ก.แรงงานฯ เล็งนิคมสร้างตนเองทั่วประเทศเป็นแหล่งสร้างงาน

21 Oct 1997

กรุงเทพ--21 ต.ค.--กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม

นายมนตรี ด่านไพบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เปิดเผยภายหลังได้ประชุมมอบนโยบายแก่ข้าราชการสังกัดกระทรวงแรงงานฯ 14 จังหวัดภาคใต้โรงแรมทวินโลตัส จังหวัดนครศรีธรรมราชว่าจะต้องน้อมนำแนวพระราชดำริด้านการเกษตรพัฒนามาใช้ในการแก้ปัญหาการเลิกจ้างในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เพื่อให้คนที่อยู่ในพื้นที่ภูมิลำเนาและพัฒนาการทำมาหากินให้เกิดประสิทธิภาพ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างงานและส่งเสริมระบบเศรษฐกิจได้ในที่สุด ทั้งนี้ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือร่วมใจกันประสานงานเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ขึ้นมา

นายมนตรี ชี้แจงว่า ปัจจุบันแนวคิดด้านการทำงานเป็นหมู่คณะ โดยประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมีความสำคัญมาก แม้ว่าแต่ละฝ่ายจะมีแนวความคิดที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ก็ไม่เสียหายเพราะหากนำแนวทางส่วนที่ดีของแต่ละฝ่ายมาใช้ก็กลับจะทำให้เกิดความปรองดองและเกิดความร่วมมือกันได้ในที่สุด ทั้งนี้ขอให้ยึดถือแนวความจิงที่ว่า "หนึ่งคนรู้หลายงาน หนึ่งงานรู้หลายคน" และจะต้องใช้หลักการ "ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา บริการ"ให้ได้ผลเสียก่อนที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ โดยเฉพาะในด้านแรงงานสัมพันธ์

นายมนตรี รมว.แรงงานฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับภารกิจที่ตนกำหนดไว้ในขระนี้คือ การแก้ปัญหาการเลิกจ้าง ซึ่งจะต้องอาศัยทรัพยากรเครื่องไม่เครื่องมือและอำนาจบริหารเท่าที่มีอยู่ของกระทรวงแรงงานฯ ให้มากที่สุด โดยขณะนี้ตนได้เล็งไปที่นิคมสร้างตนเองต่างๆ ทั่วประเทศให้สามารถเป็นพื้นที่รองรับการทำกินที่เกิดประสิทธิภาพแก่ประชาชนมากที่สุด เพื่อจะได้เป็นฐานทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้หน่วยงานในกระทรวงแรงงานฯ คงจะต้องเน้นการประสานงานร่วมมือไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยน้อมเอาแนวพระราชดำริของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง "การเกษตรยั่งยืน" หรือเกษตรแนวใหม่ที่มีการทำไร่นาสวนผสม โดยใช้สารเคมีในการกำจัดโรคและศัตรูพืชให้น้อยที่สุด แต่กลับหันไปใช้วิธีการทางชีวภาพ ธรรมชาติมาแก้ปัยหาเพื่อให้เกิดผลประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด มีการทำลายธรรมชาติน้อยที่สุด และคงจะต้องส่งเสริมให้สมาชิกนิคมสร้างตนเองได้เป็นเจ้าของที่ดินและห้ามการซื้อขาย ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนเหล่านี้มีที่ทำกินและเลี้ยงตัวเองได้ มีการนำกลไกทางการตลาดมาใช้จัดการเพื่อสร้างความมั่นคงในรายได้และอาชีพที่ทำอยู่ เป็นการสร้างงานสร้างรายได้ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ต้องอพยพแรงงานไปสู่ท้องถิ่นอื่น ซึ่งจะมีปัญหาด้านต่างๆ ตามมาภายหลัง พร้อมกันนี้ยังจะได้ส่งเสริมการทำสวนสมุนไพรในพื้นที่นิคมเหล่านี้ด้วย หากประชาชนสนใจ ก็สามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนพันธ์ไปขยายเพื่อเป็นการอนุรักษ์สมุนไพรไทยและเป็นรายได้เสริมหรือไว้ใช้ในครอบครัวได้อีกด้วย

ซึ่งเรื่องนี้นายมนตรีย้ำว่า ตนได้เร่งหาข้อสรุปและนำเข้าเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด เพื่อให้แนวทางเหล่านี้สามารถปฏิบัติได้อย่างจริงจังต่อไป

มีปัญหาด้านแรงงานหรือถูกเลิกจ้าง ติดต่อศูนย์ช่วยเหลือผู้ถูกเลิกจ้าง กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมโทร. 248-4141--จบ--