เอมิเรตส์กรุ๊ป สร้างสถิติใหม่ แจงผลกำไรกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ

08 Jul 1998

กรุงเทพ--8 ก.ค.--เอมิเรตส์กรุ๊ป

เอมิเรตส์กรุ๊ป บริษัทแม่ของสายการบินเอมิเรตส์และดนาตา แถลงผลประกอบการล่าสุด ระบุกำไรพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 91 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีกำไรทั้งสิ้น 101 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งให้รายได้รวมทั้งหมดของกลุ่มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 23.7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 1,198 ล้านเหรียญสหรัฐ ทางด้านสายการบินเอมิเรตส์ มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 135 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 71.33 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ดนาตา ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารท่าอากาศยานนานาชาติดูไบและเป็นตัวแทนท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำไรเพิ่มขึ้น 32 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 29.67 ล้านเหรียญสหรัฐ

ฯพณฯ ชีค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล มัคตูม ประธานเอมิเรตส์กรุ๊ป เปิดเผยว่า “ผลประกอบการประจำปีการเงิน 1997/1998 เป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า เอมิเรตส์กรุ๊ปสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสและทุ่มเททำงานจนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แม้ว่าต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ท้าทายที่สุด คือปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ค่าเงินในเอเชีย ผลประกอบการดังกล่าวนับเป็นผลประกอบการที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจมา ทำให้บริษัทฯ สามารถส่งผลกำไรให้แก่รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นจำนวนเงินสูงถึง 10.89 ล้านเหรียญสหรัฐ"

ตลอดปีการเงิน 1997/1998 สายการบินเอมิเรตส์มีผู้โดยสารใช้บริการ 3 ล้าน 7 แสนคน และบรรทุกสินค้าถึง 2 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 23 เปอร์เซ็นต์ และ 25.3 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ นอกจากนี้ อัตราบรรทุกโดยรวมคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีการเงินที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการสั่งซื้อเครื่องโบอิ้ง 777 ใหม่อีก 7 ลำปัจจุบันสายการบิน เอมิเรตส์มีเที่ยวบินสู่จุดหมาย 44 เมืองสำคัญใน 37 ประเทศทั่วโลก จุดหมายการบินล่าสุดที่เพิ่งจะเริ่มให้บริการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คือ มอลต้า

เอมิเรตส์ สกายคาร์โก้ ซึ่งเป็นผู้บริหารคลังสินค้าของสายการบินเอมิเรตส์ มีรายได้คิดเป็น 15.9 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของสายการบินฯ โดยเฉพาะแผนกขนส่งสินค้ามีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 23.3 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำหนักบรรทุกสินค้ารวมตลอดทั้งเครือข่ายเพิ่มขึ้น 25.3 เปอร์เซ็นต์

แผนกธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการภายใต้การบริหารงานของ Destination and Leisure Management Department ซึ่งมีหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ 2 หน่วยงานคือ Emirates Holidays และ Arabian Adventures มียอดขาย รวมกว่า 73 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 34 เปอร์เซ็นต์ มีลูกค้าใช้บริการทั้งสิ้นกว่า 90,000 ราย

สำหรับนโยบายการพัฒนาฝูงบินเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการคมนาคมทางอากาศที่เพิ่มขึ้น สายการบินเอมิเรตส์ได้สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A330-200 อีก 16 ลำ โดยมีกำหนดจะทยอยนำออกให้บริการแทนฝูงบินแอร์บัสรุ่นปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2002 และได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777 อีก 2 ลำ โดยจะเริ่มนำออกให้บริการในปลายปี 1998 นี้ นอกจากนี้ ทางสายการบินกำลังพิจารณาสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นอื่น ๆ เช่น เครื่องบินแอร์บัส A340-500 และเครื่องบินโบอิ้ง 777-200X มาให้บริการในเที่ยวบินระยะไกลพิเศษในปี 2002 อีกด้วย

ทางด้านดนาตา ซึ่งเป็นผู้บริหารท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ได้เร่งขยายขอบข่ายการให้บริการเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นถึง 12.7 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวน 9 ล้าน 3 แสนคน รวมทั้งการใช้บริการด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เพิ่มขึ้นถึง 16.4 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวน 426,800 ตัน นอกจากนี้ ยังประสบความสำเร็จในการนำระบบคอมพิวเตอร์ Mercator เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วของการบริการ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการเช็คอิน การลำเลียงและจัดเก็บสัมภาระ การจัดเตรียมอุปกรณ์ หรือการบริหารทรัพยากรบุคคล ซึ่งช่วยยกระดับการบริการของท่าอากาศยานนานาชาติ ดูไบให้ทัดเทียมกับท่าอากาศยานชั้นนำแห่งอื่น ๆ ของโลก

มร. มอริส ฟลานาแกน กรรมการผู้จัดการเอมิเรตส์กรุ๊ป เปิดเผยว่า “เอมิเรตส์กรุ๊ปได้ดำเนินแผนการลดค่าใช้จ่ายควบคู่กับการสร้างรายได้เพิ่มมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ ภายใต้ชื่อโครงการ Year 2000 Compliance และ Performance Matters และนอกจากการเข้าถือหุ้นในสายการบินแอร์ลังกาแล้ว เอมิเรตส์กรุ๊ปยังขยายขอบข่ายการลงทุนไปยังธุรกิจการพัฒนาและบริหาร โรงแรมที่พักอีกด้วย โดยขณะนี้กำลังเร่งพัฒนาโครงการ Al Maha Hotel and Resort บนเนื้อที่กลางทะเลทรายกว่า 3,300 เอเคอร์ เพื่อให้เป็นแหล่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งแรกในสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์"

"เอมิเรตส์กรุ๊ปภาคภูมิใจมากที่ได้มีบทบาทอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาเศรษฐกิจของดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์โดยรวม ปัจจุบันนี้เครือข่ายการให้บริการของเอมิเรตส์กรุ๊ปมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก และด้วยคุณภาพของบุคลากร เอมิเรตส์กรุ๊ปเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวย่างสู่ความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมั่นคง" ฯพณฯ ชีค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล มัคตูม กล่าวสรุป--จบ--