างมูลค่าเพิ่ม สามารถลดต้นทุน 400 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 100 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่มกว่า 85,700 บาท/ไร่ จากการขายฟางก้อน 700 บาท/ไร่ และแปรรูปฟางเป็นกระดาษฟาง 85,000 บาท/ไร่

วิธีที่ 4 : การจัดการธาตุอาหารในนาข้าว (Site-specific Nutrient Management) การจัดการธาตุอาหารข้าว ตามค่าวิเคราะห์ดินและความต้องการของพืช เพื่อให้ข้าวได้รับธาตุอาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่พอดี ช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยนางพรนัสสร คำแผง เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ลดการใช้ปุ๋ยเคมีเกินอัตรา ต้นข้าวแข็งแรงไม่ล้มง่าย ผลผลิตเพิ่มขึ้น ลดต้นทุน 350 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 350 กก./ไร สร้างรายได้เพิ่ม 400 บาท/ไร่

วิธีที่ 5 : การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying) เป็นเทคนิคการจัดการน้ำในนาข้าวที่เน้นการลดการใช้น้ำ ไม่ส่งผลเสียต่อผลผลิต ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยนายถาวร คำแผง เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี สามารถลดการใช้น้ำ ลดศัตรูพืช ลดการแย่งชิงน้ำ และยังทำให้ต้นข้าวแข็งแรง อีกทั้งเป็นการทำนาคาร์บอนต่ำ สามารถลดต้นทุน 495 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 350 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 400 บาท/ไร่

วิธีที่ 6 : การใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสภาพภูมิอากาศ (Rice Variety Diversification) การเลือกใช้พันธุ์ข้าว ที่มีคุณภาพ ให้ผลผลิตสูง ต้านทานต่อโรคและแมลง เหมาะสมกับฤดูกาลและพื้นที่ ตรงตามความต้องการของตลาด จะช่วยให้การทำนามีประสิทธิภาพและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศได้ โดยนายวินัย จีนจัน เกษตรกร อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท ลดปริมาณการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว ป้องกันข้าววัชพืช ได้ข้าวคุณภาพดี ไม่มีพันธุ์ปน ลดต้นทุน 350 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 238 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 2,000 บาท/ไร่

วิธีที่ 7 : การปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์ (Laser Land Levelling) ปรับระดับพื้นที่นาให้เรียบเสมอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำ การควบคุมวัชพืช การใส่ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เครื่องจักรกลการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ การเจริญเติบโตของพืชที่สม่ำเสมอ โดยนางสาวสมทรง น้ำเพชร เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ลดปริมาณน้ำทำนา ลดน้ำมันเชื้อเพลิงสูบน้ำ ลดปริมาณการใช้ปุ๋ย ลดต้นทุน 495 บาท/โร่ ผลผลิตเพิ่ม 370 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 500 บาท/ไร่

วิธีที่ 8 : การหว่านหรือหยอดข้าวแห้ง (Dry Direct-Seeded Rice) การปลูกข้าว โดยใช้เมล็ดข้าวแห้ง (ไม่ได้แช่น้ำงอก) หว่านหรือหยอดลงในดินโดยตรง แล้วรอฝนหรือน้ำชลประทานตามมาในภายหลังให้ข้าวงอกและเติบโต โดย นายวรสิทธิ์ วรรณพงษ์ เกษตรกร อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ช่วยลดปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าว จัดการวัชพืชง่าย ลดการใช้น้ำ ทำให้ลดต้นทุน 318 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 229 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 2,000 บาท/ไร่

วิธีที่ 9 : ระบบการปลูกพืชที่มีข้าวเป็นพืชหลัก (Crop Diversification Rotation) เป็นการจัดระบบการผลิตทางการเกษตรที่มีข้าวเป็นพืชหลัก ด้วยการปลูกพืชชนิดอื่นเพื่อเสริมระบบการทำนา สามารถช่วยลดการใช้น้ำทำการเกษตร ลดความเสียหายจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ตัดวงจรการระบาดศัตรูพืช เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน และเสริมรายได้ของเกษตรกร โดยนายเด่น รอบรู้ เกษตรกร อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ปลูกถั่วเขียวหลังนา ไม่เผาฟางข้าว ทำให้เพิ่มปุ๋ยในดิน ลดวัชพืช ลดการใช้ปุ๋ยนาข้าว และลดต้นทุนทุนค่าปุ๋ย 300 บาท/ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 3,408 บาท/ไร่

วิธีที่ 10 : การใช้ข้อมูลพยากรณ์สำหรับการเพาะปลูก (Agro-met Advisory Services) การใช้ข้อมูลพยากรณ์อากาศเพื่อวางแผนปลูกข้าว เช่น พยากรณ์อากาศ, ปริมาณฝน, อุณหภูมิ, ความชื้น, สภาพอากาศสุดขั้ว ฯลฯ เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้แม่นยำ ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ โดยนางสวณีย์ โพธิ์รัง เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี สามารถลดความเสี่ยงภัยธรรมชาติ ลดต้นทุน แม่นยำ และทำให้ลดต้นทุน 300 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 350 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 500 บาท/ไร่

วิธีที่ 11 : การใช้เครื่องจักรกลการเกษตร (Rice Farming Mechanization) การใช้เครื่องจักร เครื่องทุ่นแรง หรืออุปกรณ์กล เข้ามาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดกระบวนการผลิตข้าว ตั้งแต่ เตรียมดิน ปลูก ดูแล เก็บเกี่ยว ไปจนถึงหลังเก็บเกี่ยว เพื่อลดแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ โดยนายศุภฤกษ์ นุ่มดี เกษตรกร อ.เดิมบางนางบวช จ. สุพรรณบุรี ใช้โดรนเพื่อการเกษตร ช่วยประหยัดเวลา เพิ่มปริมาณงาน ลดค่าแรงงาน ลดการสัมผัสสารเคมี จัดการศัตรูศัตรูพืชได้อย่างแม่นยำ และมีประโยชน์ ดังนี้ ลดต้นทุน 350 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่ม 100 กก./ไร่ สร้างรายได้เพิ่ม 200 บาท/ไร่


ข่าวองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน+อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรวันนี้

ปตท. จับมือพันธมิตรเยอรมัน เดินหน้าศึกษา โครงการไฮโดรเจนสีเขียวในภาคใต้ของไทย

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ร่วมกับ บริษัท ธิสเซ่นครุปป์ อูเด้ห์ (ประเทศไทย) จำกัด และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ลงนามสัญญาความร่วมมือโครงการศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวและผลิตภัณฑ์คาร์บอนที่ยั่งยืน ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ภายใต้กรอบของโครงการ "H2Uppp" ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงิน จากกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Dieter Wurche ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าร่วม

บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หร... GGC-GIZ ต่อยอดความสำเร็จ "การผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน สู่การผลิตปาล์มน้ำมันคาร์บอนต่ำ" — บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ร่วมกับองค์กรค...

นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแ... กรมพัฒนาฝีมืองานร่วม giz ติวเข้มครูช่างแอร์ ใช้สารทำความเย็นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม — นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มอบหมายให้นางจิรวรรณ ส...

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะผู้เข้าร่ว... ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย — ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะผู้เข้าร่วมโครงการ Capacity development on Ecolabel establishment ...

องค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมั... เกษตรฯ จับมือภาคเอกชน เดินหน้าขยายอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มไทยสู่ตลาดโลก — องค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน (RSPO) และองค์กรความร่วมมือระหว่า...