สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เดินหน้าผลักดันทักษะนวัตกรให้กับเยาวชนไทยผ่านหลักสูตร STEAM4INNOVATOR ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนฐาน STEAM ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) ศิลปศาสตร์ (Arts) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) ผสานกับแนวคิดทางด้านธุรกิจอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างทักษะการคิดค้นนวัตกรรมและการประกอบการของคนรุ่นใหม่ในอนาคต มุ่งเสริมทักษะคิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหา และต่อยอดสู่อาชีพนวัตกรรม เพื่อวางรากฐานประเทศไทยสู่การเป็นชาตินวัตกรรมอย่างเป็นระบบและยั่งยืน พร้อมชูตัวอย่างความสำเร็จจากสองประเทศต้นแบบด้านนวัตกรรมการศึกษา ได้แก่ เอสโตเนีย และ สิงคโปร์ ที่ชี้ให้เห็นว่าการเรียนรู้เชิงนวัตกรรมต้องเริ่มตั้งแต่วัยเยาว์จึงจะสามารถสร้างพลเมืองที่มีทักษะคิดเชิงเหตุผล ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการแก้ปัญหาจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนด้านการศึกษา และการพัฒนาครู คือกุญแจสำคัญของการสร้างคนรุ่นใหม่ที่พร้อมแข่งขันในโลกอนาคต
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า การเรียนการสอนในยุคปัจจุบัน นอกเหนือจากการเรียนรู้เนื้อหาทางวิชาการแล้ว การสร้างพื้นที่ให้แก่เด็กและเยาวชน ได้มีความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับแนวทางการสร้างนวัตกรรุ่นใหม่ ซึ่ง NIA เริ่มดำเนินโครงการด้านการพัฒนาเยาวชนมาเป็นเวลากว่า 8 ปี ผ่านการทำงานอย่างเป็นระบบร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โดย NIA ออกแบบกระบวนการ STEAM4INNOVATOR เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมในกลุ่มเยาวชนมากว่า 10,000 ราย ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งกระบวนการนี้สร้างขึ้นจากประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยมากกว่า 10 ปี จึงทำให้มองเห็นแนวทางในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นขั้นเป็นตอน นำมาวางกระบวนการให้ง่ายต่อการเรียนรู้สำหรับเยาวชน สามารถนำไปใช้พัฒนาทักษะด้านนวัตกรรมให้กับเยาวชนได้อย่างไม่ซับซ้อน โดยมี 4 ขั้นตอนในการสร้างนวัตกรรม ได้แก่ 1. Insight รู้ลึก รู้จริง 2. Wow Idea คิดสร้างสรรค์ไอเดีย 3. Business Model แผนพัฒนาธุรกิจ และ 4. Production & Diffusion การผลิตและการกระจาย ทั้งนี้ หากมองในระดับสากล ก็จะพบว่านานาประเทศต่างมีความเชื่อว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ คือขุมกำลังที่จะตอบโจทย์การสร้างชาตินวัตกรรมในอนาคต ด้วยเหตุนี้ จึงมุ่งพัฒนากลไกการสร้างคนที่มีศักยภาพ เริ่มตั้งแต่ระดับปฐมวัย ขึ้นมาจนถึงนักเรียน นักศึกษาในระบบการศึกษา รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต เพื่อสร้างระบบนวัตกรรมที่เข้มแข็งพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาชาติแห่งนวัตกรรม ดังเช่น 2 ประเทศ ได้แก่ เอสโตเนีย ประเทศเล็กแต่เติบโตด้วยนวัตกรรม และสิงคโปร์ แชมป์โลกด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ ได้แก่
- เอสโตเนีย หนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านการศึกษาและดิจิทัลระดับโลก ซึ่งมีนโยบายผลักดันการศึกษา STEAM อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา รวมถึงการอบรมครู หนึ่งในโครงการเด่นสำคัญ ได้แก่ โครงการ ProgeTiger ที่มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเป็นโปรแกรมผสานการเรียนรู้ด้านหุ่นยนต์ การเขียนโปรแกรม และการเรียนรู้แบบลงมือทำเข้าด้วยกัน เด็กและเยาวชนจึงได้พัฒนามากกว่าแค่ทักษะการเขียนโค้ด แต่รวมถึงการแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ ความร่วมมือ และการคิดเชิงวิพากษ์ นอกจากนี้ ล่าสุดเอสโตเนียยังมีโครงการ AI Leap เพื่อมุ่งพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับนักเรียนและครู โดยเตรียมจัดหาเครื่องมือและทักษะ AI ให้ทุกโรงเรียนในประเทศ ทำให้เอสโตเนียกลายเป็นพื้นที่ทดลองสำหรับการใช้งาน AI ในสถาบันการศึกษา พร้อมทั้งมีการอบรมครูด้าน AI literacy จริยธรรมดิจิทัล และการออกแบบการสอนด้วย AI
- สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับระดับโลกในด้าน STEAM และนวัตกรรม โดยเฉพาะการออกแบบระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่รวมถึงยังครองอันดับ 1 ของโลกจากการประเมิน PISA 2022 ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน รัฐบาลสิงคโปร์มีการลงทุนและผลักดันด้าน STEAM โค้ดดิ้ง และหุ่นยนต์อย่างเป็นระบบที่ช่วยปลูกฝังการคิดเชิงออกแบบตั้งแต่ระดับประถม ผ่านโครงการที่หลากหลาย เช่น Applied Learning Programme (ALP) ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนนำความรู้ทางวิชาการไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง และโครงการ STEAMunity ซึ่งเป็นโครงการร่วมส่งเสริมการศึกษา STEAM ระหว่างภาครัฐและภาคการศึกษานวัตกรรม เพื่อสร้างเครือข่ายและชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน อีกทั้งยังส่งเสริมการออกแบบและจัดตั้งพื้นที่ Maker Space และ Innovation Lab ในทุกเขตการศึกษา เพื่อช่วยให้บุคลากรและนักเรียนได้เรียนรู้และซึมซับวัฒนธรรมของนักสร้างสรรค์ (makers' culture) เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ ในสาขาที่ตนเองยังไม่คุ้นเคย นอกจากนี้ ยังมีเวิร์กช็อปและหลักสูตรระยะสั้นสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เชิงลึกในด้านเฉพาะทางอีกด้วย
"จากประสบการณ์ทำงานด้านการพัฒนาเยาวชนมายาวนาน NIA ค้นพบว่านอกจากเนื้อหาสาระที่ใช้เป็นแกนกลางในการสร้างทักษะให้เยาวชนแล้ว 3 องค์ประกอบสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ของเยาวชนรุ่นใหม่ ได้แก่ หลักสูตร (Curriculum) กระบวนการสอน (Pedagogy) และบรรยากาศ (Vibe) ที่ต้องออกแบบให้สอดประสานกันอย่างสนุกสนาน เพื่อสร้างบรรยากาศให้เยาวชนสามารถปลดปล่อยพลังงานการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างมั่นใจ และติดเป็นนิสัยต่อไปในอนาคต และเพื่อขยายผลการสร้างนวัตกรเยาวชนในวงกว้างครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย โดย NIA มุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรและเครื่องมือพัฒนาทักษะนวัตกรที่เยาวชน ครู และบุคลากรทางการศึกษา สามารถเรียนรู้และนำไปใช้ในการเรียนการสอนจริงในโรงเรียนได้ เช่น STEAM4INNOVATOR Canvas, STEAM4INNOVATOR Virtual Learning Station ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการสื่อสาร อีกทั้งบ่มเพาะเยาวชนเข้าสู่เวทีแข่งขันระดับชาติและนานาชาติ พร้อมต่อยอดสู่การทำธุรกิจจริง รวมถึงขยายผลการเรียนรู้สู่โรงเรียนทั่วประเทศ ผ่านการฝึกอบรมครูและการยกระดับโรงเรียนสู่การเป็นศูนย์สร้างนวัตกรรุ่นใหม่ STEAM4INNOVATOR CENTER เพื่อผลิตนวัตกรรุ่นเยาว์จากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่องยั่งยืน"
ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ NIA ยังสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมสำหรับเยาวชน โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานการศึกษาและพันธมิตร เช่น สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ในการถอดกระบวนการความสำเร็จการเปลี่ยนโรงเรียนเป็นศูนย์สร้างนวัตกรรุ่นใหม่เพื่อขยายผลปรับเปลี่ยนโรงเรียนทั่วประเทศ, สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ในการออกแบบหนังสือเรียนการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในการพัฒนาหลักสูตรผู้ประกอบการนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการผลิตสื่อการเรียนรู้ในการพัฒนาครู สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการสร้าง "ครูนวัตกร" ทั่วประเทศ รวมถึงปัจจุบันยังได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้สำหรับปฐมวัยและเด็กตั้งแต่อายุ 4-15 ปีอีกด้วย เพื่อให้เกิดการเข้าถึงเยาวชนอย่างทั่วถึงทุกช่วงวัยตลอดเส้นทางการสร้างนวัตกร "ในอนาคต NIA ได้วางกลยุทธ์การดำเนินงานต่อยอดจากด้านการพัฒนาการศึกษาไปสู่การพัฒนาอาชีพนวัตกร โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างระบบงานและอาชีพด้านนวัตกรรมตามมาตรฐานอาชีพสากล พร้อมสร้างแนวทางการพัฒนาทักษะความสามารถกำลังคนของประเทศเพื่อเข้าสู่ตลาดงานด้านนวัตกรรม เช่น ความร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยในกำกับและภาคเอกชน ในการเสริมระบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน (Cooperative and Work Integrated Education หรือ CWIE) ให้เน้นการสร้างนวัตกรรมและต่อยอดธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการได้, และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (สคช.) ในการยกระดับอาชีพต่างๆ ให้มีสมรรถนะด้านนวัตกรรมและสร้างมาตรฐานอาชีพนักบริหารจัดการนวัตกรรมที่จะมีบทบาทสำคัญต่อภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้นในอนาคต ทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นตั้งใจของ NIA ที่จะก้าวต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ยกระดับทักษะและสมรรถนะอาชีพด้านนวัตกรรมสำหรับเยาวชนไทยอย่างเป็นระบบ พร้อมมุ่งสู่การเป็นชาตินวัตกรรมในอนาคต" ดร. กริชผกา กล่าวสรุป
เอ็นไอเอ ชวนร่วมออกแบบ "ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัป" หนุนกลไกสนับสนุนธุรกิจกลุ่มเทคฯ อย่างตรงจุด
NIA ร่วมกับ ซีพี ซีดดิ้ง โซเชียลอิมแพคท์ ผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
เซ็นทรัลพัฒนา คว้ารางวัล Prime Minister Award 2025 'Innovation for Sustainability' ตอกย้ำผู้พัฒนา Centre of Life และผู้นำการเติบโตอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมาย NET Zero 2050
เอ็นไอเอชวนเจาะโมเดลสร้างเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม "นิลมังกร" แปลงร่างคนตัวเล็กให้กลายเป็นฮีโร่ของเศรษฐกิจท้องถิ่นไทย
จุฬาฯ จับมือ NIA ปั้น "ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย" สร้างเวทีบ่มเพาะนวัตกรรมและธุรกิจ Startup จากงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์
ครั้งแรกในไทย นวัตกรรมสเต็มเซลล์เพื่ออนาคตสุขภาพสัตว์เลี้ยง
เอ็นไอเอ ผนึกพันธมิตร เปิดพื้นที่ให้ "นวัตกรรุ่นใหม่" โชว์นวัตกรรมสร้างโลกยั่งยืนใน "STEAM4INNOVATOR's Day 9.9"
เอ็นไอเอเปิดฟอรั่มโอกาสเฮลท์เทคไทย พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก 2025