กรุงเทพ--23 เม.ย.--ฟาร์อีสท์ฯ
ฟาร์อีสท์ฯ ประกาศเดินหน้านโยบาย "ทีอาร์เอ็ม" ด้วยการบริหารต้นทุนบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจปีนี้ขยายธุรกิจเพิ่มใน 3 กลุ่มประเทศ คือ พม่า กัมพูชา และอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันวางแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศต่อเนื่องอีกเพื่อก้าวสู่การเป็น Regional Agency รายแรกของไทยในภูมิภาคอินโดจีน เผยวางเป้าหมายยอดบิลลิ่งปี 2540 ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท และเน้นเพิ่มสัดส่วนกำไรต่อหุ้นในอัตราสูงเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น
นายวศิน เตยะธิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟาร์อีสท์แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยแนวทางการดำเนินงานในปี 2540 ว่า บริษัทฯ ได้ใช้นโยบายการบริหารงานแบบ ทีอาร์เอ็ม (Total Resource Management) หรือการบริหารต้นทุนบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงานเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจต่างๆ หันมาให้ความสนใจในการลงทุนด้านโฆษณามากนัก โดยนโยบายดังกล่าวนี้ ทางบริษัทฯ ได้เริ่มใช้มาตั้งแต่ช่วงปี 2539 ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และจากผลการดำเนินงานปรากฏว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 24 บาท และสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราสูงถึงหุ้นละ 12 บาท
นายวศินกล่าวว่าการบริหารงานแบบทีอาร์เอ็มนั้นจะเน้นในเรื่องของการฝึกอบรมบุคลากรในทุกๆ ระดับ โดยจะใช้การจัดคอร์สอบรมความรู้เฉพาะด้านให้กับพนักงานในแต่ละฝ่ายเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพและการทำงานโฆษณาอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้พิเศษในเรื่องของ ไอเอ็มซี หรือ Integrated Marketing Communication เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงกับการนำเสนอแผนงานโฆษณา
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้จัดแคมเปญ "รวมพลคนประหยัด" ซึ่งเป็นกิจกรรมเฉพาะภายในองค์กรเพื่อกระตุ้นให้พนักงานทุกคนร่วมมือร่วมใจกันประหยัดในทุกๆ เรื่อง อาทิ การใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำประปา เครื่องใช้สำนักงาน กระดาษ โทรศัพท์ รวมทั้งการนำกลับมาใช้ใหม่ของวัสดุหรือสิ่งของต่างๆ ซึ่งได้ผลค่อนข้างดีในขณะนี้ เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยบริษัทฯ ในเรื่องของค่าใช้จ่ายแล้วยังเป็นการสร้างจิตสำนึกและนิสัยที่ดีให้ทุกคนช่วยกันประหยัดซึ่งหมายถึงการประหยัดที่มีผลต่อสังคมและประเทศชาติด้วย
นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในปี 2540 นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีน โดยการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้วคือ ในเกาหลี เวียดนาม และจีน ซึ่งถือว่าในธุรกิจการโฆษณานั้น ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านนี้ทั้งในเรื่องของเงินทุนและความรู้ด้านเทคนิคใหม่ๆ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทโฆษณาของไทยจะก้าวสู่ความเป็น Regional Agency ในภูมิภาคที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างอินโดจีน และคาดว่าภายในปีนี้บริษัทฯ จะสามารถขยายธุรกิจเต็มรูปแบบเพิ่มขึ้นใน 3 ประเทศคือ พม่า กัมพูชา และอินโดนีเซีย--จบ--