กรุงเทพ--10 ก.พ.--ล็อกซเล่ย์
                                                                                                                            
                                                                                                                                      นายธงชัย  ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมนิสิตเก่าวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงการจัดการอภิปราย เรื่อง "นักวิทยาศาสตร์ กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยุค IMF" ว่า ในฐานะของนิสิตเก่า และด้วยบทบาทของนิสิตเก่าวิทยาศาสตร์ที่ทำงานช่วยเหลือสังคม ทั้งรับราชการ  และเอกชน  ได้ทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติมากมาย  และในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศประสบกับปัญหา  คณะวิทย์ฯ และนิสิตเก่าจึงเห็นว่า น่าจะมีการระดมสมองคุยกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์กันบ้าง"โดยปกติเราจะได้ยินแต่นักการตลาด นักเศรษฐศาสตร์  มาพูดคุยกันถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ  แต่การอภิปรายวันนี้เราจะได้มุมมองที่ต่างกันออกไป ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จะเป็นผู้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ผมคิดว่าท่านผู้อภิปรายแต่ละท่านสามารถพูด และวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจน และมีเหตุผล อีกทั้งเศรษฐกิจไทยในยุด IMF นี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน และช่วยเหลือกัน" นายธงชัย กล่าว
                                                                                                                                      นายณรงค์  โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหารกลุ่มแพน ในเครือบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า  ธุรกิจภาคเกษรตรกรรมมองดูเหมือนกับว่ายังแข็งแกร่งต่อเศรษฐกิจในยุคนี้ เพราะ ข้าวสามารถส่งได้หมื่นตัน   ราคาน้ำตาลและน้ำมันพืชก็สูงขึ้น แต่สภาพความเป็นจริงแล้วภาคเกษตรกรรมของไทยล่มสลายมานานแล้วเกษตรกรไม่เคยได้อะไรจากการขึ้นราคาของราคาตลาดเลย  คนที่ได้คือพ่อค้าคนกลางเท่านั้น
                                                                                                                                       เศรษฐกิจไทยมีปัญหาอยู่ในขณะนี้เหมือนเป็นโรค  ซึ่งประเทศไทยตายเพราะหมอ ซึ่งหมอที่ว่านี้คือ นักเศรษฐศาสตร์สมัยเก่าที่พยายามแก้ปัญหาด้วยการขึ้นดอกเบี้ย การตึงสภาพคล่อง จึงเป็นผลให้ธุรกิจขาดทุน และส่งผลให้ธนาคาร และสถาบันการเงินขาดทุนไปด้วย"  นายณรงค์ กล่าว
                                                                                                                                      ข้อเสนอแนะในแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภาคเกษตรกรรม นายณรงค์ กล่าวว่า " ต้องอาศัยภูมิปัญญา และการชี้นำในการพัฒนาจากภาคอุตสาหกรรมเกษตรจากต่างประเทศ  และต้องผลิตสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลก แต่ไม่สมควรผลิตตามการชี้นำของตลาดโลก  และควรผลิตในปริมาณที่พอเหมาะ  ไม่เกินความต้องการ  เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งของ ภาคเกษตรล่มสลาย" 
                                                                                                                                      อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทยนั้นจัดเป็นประเทศที่มีต้นทุนในการผลิตสูงเมื่อเทียบกับตสาหกรรมการเกษตรของบางประเทศ จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรไทยขาดทุน เพราะต้นทุนสูง   ซึ่งนายณรงค์ เสนอว่าควรจะหาวิธีการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้นจากเดิม และควรใช้สารเคมีมาใช้ในการเพิ่มผลผลิต  ซึ่งเกษตรกรก็ยังคงจนเช่นเดิมจึงจำเป็นต้องมีการช่วยเหลือจากภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างเช่น อเมริกา และยุโรป ที่ภาคอุตสาหกรรมอื่นได้ให้ความช่วยเหลือภาคเกษตรกรรม
                                                                                                                                      ในทรรศนะของนายณรงค์ การเกษตรมีเพียง 2 รูปแบบเท่านั้น คือ เกษตรแบบธรรมชาติ คือ การพัฒนาพันธุ์ให้เหมาะกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้นทุนต่ำ ยั่งยืน และดินจะดีน้ำจะชุ่ม  ส่วนเกษตรฝืนธรรมชาติ คือ การเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้เหมาะกับพันธุ์ ซึ่งต้นทุนจะสูง ไม่ยั่งยืน และดินจะเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ 
                                                                                                                                      ในวาระสุดท้าย นายณรงค์ กล่าวว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคตจะต้องเกื้อหนุนสังคม และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น การมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจะต้องพัฒนาควบคู่กันไป จะเน้นเฉพาะภาคอุตสาหกรรมอย่างเดียวไม่เอาเกษตรกรรมเลยก็ไม่ได้ จะพัฒนาแต่เกษตรกรรม ไม่สนใจอุตสาหกรรม และภาคบริการเลยก็ไม่ได้เช่นกัน ทุกอย่างต้องพัฒนาควบคู่กันไป
                                                                                                                                      นายธีระจิตต์  สถิโรตมวงศ์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยขนอร์อินดัสตรี จำกัด และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย     กล่าวถึงการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมในยุค IMF ว่า บริษัทต่าง ๆ จะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงทางด้านการบริหาร และการปฏิบัติการอยู่ตลอดเวลาในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้  อีกทั้งการวางแผนทางด้านเศรษฐกิจ และมองสภาพการณ์ในอนาคต รวมไปถึงการวางกลยุทธ์ในการร่วมทุนกับต่างชาติ ซึ่งการจับมือกับต่างประเทศจะเป็นวิธีการหนึ่งที่จะฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจไทย
                                                                                                                                      อย่างไรก็ตาม นายธีระจิตต์ ยังเสนอแนะว่า ในแวดวงอุตสาหกรรมของประเทศไทยนั้น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญมากในการพัฒนาประเทศ โดยสภาฯ จะเป็นผู้ประสานงานให้กับภาครัฐบาล และเอกชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการผลิต การส่งออก และการทำงานจนบรรลุผล
                                                                                                                            
                                                                                                                                      ทางด้านนายไกรฤทธิ์  บุณยเกียรติ  ที่ปรึกษาสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวถึงนักวิทยาศาสตร์ภาคพาณิชยกรรม  และบริการ ยุค I MF ว่า จากการมองภาพของยุคธุรกิจในอดีตจนถึงปัจจุบัน  แบ่งเป็น 3 ยุค ด้วยกัน  1.ยุคเกษตรกรรม   เป็นยุคที่มีดินถูก  แรงงานถูก  มีทรัพยากรมาก  ซึ่งประเทศอื่นผ่านยุคนี้ไปแล้ว แต่ประเทศไทยยังมีอยู่   2. ยุคอุตสาหกรรม  ยุคแสวงหา  วัตถุดิบ  Knowledge น้ำมัน   3. ยุคปัญญา  เป็นยุคใหม่ ในโลกโลกาภิวัฒน์ ต้องการปัจจัย 3 อย่าง คือ  ทรัพย์สินทางปัญญา (IT) สื่อมวลชน   ค่าเงินในตลาดโลก
                                                                                                                                      อย่างไรก็ตามนายไกรฤทธิ์ ยังเสนอแนะแนวทางแก้ไขเศรษฐกิจไทยในยุค IMF ในประเทศไทยซึ่งอยู่ใน 3 ยุค ระยะสั้น  นักวิทยาศาสตร์  ต้องเป็นนักจัดการ เพื่อจัดการตัวเองให้ได้  โดยนักวิทยาศาสตร์ต้องเรียนแลูรู้ด้านการบริหารและการจัดการเป็น ทั้ง  Planning  Maker  และ Control ระยะกลาง  นักวิทยาศาสตร์ ต้องเป็น Inveter ต้องเป็นักประดิษฐ์สิ่งแปลก  โดยเฉพาะตัวเองต้องเปลี่ยนแปลง และมี Idea ใหม่ระยะยาว  นักวิทยาศาสตร์ ต้องเป็น Developer  ต้องมีการพัฒนา  ปรับปรุง  สำรวจตัวเองอยู่ตลอดเวลา--จบ