กรุงเทพ--30 ต.ค.--ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์
เทคโนโลยี่ส์ รายงานวันนี้ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 8,038 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงไตรมาสที่สี่ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2541 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ในส่วนของกิจการที่บริษัทประกอบการอยู่ 1 (on continuing operations) และร้อยละ 16 ตามรายงานบัญชี รายได้ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วตามรายงานบัญชีคิดเป็น 6,933 ล้านเหรียญสหรัฐ
รายได้สุทธิของไตรมาสนี้ มีมูลค่า 548 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 49 หรือ 41 เซนต์ต่อหุ้น 2 ซึ่งยังไม่รวมถึงรายจ่ายจากการซื้อกิจการ (ดูบันทึก a) เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้สุทธิของไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน ซึ่งยังไม่รวมถึงรายจ่ายจากการซื้อกิจการบริษัท อ็อคเทล คอมมูนิเคชั่นส์(ดูบันทึก b) คิดเป็น 369 ล้านเหรียญ หรือ 28 เซนต์ต่อหุ้น
รายได้ประจำปีซึ่งสิ้นสุดลง ณ วันที่ 30 กันยายน 2541 เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในส่วนของกิจการที่บริษัทประกอบการอยู่ และร้อยละ 14 ตามรายงานบัญชีซึ่งระบุว่าบริษัทมีรายได้เป็นจำนวนเงิน30,147 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบรายงานบัญชีประจำปี 2540 ซึ่งระบุว่าบริษัทมีรายได้เป็นเงินจำนวน 26,360 ล้านเหรียญสหรัฐ
รายได้สุทธิประจำปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เป็น 2,287 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 1.72 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นซึ่งยังไม่รวมถึงรายจ่ายจากการซื้อกิจการ (ดูบันทึก a - ตารางช่วง 12 เดือน) เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้สุทธิ ปี 2540 ซึ่งคิดเป็น 1,507 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.17 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นก่อนหักรายจ่ายใน การซื้อกิจการบริษัท อ็อคเทล (ดูบันทึก b)
- ลูเซ่นมีผลประกอบการที่สูงมากอีกไตรมาสหนึ่ง และเรายังคงมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจทุกด้านของลูเซ่น ที่เป็นที่ต้องการอย่างยิ่งของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่” มร. ริชาร์ด แม็คกินน์ ประธานและผู้อำนวยการใหญ่ของลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ กล่าว
-เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รายได้ของลูเซ่น ที่ได้จากประเทศอื่นๆ นอกเหนือไปจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 41 ในไตรมาสนี้ ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายอันดีของการดำเนินกลยุทธ์ขยายธุรกิจระหว่างประเทศของลูเซ่น เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าลูเซ่นครอบครองส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น” มร. แม็คกินน์ กล่าว
มร. แม็คกินน์ กล่าวเสริมว่า แม้ว่าตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของโลกในปีนี้จะซบเซา แต่กิจการไมโครอิเล็กทรอนิกส์ของลูเซ่นกลับทำรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ทั้งนี้เนื่องมาจากลูเซ่นเป็นผู้นำในด้านเซมิคอนดักเตอร์สำหรับนำไปใช้ในงานโทรคมนาคม
ในไตรมาสนี้ ลูเซ่นมีรายได้สุทธิ ซึ่งรวมรายจ่ายจากการซื้อกิจการแล้ว (ดูบันทึก a) คิดเป็นเงินจำนวน 388 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 29 เซนต์ต่อหุ้น ผลประกอบการไตรมาสนี้ ยังได้รวมรายได้ก่อนหักภาษีจำนวน 17 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ (11 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากหักภาษี) จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งบันทึกลงบัญชีเมื่อเดือนธันวาคม 2538
ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทรายงานผลขาดทุนเป็นเงิน 597 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ
47 เซนต์ต่อหุ้น หลังจากรวมรายจ่ายจากการซื้อกิจการบริษัท อ็อคเทลแล้ว (ดูบันทึก b)
กำไรสุทธิของลูเซ่นช่วง 12 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2541 หลังจากรวมรายจ่ายจากการซื้อกิจการแล้ว (ดูตารางสำหรับช่วง 12 เดือนในบันทึก a ) คิดเป็นเงิน 970 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 73 เซนต์ต่อหุ้น ผลประกอบการนี้ รวมถึงเงินรายได้ก่อนหักภาษี 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (64 ล้านเหรียญหลังจากหักภาษี) จากการปรับโครงสร้างธุรกิจด้วย
บริษัทรายงานว่ามีกำไรสุทธิประจำปีซึ่งสิ้นสุดลง ณ วันที่ 30 กันยายน 2541 คิดเป็นเงิน541 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 42 เซนต์ต่อหุ้นเมื่อรวมรายจ่ายจากการซื้อกิจการบริษัท อ็อคเทลแล้ว (ดูบันทึก b - ตารางสำหรับช่วง 12 เดือน)
สรุปผลประกอบการ - ช่วงสามเดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2541
ในไตรมาสนี้ รายได้จากธุรกิจระบบเครือข่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 คิดเป็นเงิน 4,747 ล้านเหรียญสหรัฐรายได้จากธุรกิจบิสซิเนส คอมมิวนิเคชั่นส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 คิดเป็นเงิน 2,438 ล้านเหรียญสหรัฐและรายได้จากธุรกิจไมโครอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 คิดเป็นเงิน 811 ล้านเหรียญสหรัฐ
ธุรกิจระบบเครือข่าย รายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 22 คิดเป็นเงิน
4,747 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้หลักมาจากการขายระบบสวิตชิ่งและระบบไร้สายและซอฟท์แวร์ ระบบเครือข่ายใยแก้วนำแสง ซอฟท์แวร์การสื่อสารและระบบเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลสำหรับผู้ให้บริการ
รายได้จำนวนมากทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่ ส่วนใหญ่เป็นการขายให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์ตู้สาขาในท้องถิ่น (Regional Bell Operating Companies) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ท้องถิ่น ผู้ให้บริการสื่อสารไร้สาย และผู้ให้บริการโทรศัพท์ทางไกล ความต้องการด้านบริการข้อมูลและเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในภาคธุรกิจและบ้านพักที่มีมาอย่างต่อเนื่องมีส่วนทำให้กลุ่มธุรกิจนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น
รายได้ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 14 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายได้จากประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 49 และคิดเป็นประมาณร้อยละ 29 จากรายได้ของกลุ่มฯ
รายได้ช่วง 12 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2541 เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 คิดเป็นเงินจำนวน 18,752 ล้านเหรียญสหรัฐ
บิสซิเนส คอมมิวนิเคชั่นส์ ซิสเต็มส์ (BCS) มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 คิดเป็นเงิน 2,438 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี ที่แล้ว รายได้หลักของกลุ่มมาจากยอดขาย Definity โ Enterprise Communications Servers | ซึ่ง รวมถึงการขายแอพพลิเคชั่นระบบชุมสายโทรศัพท์ และยอดขายของระบบการส่งข้อความ | รวมทั้งระบบสารสนเทศของบริษัท อ็อคเทล ระบบเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลองค์กร การขายระบบเครือข่าย SYSTIMAX โ และบริการสนับสนุน
ในสหรัฐอเมริการายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ประมาณร้อยละ 30 ส่วนประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 57 และคิดเป็นร้อยละ 20 ของรายได้ของกลุ่มฯ
รายได้ช่วง 12 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2541 เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 คิดเป็นเงิน 8,093 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผลิตภัณฑ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ รายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 4 คิดเป็นเงิน 811 ล้านเหรียญสหรัฐ สืบเนื่องจาก ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของชิพสำหรับธุรกิจคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร รวมทั้งชิ้นส่วนสำหรับเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูล การเก็บข้อมูลจำนวนมาก (mass storage) เครือข่ายการสื่อสารและชิ้นส่วนอ็อพโต้ อิเล็กทรอนิคส์ รายได้จากระบบกำลัง (power systems) ที่เพิ่มขึ้นก็มีส่วนทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
รายได้ในสหรัฐอเมริกาลดลงประมาณร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนประเทศอื่นๆ รายได้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 และคิดเป็นร้อยละ 53 ของรายได้รวมของกลุ่มฯ
รายได้ช่วง 12 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2541 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 คิดเป็นเงิน 3,027 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผลกำไรสำหรับไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.1 จากร้อยละ 44.1 ของไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการรวมกันทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้งการบริหารต้นทุนที่จัดการได้ดีขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการขาย การบริหารและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดในการดำเนินงาน (SG&A) ไม่รวมรายจ่ายจากการซื้อกิจการบริษัท อ็อคเทล คิดเป็นร้อยละ 22.7 ของรายได้ประจำไตรมาสนี้ เมื่อเทียบกับร้อยละ 23.2 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
รายจ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาไม่รวมรายจ่ายในการซื้อกิจการบริษัท อ็อคเทล เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12 ในช่วงเดียวกันของปี 2540 เป็นร้อยละ 12.1 ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างเช่น ระบบสื่อสารไร้สาย เครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูล และเครือข่ายใยแก้วนำแสง รวมทั้งระบบสวิตชิ่ง และแอ็คเซส
รายได้สุทธิของไตรมาสนี้ ไม่รวมรายจ่ายจากการเข้าซื้อกิจการ ส่วนใหญ่มาจากกำไรที่เพิ่มมากขึ้น และอัตราภาษีของบริษัทที่ลดลงเหลือร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับร้อยละ 38.1 ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ในวันเดียวกันได้ประกาศถอนการลงทุนในบริษัทโรยัล ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ และบริษัท ฟิลิปส์ คอนซูเมอร์ คอมมูนิเคชั่นส์ (PCC) ซึ่งลูเซ่นถือหุ้นเพียงร้อยละ 40 และเป็นที่คาดกันว่าทั้งลูเซ่นและฟิลิปส์ต่างจะกลับเข้ามาควบคุมธุรกิจเดิมที่มีอยู่ในบริษัทร่วมทุนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2541
ลูเซ่นวางแผนจะขายธุรกิจบางส่วนในบริษัทร่วมทุน ได้แก่ เครื่องโทรศัพท์แบบทั่วไป และแบบไร้สายและเครื่องตอบรับโทรศัพท์ในตลาดสหรัฐอเมริกา รวมทั้งธุรกิจให้เช่าโทรศัพท์อีกด้วย ลูเซ่นจะยังคงผลิตสินค้าเหล่านี้ และเปิดบริการให้เช่าตามร้านค้าที่มีอยู่จนกว่าจะหาผู้ซื้อกิจการได้ ลูเซ่นจะปิดกิจการมือถือไร้สายในบริษัทร่วมทุน สิ่งที่นำมารวมไว้ในผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ก็คือรายจ่ายจากการลดมูลค่าการลงทุนที่บริษัทฯ ทำไว้ใน PCC หักกับรายได้จากการขายการลงทุนและรายได้จากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงธุรกิจการออกแบบระบบโทรศัพท์อัตโนมัติของเบลล์ แล็บส์ (Bell Labs Design Automation Group)
ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมอร์รี่ ฮิลล์ มลรัฐนิวเจอร์ซี บริษัทฯ ออกแบบ สร้าง และจำหน่าย ระบบเครือข่ายที่หลากหลายของระบบพื้นฐานและเฉพาะกิจ ระบบสื่อสาร และซอฟแวร์ ระบบเชื่อมโยงข้อมูล ระบบชุมสายโทรศัพท์สำหรับองค์กรธุรกิจและชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิคส์ โดยมีเบลล์ ลาบอราทอรีส์ เป็นผู้ให้การสนับสนุนงานด้านวิจัยและพัฒนา หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ในเว็บไซต์ http://www.lucent.com.
เอกสารข่าวนี้เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าตามสถานการณ์ในปัจจุบัน ข้อสมมติฐานซึ่งเกี่ยวพันกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ผลลัพธ์ในความเป็นจริงแตกต่างออกไปได้ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้รวมถึงการแข่งขันด้านราคาและผลิตภัณฑ์ การต้องพึ่งพาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การต้องพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ ความพร้อมสำหรับปีค.ศ. 2000 การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย การเติบโตในต่างประเทศ สถานการณ์ในตลาดและอุตสาหกรรมโดยรวม และอัตราการเติบโตและสภาพเศรษฐกิจทั่วไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รายการและคำอธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวนี้ได้มาจากรายงานที่บริษัทลูเซ่นจัดทำขึ้นเพื่อส่งให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Securities and Exchange Commission) ลูเซ่นปฏิเสธข้อผูกพันในการทบทวนหรือปรับข้อความการคาดการณ์เหล่านี้ให้ทันสมัย ไม่ว่าจะมีข้อมูลใหม่ หรือเหตุการณ์ใหม่
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณปองปรัชญ์ สุโรจนะเมธากุล โทร. 273 8800 โทรสาร 273 8880--จบ--