กรุงเทพ--9 มิ.ย.--ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ประเทศไทย
ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ประเทศไทย แจ้งว่า จะขยายโรงงานเน็ทเทคของบริษัท ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ เน็ทเวิร์ก (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกง ให้เป็นโรงงานผลิตสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงโดยจัดสรรงบประมาณเพื่อโครงการนี้เป็นเงินจำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (370 ล้านบาท)
ขณะนี้ ลูเซ่น กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพิ่มอีกแห่งหนึ่ง ในบริเวณโรงงานไมโครอีเล็คโทรนิคส์ ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี เงินลงทุนก่อสร้างและซื้อเครื่องจักรใหม่มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,110 ล้านบาท)
เพื่อเป็นการยืนยันเจตจำนงที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว ลูเซ่นได้บริจาคผ่านมูลนิธิลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ในการจัดโครงการมอบทุนการศึกษา เป็นเวลา 3 ปี เป็นเงินจำนวน 600,000 เหรียญสหรัฐ (23 ล้านบาท) ให้แก่นักเรียนและคณาจารย์จำนวนกว่า 250 คน ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้มีโอกาสศึกษาอย่างต่อเนื่องในภาวะเศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน
มร. จอห์น อี คอนราด ผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโกลบัล เซอร์วิส โพรไวเดอร์ (จีเอสพี) ของลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงนับเป็นอุปกรณ์สำคัญในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในปัจจุบัน ที่ช่วยให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถติดตั้งเครือข่ายคลื่นวิทยุและเครือข่ายคลื่นแถบกว้างได้ การขยายโรงงานและการผลิตสายเคเบิ้ลใยแก้วในประเทศไทย จะทำให้เราสามารถตอบรับความต้องการสายเคเบิ้ลใยแก้วที่เพิ่มขึ้นสำหรับเครือข่ายให้บริการสื่อสารด้วยภาพ เสียง และข้อมูลความเร็วสูง ของผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมในภูมิภาคนี้และทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อโรงงานผลิตสายเคเบิ้ลใยแก้วแห่งใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปีนี้ จะมีการรับพนักงานเพิ่มอีกหลายอัตราที่โรงงานเน็ทเทค
สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ซึ่งทำด้วยแก้วเล็กขนาดเท่าเส้นผม เป็นช่องทางการส่งสัญญาณสำหรับระบบเชื่อมโยงเครือข่ายใยแก้วนำแสงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งให้ลำแสงเพื่อส่งสัญญาณเสียง ข้อมูลและภาพผ่านเครือข่ายการสื่อสาร นายสมควร มูสิกอินทร์ กรรมการผู้จัดการ เน็ทเทค กล่าวว่า “สายเคเบิ้ลใยแก้วที่ผลิตที่นี้จะจำหน่ายในประเทศส่วนหนึ่งและส่งออกไปประเทศต่างๆ อีกส่วนหนึ่ง”
เน็คเทค เป็นบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2534 เพื่อผลิตและทำตลาดและจำหน่ายอุปกรณ์ข่ายสายตอนนอกและซอฟท์แวร์สำหรับลูกค้าที่ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมและเครือข่ายสาธารณะในประเทศไทยและในภูมิภาคนี้
ธุรกิจไมโครอีเล็คโทรนิคส์ของลูเซ่น ซึ่งมีอัตราการเติบโตเร็วกว่าอัตราการเติบโตของตลาดจะลงทุนเพิ่มอีก 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,110 ล้านบาท) ในการขยายโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งหมายถึง การมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มอีก 130,000 ตารางฟุต ทำให้พื้นที่การผลิตรวมทั้งสิ้นคิดเป็น 330,000 ตารางฟุต
นายสำเรียน สุทธิวงศ์ ประธาน บริษัท ลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์ ไมโครอีเล็คโทรนิคส์ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “รายงานของดาต้าเควสท์ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิเคราะห์อุตสาหกรรมชั้นนำ ระบุว่า กลุ่มไมโครอีเล็คโทรนิคส์ของลูเซ่น ติดอันดับหนึ่งใน 20 ธุรกิจเซมิคอนดัคเตอร์ที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก อัตราการเติบโตของลูเซ่นในปี 2541 สูงถึงร้อยละ 15.9 ในขณะที่อุตสาหกรรมโดยรวมทั้งหมดมีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 8.4 การประกาศสร้างโรงงานด้วยเงินทุน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,110 ล้านบาท) ในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่ก้าวกระโดดของธุรกิจลูเซ่น และความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในระยะยาวกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย”
บริษัท ลูเซนท์ เทคโนโลยี่ส์ ไมโครอีเล็คโทรนิคส์ (ไทย) จำกัด ผลิตแผงวงจรไฟฟ้ารวมสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ โรงงานไมโครอีเล็คโทรนิคส์ ในประเทศไทย นับเป็นรายหนึ่งในบรรดาโรงงานที่บุกเบิกด้านอีเล็คโทรนิคส์และได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ISO 9002 , ISO 14001 และ BS 8800 ซึ่งเป็นการยืนยันว่าโรงงานแห่งนี้มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี มีระบบนิเวศน์วิทยาดี และมีความปลอดภัยสูง
นอกจากจะลงทุนในธุรกิจแล้ว ลูเซ่น ยังทำหน้าที่ของพลเมืองที่ดีของประเทศ โดยมูลนิธิลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศล จะบริจาคเงินปีละ 200,000 เหรียญสหรัฐเป็นเวลา 3 ปี รวม 600,000 เหรียญสหรัฐ (23 ล้านบาท) เป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กนักเรียนและคณาจารย์จำนวน 250 คนในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการศึกษาต่อ ในช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจ “โครงการมอบทุนการศึกษาครั้งนี้ นับเป็นโครงการที่สำคัญที่มูลนิธิลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ จัดขึ้นสำหรับนักเรียนต่างแดนเป็นครั้งแรก” นายฉัตรชัย บุนนาค กรรมการ ผู้อำนวยการ กลุ่มโกลบัล เซอร์วิส โพรไวเดอร์ ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ประเทศไทย กล่าว “ทุนการศึกษาของมูลนิธิลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ จะมอบให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจำนวน 100 ทุน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 100 ทุน และระดับมหาวิทยาลัย 50 ทุน”
นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า “มีนักเรียนเก่งๆ จำนวนนับพันที่ต้องออกจากโรงเรียนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ลูเซ่นต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กไทยและต้องการให้โอกาสแก่เด็กที่มีความสามารถกลุ่มนี้เพื่อให้เขาได้มีโอกาสได้นำความรู้ความสามารถไปใช้พัฒนาประเทศไทยต่อไป”
โครงการช่วยเหลือชุมชนอื่นๆ ของลูเซ่น มีอาทิ
การมอบทุนแก่คณาจารย์ในการเพิ่มพูนทักษะด้านการฝึกอบรม เพื่อให้อาจารย์นำไปฝึกอบรมสำหรับนักเรียนในโรงเรียนไทยต่อไปปีนี้ ลูเซ่นจะประกาศมอบทุน 2 ทุน ในโครงการทุนวิทยาศาสตร์ทั่วโลก โครงการนี้จะเป็นการแข่งขันทักษะความสามารถของนักศึกษาที่เรียนดีทั่วโลก ซึ่งสนใจที่จะประกอบอาชีพในสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ส์ โดยประเทศไทยจะได้รับทุน 2 ทุน จากทั้งหมด 5 ทุนของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การมอบศาลาพักผู้โดยสาร สวนสาธารณะ และอาคารอเนกประสงค์ ให้แก่โรงเรียนสายปัญญา รังสิต ในเขตนวนคร
การบริจาคเงินให้แก่โครงการสร้างโรงเรียนราชบุรีและโครงการสงเคราะห์เด็กกำพร้าในชุมชนคลองเตย
เพื่อยืนยันเจตนารมย์ของลูเซ่นในเรื่องธุรกิจการลงทุนและการพัฒนาชุมชน มร. สตีเฟ่น เอส. คอลเวล รองผู้อำนวยการใหญ่ แห่งภูมิภาคอาเซียน กลุ่มโกลบัล เซอร์วิส โพรไวเดอร์ กล่าวว่า “การลงทุนเป็นเงินจำนวนมากของลูเซ่นสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อประเทศไทยและภูมิภาคนี้ ต่ออนาคตของชุมชน เราจะขยายบทบาทของเราในชุมชนที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ และไม่หยุดที่จะพัฒนาขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ปัจจุบัน รัฐบาลและองค์กรธุรกิจหลายแห่ง เห็นถึงความสำคัญในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โทรคมนาคม เพื่อให้เติบโตก้าวหน้าทัดเทียมที่อื่นเมื่อสภาพเศรษฐกิจดีขึ้น”
ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทั้งด้านการผลิต การจำหน่ายและการบริการ โดยมีสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อยู่ที่ฮ่องกง และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมอร์รี่ ฮิลล์ มลรัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา
ลูเซ่น เทคโนโลยี่ส์ ออกแบบ สร้างและจำหน่าย ระบบเครือข่ายที่หลากหลายของระบบพื้นฐานและเฉพาะกิจ ระบบสื่อสารและซอฟท์แวร์ ระบบเชื่อมโยงข้อมูล ระบบชุมสายโทรศัพท์สำหรับองค์กรธุรกิจและชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิคส์ โดยมีเบลล์ ลาบอราทอรีส์ เป็นผู้ให้การสนับสนุนงานด้านวิจัยและพัฒนา หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ในเว็บไซต์ http://www.lucent.com.
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณปองปรัชญ์ สุโรจนะเมธากุล โทร. 257 0300 โทรสาร 257 0312--จบ--