JASMIN9: จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล รายงานผลการดำเนินงาน

03 Mar 1998

กรุงเทพ--3 มี.ค.--จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล

ดร.บัณฑิต โรจน์อารยานนท์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ โดยกล่าวว่า ในรอบปี พ.ศ. 2540 ที่ผ่านมากลุ่มบริษัท จัสมิน มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,142 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากสายธุรกิจจัดจำหน่ายและบริการทางวิศวกรรมแบบเบ็ดเสร็จ 3,335 ล้านบาท ธุรกิจสัมปทานโทรคมนาคมและรายได้อื่น ๆ รวมดอกเบี้ยรับ 2,807 ล้านบาท

บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานรวมขาดทุนสุทธิ 5,445 ล้านบาท โดยสาเหตุสำคัญมาจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิจำนวน 2,269 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการปรับยอดหนี้การค้าและเงินกู้ยืมที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 ที่ 47.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นรายจ่ายทั้งจำนวนครั้งเดียวในงวดบัญชี สำหรับเงินกู้ยืมของบริษัทที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะยาวที่จะทยอยครบกำหนดจ่ายคืนในอีก 2-14 ปีข้างหน้า รายการดังกล่าวจึงเป็นการขาดทุนทางบัญชีซึ่งยังไม่เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน โดยมีการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ล่วงหน้าสำหรับเงินกู้ระยะยาวจำนวน 180 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ 25.08 บาท

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังต้องรับรู้ส่วนขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัททีทีแอนด์ทีจำนวน 2,826 ล้านบาท และบริษัทร่วมอื่น ๆ อีก 344 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ตัดเป็นรายจ่ายทั้งจำนวนครั้งเดียวในงวดบัญชีเช่นกัน ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีรายจ่ายทางด้านดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น

สำหรับฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2540 นั้น บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 23,580 ล้านบาท ยอดหนี้สินรวม 19,870 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,331 ล้านบาท

ดร.บัณฑิต โรจน์อารยานนท์ ได้เปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทจัสมินฯ ในปี 2541 ว่า บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด จะมีรายได้จากการดำเนินงานในปี 2541 ประมาณไม่น้อยกว่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ต่อปีตลอดอายุสัมปทาน

ส่วนบริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ขณะนี้ได้เปิดใช้โครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงใต้น้ำทางฝั่งตะวันตก ตั้งแต่เดือนกันยายน 2540 เพิ่มเติมจากโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงใต้น้ำทางฝั่งตะวันออก ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 และคาดว่าจะมีรายได้รวมในปี 2541 ประมาณ 1,450 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ต่อปีตลอดอายุสัมปทาน

รายได้ของทั้งสองบริษัทดังกล่าว เป็นรายได้ที่แน่นอน ระยะยาวรวมกันไม่น้อยกว่าปีละ 3,350 ล้านบาท

ทางด้านบริษัทจัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด ได้เริ่มดำเนินการงานโครงการติดตั้งระบบสื่อสัญญาณโทรศัพท์ 800,000 เลขหมายแล้ว คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 3,500 ล้านบาท จากโครงการที่มีอยู่ทั้งหมด 5,700 ล้านบาทและเมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล โอเวอร์ซีส์ จำกัด ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ใน Digital Telecommunications Ltd. ประเทศฟิลิปปินส์ จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่า 330 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีกำไรประมาณ 100 ล้านบาท

สำหรับบริษัท ทีทีแอนด์ทีฯ มีรายได้ในปี 2540 จำนวน 5,731 ล้านบาท จากเลขหมาย 1,110,222 เลขหมาย และคาดว่าปี 2541 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนเลขหมายติดตั้งจะเพิ่มขึ้น ขณะนี้บริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการแปลงส่วนแบ่งรายได้ให้เป็นหุ้นแก่ ทศท. และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2541 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากส่วนแบ่งรายได้ให้ทศท.ลดลง นอกจากนั้น ทศท.ได้อนุมัติให้บริษัทฯ เป็นผู้รับบริการแจ้งเหตุเสีย และซ่อมสายกระจายแทน ทศท. ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2541 ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับผลตอบแทนโดยประมาณ 6% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนเรื่องสภาพคล่องของบริษัทนั้น บริษัทฯ มีเงินสดสำรองเพียงพอ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารและดำเนินการ รวมทั้งสามารถชำระดอกเบี้ยและคืนเงินกู้ในระยะนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา--จบ--