สุขภาพไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การมองสุขภาพเป็น "การลงทุน" คือมุมมองใหม่ที่กำลังเปลี่ยนวิธีคิดของทั้งผู้บริโภคและธุรกิจในยุคปัจจุบัน เมื่อความเครียดจากเศรษฐกิจและชีวิตดิจิทัลกลายเป็นเรื่องสามัญ คนรุ่นใหม่กลับเลือกลงทุนในสุขภาพจิต สุขภาพกาย และคุณภาพชีวิตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การใช้จ่ายในหมวดสุขภาพของคนไทยเติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมที่ลึกซึ้งของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจมากขึ้น ตลาดที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น เวชศาสตร์ชะลอวัย สุขภาพจิต เทคโนโลยีฟิตเนส และอาหารเพื่อสุขภาพ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในลักษณะ ก้าวกระโดด (exponential growth) และกลายเป็นหนึ่งใน "เศรษฐกิจใหม่" หรือ Well-being Economy ที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง
ในประเทศไทย สถาบันการเงินเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนไลฟ์สไตล์สุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพ หรือการจับมือกับพันธมิตรสายสุขภาพเพื่อสร้างสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจผู้บริโภค เช่น เคทีซีที่ร่วมมือกับโรงพยาบาล คลินิกและแบรนด์สุขภาพชั้นนำ เพื่อให้สมาชิกสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้น พร้อมรับสิทธิพิเศษผ่านบัตรเครดิต
คนไทยหันมา "ลงทุนในสุขภาพ" มากขึ้น
จากรายงานสุขภาพคนไทยปี 2568 โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า คนไทยกว่า 13.4 ล้านคน เผชิญปัญหาสุขภาพจิต โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-29 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) รายงานว่า คนไทยใช้จ่ายเฉลี่ยด้านสุขภาพประมาณ 6,000-8,000 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็นค่าอาหารสุขภาพ ฟิตเนส และผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพจิต ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างมีสติและการเลือกบริโภคเพื่อความสบายใจที่แท้จริง
ตลาดสุขภาพไทยโตแรง ติดอันดับโลก
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของ Wellness Economy ในเอเชีย โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท และเติบโตเฉลี่ย 28.4% ต่อปี ตามรายงานของ Global Wellness Institute และ BDMS Wellness Clinic ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขยังคาดการณ์ว่าในปี 2568 เศรษฐกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพของไทยจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 690,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.39% ของ GDP โดยเน้นการพัฒนา 6 กลุ่มธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ นวดไทย สมุนไพร ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์ ATMPs และธุรกิจเสริมความงาม
KTC Wellness Hub: ช่องทางใหม่เพื่อสุขภาพองค์รวม
เพราะเรื่องของสุขภาพไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย แต่คือการลงทุนระยะยาวในคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน จากข้อมูลของเคทีซีพบว่า สมาชิกมีการใช้จ่ายในหมวดสุขภาพและความงามเพิ่มขึ้นใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่
- Rebalance : คลินิกเฉพาะทางและบริการสุขภาพ
- Refuel : อาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- Reconfident : เวชศาสตร์ฟื้นฟูและความงาม
- Retreat / Revitalize : ที่พักเชิงสุขภาพ คลาสโยคะ ฟิตเนส
- At-Home Service : บริการสุขภาพถึงบ้าน
โดยเคทีซีได้เปิด "KTC Wellness Hub" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมสิทธิพิเศษจากพันธมิตรด้านสุขภาพใน 5 หมวดหลัก อาทิ โรงพยาบาล คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัย ฟิตเนส และบริการสุขภาพจิต เพื่อให้สมาชิกสามารถดูแลตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและคุ้มค่า สิทธิพิเศษที่รวมอยู่ใน KTC Wellness Hub ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสนับสนุนให้สมาชิกผู้บริโภคเข้าถึงบริการสุขภาพแบบองค์รวมได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล และการเลือกบริโภคเพื่อความสบายใจที่แท้จริง ศึกษารายละเอียดและสัมผัสประสบการณ์ด้านสุขภาพที่คุ้มค่า คลิก https://www.ktc.co.th/refined-wellness
เมื่อสุขภาพกลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนทั้งในด้านชีวิตและเศรษฐกิจ การลงทุนในสุขภาพจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น "ความจำเป็นใหม่" ที่กำลังขับเคลื่อนสังคมไทยไปข้างหน้า
"MOSHI" โตสวนกระแสเศรษฐกิจ โชว์ผลงาน Q3/68 กวาดรายได้ 845 ล้านบาท ดัน SSSG แกร่ง กำไรทะยาน 27% ย้ำชัดโตตามเป้า 15-20% เดินหน้าขยายสาขา-พัฒนาสินค้าใหม่
L&E คว้างานใหม่เติม Backlog สุดสตรอง! 1,200 ลบ. ปิดงบ Q3 โกยรายได้จากการขายและให้บริการ 676 ลบ. ทำกำไร 12.9 ลบ.
SNNP เปิดงบ 9 เดือนปี 68 กำไรสุทธิฯแตะ 429.8 ลบ. โค้งสุดท้าย ลุ้นโครงการคนละครึ่งพลัส ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ช่วงไฮซีซั่นดันผลงานบริษัท
TIDLOR ไตรมาส 3/68 กำไรพุ่ง 43% ทำนิวไฮ คุม NPL เหลือ 1.66% ต่ำสุดในอุตสาหกรรม มีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง พร้อมสร้างการเติบโตเคียงข้างคนไทย
กรุงไทยยกระดับ Gold Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง เปิดโอกาสนักลงทุนเข้าถึงทองคำ รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวนเริ่มต้นเพียง 0.05 ออนซ์
DEXON รายได้ Q3/2568 เติบโต 13% จากตลาดต่างประเทศ เดินหน้าคุมต้นทุน เตรียมพลิกกลับสู่กำไรในปี 2569
"เงินติดล้อ" หั่นดอกสุดถูก ลดดอกเบี้ยเหลือ 19% ต่อปี เพื่อช่วยลดภาระหนี้ พร้อมเคียงข้างคนไทย
GC ประกาศอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ 5 ปี 6 เดือนแรกที่ 4.40% ต่อปี คาดเสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป วันที่ 27 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2568 นี้