1 ใน 2 ของผู้บริหารจัดการทางการเงินเชื่อว่า AI จะมี "บทบาทสำคัญอย่างมาก" ในอีก 3 ปีข้างหน้า3 ใน 5 ระบุว่า ความผันผวนของตลาดและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นความเสี่ยงสูงสุดในอีก 12 เดือน
เอชเอสบีซี เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ในหัวข้อ "การปรับรูปแบบการบริหารจัดการทางการเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค: มุมมองจากผู้บริหารจัดการทางการเงิน ปี 2025" (Redefining Treasury in Asia Pacific: Voices of Treasury 2025) ซึ่งวิเคราะห์การบริหารจัดการทางการเงินขององค์กรทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กำลังก้าวสู่การบริหารจัดการทางการเงินที่เน้นดิจิทัลเป็นหลัก ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และพร้อมใช้งานตลอดเวลา หรือที่เรียกว่า "การบริหารจัดการทางการเงินแบบเรียลไทม์" (Real-Time Treasury) เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อนและท้าทายมากขึ้นในปัจจุบัน
เอชเอสบีซีได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทางการเงินและด้านการเงินมากกว่า 460 คน ใน 8 ตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อศึกษาการปรับรูปแบบการบริหารจัดการทางการเงิน ผลการศึกษาพบว่า แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญเพียง 8% ที่มองว่า AI มีประโยชน์อย่างยิ่งในปัจจุบัน แต่กว่า 52% หรือมากกว่า 1 ใน 2 เชื่อว่า AI จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการบริหารจัดการทางการเงินภายในสามปีข้างหน้า โดยมองว่า AI จะมีศักยภาพในการช่วยเพิ่มเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ การตรวจจับการฉ้อโกง และการวิเคราะห์ความผิดปกติของข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในการบริหารจัดการทางการเงิน
นายมาโนจ์ ดูการ์ ผู้อำนวยการสายงานจัดการด้านการเงินและบริหารสภาพคล่อง ประจำภูมิภาคเอเชีย ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า "ผู้บริหารจัดการทางการเงินได้กลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์ขององค์กร โดยมีบทบาทในการสนับสนุนการตัดสินใจที่สำคัญเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต ซึ่งประโยชน์ของการบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ คล่องตัว และได้รับการสนับสนุนด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมและรวดเร็ว จะเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับรูปแบบการบริหารจัดการทางการเงินในอนาคต"
การบริหารจัดการทางการเงินแบบเรียลไทม์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และความแม่นยำในการบริหารจัดการทางการเงิน อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่การเปลี่ยนผ่านนี้ยังคงมีอุปสรรค โดยจากการศึกษาพบว่า เกือบครึ่ง (49%) ของผู้บริหารจัดการทางการเงินระบุว่า "ยังคงขาดบุคลากรที่มีทักษะในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้" ในขณะที่ประมาณ 2 ใน 5 (38%) ระบุว่า "การจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาระบบยังเป็นข้อจำกัด"
เตรียมรับมือความผันผวน
การปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการทางการเงินเป็นการดำเนินการสำคัญที่ต้องใช้การลงทุนด้านเวลาและทรัพยากรหลายปี ในขณะเดียวกัน องค์กรต่าง ๆ กำลังรับมือกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของตลาด ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลง
นายนิธิ วชิรโกวิทย์ ผู้อำนวยการบริหารอาวุโส ฝ่ายจัดการด้านการเงินและบริหารสภาพคล่อง ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าวว่า "ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นศูนย์กลางของโอกาสทางธุรกิจ ทั้งธุรกิจจากนานาชาติที่เข้ามาลงทุน และธุรกิจเอเชียที่ขยายสู่ตลาดโลกมากขึ้น ดังนั้น การบริหารจัดการทางการเงินที่แม่นยำและคล่องตัวจึงมีความสำคัญมากขึ้น ในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของธุรกิจและการรับมือกับความผันผวนของตลาด"
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทางการเงินและด้านการเงินที่ร่วมตอบแบบสอบถามต่างเห็นตรงกันว่า "การบริหารจัดการทางการเงินท่ามกลางความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย" เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยจัดเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งใน 7 จาก 8 ตลาดที่เราสำรวจ
อย่างไรก็ตาม "การขยายสู่ตลาดและกลุ่มธุรกิจใหม่" ถูกจัดเป็นสิ่งที่สำคัญน้อยที่สุด ใน 7 จาก 8 ตลาดที่สำรวจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนทางการค้าและผลต่อการวางแผนธุรกิจระยะยาวอย่างชัดเจน
เมื่อสอบถามถึงความเสี่ยงหลักที่ผู้บริหารจัดการทางการเงินคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ปัจจุบัน พบว่า ผู้บริหารจัดการทางการเงินส่วนใหญ่ (60%) ระบุว่า "ความผันผวนของตลาดการเงิน" เป็นความกังวลอันดับหนึ่ง และ "การชะลอตัวเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย" (59%) เป็นลำดับถัดมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารจัดการทางการเงินกำลังเตรียมรับมือกับความผันผวนดังกล่าว
"ธุรกิจต่าง ๆ ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถวางแผนรับมือกับวิกฤตด้านสาธารณสุขได้ รวมถึงสามารถวางแผนรับมือกับภาษีนำเข้าได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าอัตราภาษีนำเข้าจะสูงก็ตาม" แต่สิ่งที่ธุรกิจไม่สามารถดำเนินการได้ คือการวางแผนธุรกิจระยะยาวท่ามกลางความไม่แน่นอนและมีความผันผวนสูงที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้" นายนิธิ กล่าวเสริม
มุ่งสู่อนาคตของเงินดิจิทัล
แม้ว่าการวิจัยรายงานฉบับนี้จะเสร็จสิ้นก่อนที่กฎหมาย GENIUS Act จะมีผลบังคับใช้ในสหรัฐอเมริกา และก่อนที่เอชเอสบีซีจะให้บริการธุรกรรมเงินฝากในรูปแบบโทเคน (Tokenised Deposit Service) ข้ามพรมแดนครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิทัล เช่น เงินฝากในรูปแบบโทเคน (Tokenised deposits) และสเตเบิลคอยน์ (stablecoins) รวมถึงการเตรียมความพร้อมของการบริหารจัดการทางการเงินในอนาคต ยังคงเป็นหัวข้อสำคัญที่เป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง
ผู้บริหารจัดการทางการเงินยังเห็นตรงกันว่า ระยะเวลาการชำระเงินที่สั้นลง คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ต้องได้รับการแก้ไขในกระบวนการชำระเงินข้ามพรมแดน ปัจจุบัน เอชเอสบีซีให้บริการธุรกรรมเงินฝากในรูปแบบโทเคนในฮ่องกง สิงคโปร์ ลักเซมเบิร์กและสหราชอาณาจักร ซึ่งรองรับการชำระเงินแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเขตเวลาและเวลาตัดรอบการทำธุรกรรม
"การให้บริการธุรกรรมเงินฝากในรูปแบบโทเคนถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับธุรกรรมทางการเงินของอนาคต การเปิดให้บริการนี้ในตลาดต่าง ๆ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอชเอสบีซีในการเชื่อมต่อนวัตกรรมทางโซลูชันการชำระเงินกับเครือข่ายอันแข็งแกร่งที่ครอบคลุมทั่วโลก เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้า" นายดูการ์ กล่าวสรุป
"MOSHI" โตสวนกระแสเศรษฐกิจ โชว์ผลงาน Q3/68 กวาดรายได้ 845 ล้านบาท ดัน SSSG แกร่ง กำไรทะยาน 27% ย้ำชัดโตตามเป้า 15-20% เดินหน้าขยายสาขา-พัฒนาสินค้าใหม่
SABINA เผยผลงานไตรมาส 3 ปี 2568 กำไรสุทธิ 96.9 ล้านบาท รายได้ช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) โต 37% มั่นใจโค้งสุดท้ายกำลังซื้อกระเตื้อง
ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล พลิกเกมค้าปลีก ส่งแคมเปญ "TOPS KNOCK PRICE" รับยุคเศรษฐกิจคุ้มค่าด้วย "สินค้าราคาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องเช็ค"
ผู้นำภาคธุรกิจชี้ การขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืนช่วยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไทย จ่ออัดงบลงทุนกว่าแสนล้าน ปรับโครงสร้างการผลิต สู่ 'Net Zero' ปี 2593 กรุยทางเกมรุกในโลกธุรกิจยุคใหม่ "มิตรภาพ และความยั่งยืน"
รพ. พญาไท พหลโยธิน เปิดตัวทิศทางการดูแลสุขภาพ 'Value Personalized Care' ราคาเข้าถึงได้ บริการเข้าใจคุณ
บลจ.ทิสโก้ปลื้มกองทุน TGSMART สุดฮอต ลูกค้าสนใจลงทุนฝ่าความผันผวน ประกาศเพิ่มทุนเป็น 2,000 ล้านบาท
SKIN โตแกร่ง แม้เศรษฐกิจชะลอตัว รับกระแส T-Beauty
L&E ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังสตรอง! ทยอยรับรู้รายได้งานในมือ 1,200 ลบ. เผยภาพรวมครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัวและปัจจัยลบรอบด้าน