กรุงเทพ--30 ม.ค.--โรแบร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ฯ
โรแบร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ฯ บริษัทที่ปรึกษาระบบมาตรฐาน ISO 9000 และ QS 9000 เปิดเผยการตลาดปี 2541 พร้อมรุกธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาระบบมาตรฐานยานยนต์ QS 9000 หวังสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่มาตรฐานโลกก่อนปลายปี 2542 พร้อมนำ "จอห์น อดาแมค" ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคด้าน QS 9000 จากออสเตรเลีย เสริมเทคโนโลยีใหม่ให้กับไทย
มร.พอล เจมส์ โรแบร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรแบร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ธุรกิจที่ปรึกษาระบบมาตรฐาน ISO 9000 และ QS 9000 เปิดเผยว่า ในปี 2541 นี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการตลาดที่จะรุกเข้าสู่การเป็นที่ปรึกษามาตรฐานคุณภาพยานยนต์ QS 9000 ให้มากขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยสามารถส่งสินค้าออกได้มากขึ้นและแข่งขันกับคู่ค้าในตลาดโลกได้ โดยในขณะนี้มีลูกค้าที่บริษัทฯ ให้คำปรึกษาต้าน ISO 9000 จำนวน 59% ของกลุ่มลูกค้าทั้งหมด ในขณะที่ลูกค้าที่บริษัทฯ ให้คำปรึกษาด้าน QS 9000 มีจำนวน 41% ของกลุ่มลูกค้าทั้งหมด
"บริษัทฯ มีแผนงานพัฒนาคุณภาพการเป็นที่ปรึกษาให้ได้มาตรฐานสากล โดยในปีนี้ โรแบร์ ได้นำ "จอห์น อดาแมค" ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคด้าน QS 9000 จากประเทศออสเตรเลีย มาประจำประเทศไทย เพื่อนำความรู้และนำเทคโนโลยีใหม่มาพัฒนา และเสริมศักยภาพให้แก่กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย หลังจากที่ จอห์น อดาแมค ได้เคยมาศึกษาระบบการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดในเดือนกรกฎาคมเมื่อปีที่แล้ว และได้นำความรู้และประสบการณ์ ด้าน QS 9000 ที่มีอยู่มาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะ โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถทำให้อุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทยได้มาตรฐานระบบ QS 9000 ตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อนสิ้นปี 2542 ทั้งนี้เพราะจอห์นเป็นผู้มีประสบการณ์ด้าน QS 9000 เป็นอย่างดี โดยสามารถช่วยเหลือลูกค้าในประเทศออสเตรเลียจำนวน 30 บริษัทให้ได้รับ QS 9000 มาแล้ว" มร.พอล กล่าว และให้รายละเอียดด้วยว่า
QS 9000 เป็นระบบมาตรคุณภาพที่มีความยากลำบากกว่าระบบมาตรฐานอุตสาหกรรม ISO 9000 ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 18 เดือน ในขณะเดียวกันกลุ่มบิ๊กทรีซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตรถรายใหญ่ของโลก ได้แก่ ฟอร์ต จีเอ็ม และไครส์เลอร์ ได้ร่วมกันกำหนดมาตรฐานให้ผู้แทนจำหน่ายที่ส่งชิ้นส่วนยานยนต์ให้แก่กลุ่มบิ๊กทรีต้องได้รับใบรับรองมาตรฐานยานยนต์ QS 9000 อาจทำให้ไทยต้องสูญเสียรายได้มหาศาลจากการส่งออก และจากการส่งสินค้าให้กับกลุ่มบิ๊กทรีที่เข้ามาตั้งโรงงานเพื่อผลิตรถไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
โรแบร์ฯ ได้มีการศึกษาและค้นคว้าด้านระบบ QS 9000 มาเป็นเวลานาน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะสามารถทำ QS 9000 ประสบความสำเร็จได้โดยไม่ยากนัก เพราะนอกจาดโรแบร์ฯ จะได้นำจอห์น อดาแมค ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค QS 9000 มาเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค QS 9000 แล้ว โรแบร์ฯ ยังมีทีมงานและทีมบริหารที่เชี่ยวชาญด้าน QS 9000 โดยเฉพาะ โดยในปี 2540 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ส่งทีมงานซึ่งนำโดย มร.พอล เจมส์ โรแบร์ กรรมการผู้จัดการของโรแบร์ฯ ไปสหรัฐอเมริกาเพื่ออบรมหลักสูตรด้าน QS 9000 ที่สถาบัน Plexus ซึ่งเป็นสถาบันที่เชี่ยวชาญด้าน QS 9000 โดยเฉพาะ
มร.พอล กล่าวด้วยว่า ตลาดทางด้าน QS 9000 ยังเป็นตลาดที่มีช่องทางการเติบโตได้อีกมาก หากได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนด้านข้อมูลและความรู้ด้าน QS 9000 ที่ถูกต้อง เพราะในขณะที่กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยทั้งหมดจำนวน 100 กว่าบริษัท มีผู้ได้รับ QS 9000 เพียงไม่กี่รายเท่านั้น และแม้ว่า QS 9000 จะเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยกลุ่มบิ๊กทรี คือ ฟอร์ด จีเอ็ม และไครสเลอร์ แต่กลุ่มบิ๊กทรีก็เป็นกลุ่มผู้ผลิตรถส่งออกรายใหญ่ของโลกที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทยไม่อาจมองข้ามไปได้
นอกจากนี้ ในปัจจุบันกลุ่มผู้ผลิตรถค่ายญี่ปุ่นหลายรายก็ได้มีการกำหนดการรับชิ้นส่วนยานยนต์จากผู้ผลิตที่ได้รับ QS 9000 เท่านั้น ซึ่งหากฐานการตลาดด้าน QS 9000 เป็นที่ยอมรับมากขึ้นก็จะทำให้โรแบร์ฯ สามารถขยายฐานตลาดกลุ่มลูกค้าด้าน QS 9000 เป็นสัดส่วน 59% และกลุ่มลูกค้า ISO 9000 เป็น 41% ในอนาคตอย่างแน่นอน
อนึ่ง บริษัท โรแบร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 โดยเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านระบบมาตรฐานคุณภาพที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9002 รายแรกของประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเป็นที่ปรึกษาให้กับธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO 9000 รวมทั้งสิ้น 20 กว่ารายแล้ว ในขณะเดียวกันบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งโรแบร์ฯ เป็นที่ปรึกษาให้ก็กำลังจะได้รับการรับรอง QS 9000 อีกหลายรายก่อนสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2541 นี้--จบ--