กรุงเทพ--10 ก.ค.--ธ.ศรีนคร
ศรีนครยืนยันสถานะมั่นคง การดำเนินงานยังปกติ ล่าสุดอุเทนฯ นักการ ธนาคารอาวุโสออกมาแถลงในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้บริหารคนหนึ่งของธนาคารฯ ถึงวัน นี้ 47 ปีแล้ว ไม่ยอมให้ล้มเด็ดขาด เผยปัญหาหนี้เสียมีการเร่งรัดและติดตามทวง ถามอย่างจริงจังตลอดมา ซึ่งวันนี้ได้รับชำระจากดอนเมืองโทลเวย์ 1,600 ล้าน บาทเศษ ทำให้ฐานะธนาคารฯ กระเตื้องดีขึ้นอย่างน่าพอใจ
ตามที่มีกระแสข่าวในเชิงลบต่อธนาคารศรีนครเป็นระยะ ๆ ขณะนี้ โดย หยิบประเด็นเกี่ยวกับฐานะกิจการของธนาคารมาเป็นจุดโจมตี ทั้ง ๆ ที่ไม่มีมูลความ จริงแต่อย่างใดนั้น ฝ่ายบริหารของธนาคารศรีนคร มีความเป็นห่วงว่า ข่าวดังกล่าว อาจจะแพร่สะพัดและได้รับการเสริมแต่งจากผู้ไม่หวังดีมากขึ้น จนกระทบกระเทือน ความรู้สึกเชื่อถือต่อธนาคารของลูกค้า และประชาชนทั่วไป เช้าวันนี้ นายอุเทน เตชะไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการ ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผย และยืนยันต่อผู้สื่อข่าวว่า "ตามที่มีข่าวลือว่า ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) มีหนี้ เสียจำนวนมากจนอาจจะทำให้ต้องเลิกกิจการนั้น ผมขอปฏิเสธว่าข่าวลือนั้นไม่เป็น ความจริง ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) ยังมั่นคงอยู่ และยังสามารถให้บริการ รับฝากถอนเงินอย่างเป็นปกติทุกประเภท และลูกค้าสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ก็ สามารถเบิกเงินตามวงเงินได้อย่างสะดวก ส่วนบริการอื่น ๆ ก็ยังดำเนินไปเช่นที่ เคยปฏิบัติมาทุกประการ"
เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการธนาคารฯ โดยความเห็น ชอบของที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ตัดสินใจเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 15,000 ล้านบาท โดย เพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 ล้านบาทเศษ ซึ่งส่วนหนึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้จองซื้อไปแล้ว ถึง 55.22% ส่วนที่เหลือมีสถาบันการเงินต่างประเทศ 3 แห่งได้ให้ความสนใจ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาเงื่อนไข และรายละเอียดอื่นๆ อยู่ ซึ่งทางธนาคารฯ จะตัดสินใจเลือกรายใดรายหนึ่งในเร็ววันนี้
นายอุเทน เตชะไพบูลย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "การปล่อยสินเชื่อ ของธนาคารฯ นั้น ก็เป็นธรรมดาที่จะมีหนี้เสียบ้าง ซึ่งเราก็ได้เร่งรัดและติดตาม อย่างจริงจังตลอดมา เพื่อยับยั้งการสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งเป็นหลักการทั่วไปที่ วงการธนาคารถือปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้ส่วนใหญ่มีหลักประกันคุ้ม ธนาคาร ศรีนคร ได้ดำเนินการด้านการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังมาตั้งแต่ต้นปี 2540 และได้พยายามเร่งรัดทวงถามหนี้ที่มีปัญหา ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ อย่างในวันนี้ เราก็ได้รับการชำระหนี้ทั้งหมดจากบริษัทดอนเมืองโทลเวย์ เป็นเงินต้นและดอกเบี้ย รวมจำนวนถึง 1,600 ล้านบาทเศษ ซึ่งทำให้ฐานะของธนาคารในด้านหนี้สินที่ไม่ก่อ ให้เกิดรายได้กระเตื้องดีขึ้นอย่างน่าพอใจเป็นพิเศษ"
นายอุเทน เตชะไพบูลย์ ซึ่งเป็นนักการธนาคารอาวุโสที่สุดของไทยขณะ นี้ และยังมีเครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวางเป็นที่เชื่อถือของคนทั่วไปทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ ยังได้กล่าวยืนยันว่า "ผมเป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของ ธนาคารฯ ซึ่งจนถึงปัจจุบันได้เปิดดำเนินการมาถึงปีนี้ 47 ปีแล้ว ผมคงไม่ยอมให้ ธนาคารฯ เป็นอะไรไปได้อย่างแน่นอน"--จบ--