ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถโดยสารชนกันที่พิจิตรจะได้รับเงินจาก บ.ทิพยประกันภัย รายละ 150,000-200,000 บาท

26 Nov 1997

กรุงเทพ--26 พ.ย.--กรมการประกันภัย

ตามที่ได้เกิดอุบัติเหตุรถโดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-1654 ชลบุรี ชนกับรถโดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-1337 ชัยภูมิ บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 11 ระหว่าง กิโลเมตรที่ 46-47 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2540 ซึ่งทั้งสองคันเป็นรถของบริษัท นครชัยแอร์ จำกัด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดจำนวน 21 ราย และบาดเจ็บประมาณ 38 ราย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

นายพิพรรธน์ อินทรศัพท์ อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า กรมการประกันภัย ได้ประสานงานกับ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทผู้รับประกันภัยรถโดยสารทั้งสอง ทราบว่าได้ทำประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และการประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 ซึ่งได้เพิ่มเติมการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้ และบริษัทยินดีที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย เมื่อได้รับหลักฐานของผู้ประสบภัยครบถ้วน โดยบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะได้กำหนดวันจ่ายเงินให้แก่ทายาทของผู้เสียชีวิตพร้อม ๆ กัน โดยเร็ว ดังมีรายละเอียดการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ดังต่อไปนี้

กรณีเสียชีวิต

1. รถโดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-1654 ชลบุรี ซึ่งเป็นฝ่ายทำละเมิด ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินจำนวนรายละ 150,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดที่ได้กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย จำแนกเป็นค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จำนวน 50,000 บาท และค่าสินไหมทดแทนจากการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล จำนวน 100,000 บาท

2. รถโดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-1337 ชัยภูมิ ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินจำนวน 150,000 บาท จำแนกเป็นค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จำนวน 50,000 บาท ค่าสินไหมทดแทนจากการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจำนวน 100,000 บาท นอกจากนี้ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินจากบริษัทประกันภัยของฝ่ายที่ทำละเมิดได้อีก รายละไม่เกิน 50,000 บาท แต่ทั้งนี้ยอดรวมความรับผิดของบริษัทประกันภัยสำหรับกรณีบาดเจ็บและเสียชีวิตต้องไม่เกิน 1,000,000 บาท

กรณีบาดเจ็บ

1. รถโดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-1654 ชลบุรี สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ บริษัทจะพิจารณาจ่ายค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าความเจ็บป่วยและค่าอนามัยตามความเหมาะสมแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกราย แต่ทั้งนี้ไม่เกินรายละ 100,000 บาท จำแนกเป็นค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จำนวน 50,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลจากการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจำนวน 50,000 บาท

2. รถโดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-1337 ชัยภูมิ สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ บริษัทจะพิจารณาจ่ายค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าความเจ็บป่วยและค่าอนามัยตามความเหมาะสมแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกราย แต่ทั้งนี้ไม่เกินรายละ 100,000 บาท จำแนกเป็นค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถยนต์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จำนวน 50,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลจากการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจำนวน 50,000 บาท นอกจากนี้จะได้รับเงินจากบริษัทประกันภัยของฝ่ายที่ทำละเมิดได้อีก รายละไม่เกิน 50,000 บาท แต่ทั้งนี้ยอดรวมความรับผิดของบริษัทประกันภัยสำหรับกรณีบาดเจ็บและเสียชีวิตต้องไม่เกิน 1,000,000 บาท

นอกจากนี้บริษัทได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลวังทรายพูน โรงพยาบาลพิจิตร โรงพยาบาลพญาไทภัทรเวช และโรงพยาบาลสากเหล็ก ที่ได้รับรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อรับเป็นเจ้าของไข้ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลไปแล้วขอให้รวมใบเสร็จรับเงินจากโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล แล้วนำไปติดต่อขอเบิกเงินจากบริษัทประกันภัย หรือสาขาของบริษัทประกันภัย หรือติดต่อสำนักงานประกันภัยจังหวัดพิจิตรเพื่อขอให้ช่วยดำเนินการเบิกเงินจากบริษัทประกันภัยให้ก็ได้ หากทายาทผู้ประสบภัยมีปัญหาเกี่ยวกับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนขอให้สอบถามได้ที่ กรมการประกันภัย โทร.619-0577 หรือที่สำนักงานประกันภัยจังหวัดพิจิตร (056)656-095

นายพิพรรธน์ อินทรศัพท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อุบัติภัยที่เกิดขึ้นเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ปราถนา แต่กรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากท่านได้มีการทำประกันภัยไว้ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับทายาทหรือครอบครัวให้ลดลงได้ เช่นกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้นอกจากผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งต้องได้รับตามกฎหมายแล้ว ยังได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมจากการประกันภัยประเภท 3 หรือจากการเพิ่มเติมการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลด้วยแล้วแต่กรณี--จบ--