กรุงเทพ--19 พ.ค.--เอ็นพีซี
เอ็นพีซีและบริษัทย่อย เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2541 มีกำไรจากผลการดำเนินงาน 572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปี 2540 ถึง 101 ล้านบาท เนื่องมาจากต้นทุนการผลิตของเอ็นพีซีลดต่ำลง อันเป็นผลมาจากการนำเอาระบบ TQM และ Loss Control เข้ามาใช้ในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ จากการที่ค่าเงินบาทได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เอ็นพีซีมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
1,928 ล้านบาท รวมเป็นกำไรสุทธิ 2,333 ล้านบาท
นายกมลชัย ภัทโรดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นพีซี เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2541 (เดือนมกราคม-มีนาคม 2541) ว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ การดำเนินงานของเอ็นพีซียังไปได้ดี ทั้งนี้มาจากการเดินเครื่องผลิตโอเลฟินส์อย่างเต็มที่กว่า 100%
พร้อมทั้งสนับสนุนให้กลุ่มลูกค้าชั้นต่อเนื่อง (Downstream) ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปแข่งขันยังต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น ทางด้านธุรกิจไฟฟ้า ไอน้ำ และการให้บริการท่าเทียบเรือดำเนินไปได้ด้วยดี สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายได้เสริมจากธุรกิจด้านความปลอดภัย บริการให้คำปรึกษาการขอจัดทำ ISO 14001 แก่ภาคเอกชนอื่น ๆ
ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา เอ็นพีซีดำเนินนโยบายด้านการบริหารการจัดการคุณภาพทั่วทั้งองค์การ (TQM) และการควบคุมความเสียหาย (Loss Control)
การปรับโครงสร้างองค์การ ซึ่งนโยบายทั้งหมดได้ช่วยให้การบริหารงานและการผลิตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เอ็นพีซีสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยไตรมาสแรกของปี 2541 เอ็นพีซีและบริษัทย่อย มีรายได้จากการจำหน่ายโอเลฟินส์และสาธารณูปการ จำนวน 3,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2540 จำนวน 979 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 48% เนื่องจากรายได้จากการขายโอเลฟินส์เพิ่มขึ้น 862 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายโอเลฟินส์ที่เป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ คิดเทียบกับเงินบาทมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น 82% ตามการอ่อนตัวของค่าเงินบาท หลังจากใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยโอเลฟินส์ตลาดโลกลดลง 18% ก็ตาม นอกจากนี้ เอ็นพีซีได้จัดส่งไอน้ำและไฟฟ้าจากโครงการขยายกำลังผลิต ให้กับลูกค้าและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอย่างเต็มที่ ทำให้รายได้จากการขายสาธารณูปการเพิ่มขึ้น 117 ล้านบาท หรือเพิ่ม 42%
ส่วนรายได้จากการให้บริการขนถ่ายของเหลวและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ และรายได้จากการให้บริการอื่น ๆ จำนวน 234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19% ทั้งนี้เป็นผลมาจากลูกค้าของเอ็นพีซีนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ผ่านท่าเทียบเรือและใช้บริการคลังเก็บผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น
โดยสรุปเอ็นพีซีและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนอัตราแลกเปลี่ยน และก่อนส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในกำไรของบริษัทย่อย 572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2540 จำนวน 101 ล้านบาท หรือเพิ่ม 21% ทั้งนี้เมื่อรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,928 ล้านบาท และหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในกำไรของบริษัทย่อยจำนวน 167 ล้านบาทแล้ว เอ็นพีซีและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 2,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2540 จำนวน 1,970 ล้านบาท หรือเพิ่ม 542% คิดเป็นผลกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 7.53 บาทต่อหุ้น--จบ--