หญิงไทยนิยมผ่าท้องมากกว่าคลอดปกติ มีอัตราเพิ่มสูงถึง 22.4%

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพ--30 มิ.ย.--สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หรือสวรส. วิจัยพบหญิงไทยนิยมผ่าท้องคลอดบุตรปี 2539 สูงถึง 22.4% จากการศึกษาโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศ นายแพทย์วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร นักวิชาการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการวิจัยแบบแผนการคลอดบุตรในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ 344 แห่ง (โรงพยาบาลรัฐ 236 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 108 แห่ง) ของหญิงไทยระหว่างปี 2533-2539 พบอัตราการผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้อง (Cesarean Section) สูงขึ้นจาก 15.2% ในปี 2533 เป็น 22.4% ในปี 2539 จากจำนวนการคลอดบุตรทั้งสิ้นทั่วประเทศ 382,913 และ 492,148 ตามลำดับ ในขณะที่การคลอดบุตรปกติมีอัตราลดลงจาก 74% ในปี 2533 เป็น 67% ในปี 2539 และการคลอดด้วยวิธีอื่น 10.98% ในปี 2533 เป็น 10.72% ในปี 2539 นอกจากนี้ จำนวนสูติแพทย์ในโรงพยาบาลที่ศึกษาเพิ่มขึ้นจาก 648 คนในปี 2533 เป็น 882 คนในปี 2539 หรือเพิ่มขึ้น 36% แต่ปริมาณการผ่าตัดคลอดบุตรเพิ่มขึ้นจาก 58,183 รายในปี 2533 เป็น 109,867 รายในปี 2539 หรือเพิ่มขึ้น 89% ในเวลาเดียวกัน นายแพทย์วิโรจน์กล่าวว่า เมื่อแยกการคลอดบุตรของหญิงไทยตามกลุ่มโรงพยาบาลที่ได้ศึกษาพบว่า โรงพยาบาลชุมชนส่วนใหญ่ เป็นการคลอดปกติถึง 86% แต่ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา อัตราการคลอดปกติทางช่องคลอด และคลอดวิธีอื่น ๆ ลดลง ทำให้อัตราการผ่าตัดคลอดลูกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ปี 2539 กลุ่มโรงพยาบาลระดับจังหวัดส่วนใหญ่ เป็นการคลอดปกติ 65% อีก 23% เป็นการผ่าตัดคลอดบุตร ทำให้ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา อัตราการคลอดบุตรลดลงชัดเจน และอัตราการผ่าตัด เพิ่มขึ้นชัดเจนด้วย สำหรับกลุ่มโรงพยาบาลรัฐอื่น ๆ มีการคลอดบุตรคล้ายกับโรงพยาบาลระดับจังหวัด ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา อัตราการคลอดบุตรปกติ และอัตราคลอดวิธีอื่น ๆ ลดลงเล็กน้อย ทำให้อัตราการผ่าตัดเพิ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจน ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน จะแตกต่างจากโรงพยาบาลภาครัฐ มีอัตราการผ่าตัดสูงกว่าอัตราการคลอดปกติ ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา จนปัจจุบันอัตราการผ่าตัดคลอดบุตรเท่ากับ 51% และอัตราการคลอดปกติเท่ากับ 34% ดังนั้นในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา อัตราการคลอดปกติลดลงชัดเจน ทำให้อตราการผ่าตัดเพิ่มขึ้นชัดเจนด้วย นายแพทย์วิโรจน์กล่าวต่อว่า หากคิดรวมทั้งประเทศแล้ว แม้อัตราการผ่าตัดคลอดบุตรของโรงพยาบาลเอกชนสูงก็ตาม แต่ไม่ทำให้ภาพรวมของประเทศสูงมากนัก เนื่องจากปริมาณการคลอดบุตรของโรงพยาบาลเอกชนยังมีสัดส่วนที่น้อยเพียง 9% ของจำนวนการคลอดบุตรทั้งหมด อย่างไรก็ดีการศึกษาครั้งนี้ อาศัยข้อมูลทุติยภูมิ หรือบันทึกห้องคลอด ห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลทั่วประเทศ การศึกษานี้ยังไม่ได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยอื่น ๆ การมีหรือไม่มี ประกันสุขภาพหรือสวัสดิการรักษาพยาบาล ความมั่นใจในความปลอดภัยระหว่างการคลอดปกติและการผ่าตัด รวมทั้งรายละเอียดในการตัดสินใจผ่าตัดเป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องการการวิจัยเพิ่มเติม นายแพทย์วิโรจน์กล่าวในตอนท้าย--จบ--

ข่าวสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข+วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียรวันนี้

สกสว. ร่วมพลิกระบบบริการสุขภาพไทยด้วยงานวิจัยระดับมาสเตอร์พีซ สู้วิกฤตการเปลี่ยนแปลงโลก และระบบสาธารณสุข ชี้ปี 63 - 67 หนุนงบประมาณ งานวิจัยด้านแพทย์และสุขภาพรวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และหน่วยงานวิจัยในระบบสุขภาพ จำนวน 24 หน่วยงาน ร่วมเดินหน้าจัดระบบสนับสนุนและบูรณาการการวิจัยด้านระบบสุขภาพและการแพทย์ โดยมุ่งให้เกิดการขับเคลื่อนงานวิจัยให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างผลลัพธ์และผลกระทบทางสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจัดขึ้นภายในงานการประชุมวิชาการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ปี 2567 "ร่วมพลิกระบบสุขภาพไทย ด้วยงานวิจัยคุณภาพ" โดยมี พล.ร.ท.นพ.นิกร เพชรวีรกุล

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ร่วมกับ โรช ไทยแ... สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข จับมือ โรช ไทยแลนด์ ลงนาม MOU หนุนการพัฒนาระบบสุขภาพให้ชาวไทย — สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ร่วมกับ โรช ไทยแลนด์ ลงนาม MOU เพื่อการพ...

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้จัดเว... สวรส. ถกบทเรียนวิจัยแก้วิกฤตโควิดกับการขับเคลื่อนนโยบาย สู่มาตรการลดช่องว่างสังคมไทย — สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้จัดเวทีเสวนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้...

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จัดประชุ... สวรส. เดินหน้าศูนย์บริการทดสอบการแพทย์จีโนมิกส์ ถอดรหัสพันธุกรรมคนไทยมาตรฐานสากล 5 หมื่นราย — สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จัดประชุมคณะที่ปรึกษาด้านกา...