ตลาดหลักทรัพย์ชี้ สิ้นค้าดีๆ ยังมีอยู่ ปลื้มผลประกอบการ 6 เดือนแรกบจ. กำไรเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 275

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2544 มีบริษัทจดทะเบียนนำส่งงบการเงินงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2544 แล้ว จำนวน 366 บริษัท หรือคิดเป็นร้อยละ 96 จากจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 380 บริษัท ปรากฎว่ามีบริษัทที่มีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิถึง 257 บริษัท หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ในขณะที่มีบริษัทที่ขาดทุนสุทธิจำนวน 109 บริษัท หรือคิดเป็นร้อยละ 30 "ถึงแม้ภาวะการลงทุนในปัจจุบันยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็เนื่องมาจากการขาดแคลนสินค้าที่ น่าสนใจ พอที่จะดึงดูดให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จนส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยมีขนาดเล็กลง แต่หากจะพิจารณากันให้ดีแล้วจะเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ยังมีสินค้าที่มีคุณภาพอีกมาก โดยดูได้จากสรุปผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือน มกราคม-มิถุนายน 2544 โดยรวมของบริษัทจดทะเบียนที่ได้นำส่งมายังตลาดหลักทรัพย์นั้นบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลกำไรดีขึ้นกว่าผลกำไรในรอบระยะเวลาเดียวกันในปี 2543 ถึงร้อยละ 275 โดยในปี 2544 มีกำไรสุทธิ 126,526 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 72,167 ล้านบาท และหากไม่รวมบริษัทที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงาน หรือกลุ่ม REHABCO แล้ว ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 394 หรือมีกำไรสุทธิ 129,038 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในรอบเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 43,873 ล้านบาท" กรรมการผู้จัดการกล่าว สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ จำนวน 286 บริษัท ไม่รวมสถาบันการเงินและบริษัทในหมวด REHABCO มีผลการดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้นมากคือในปี 2544 มีผลกำไรสุทธิ 45,405 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 ส่วนในขณะที่ในปี 2543 มีกำไรสุทธิ 32,293 ล้านบาท ทั้งนี้หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2544 จำนวน 10,165 ล้านบาทแล้ว บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการจะมีผลการดำเนินงานโดยรวม 55,570 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2543 ที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 11,595 ล้านบาท ทางด้านยอดขายโดยรวมของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จาก 621,691 ล้านบาท ในปี 2543 เป็น 726,837 ล้านบาทในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทในกลุ่มนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นถึงร้อยละ 23 สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลกำไรสุทธิมีทั้งสิ้น 24 หมวด หรือคิดเป็นร้อยละ 86 มีผลกำไรสุทธิรวม จำนวน 47,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ 33,810 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 39 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ กลุ่มพลังงาน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคส์ มีผลกำไรสุทธิ จำนวน 27,625 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของกำไรสุทธิของกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไร ทั้งนี้หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 4,081 ล้านบาท จะมีผลให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 67 ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลขาดทุนมีจำนวน 4 กลุ่มเท่านั้น หรือคิดเป็นร้อยละ 14 โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 1,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2543 ที่มีผลขาดทุน 1,517 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลขาดทุนสุทธิได้แก่ กลุ่มเคมีภัณฑ์และพลาสติก กลุ่มบันเทิงและสันทนาการ กลุ่มเครื่องมือและเครื่องจักร และกลุ่มการแพทย์ นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ กรรมการและผู้จัดการกล่าวว่า "ทางด้านผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้น ธนาคารพาณิชย์ จำนวน 13 แห่ง และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีผลการดำเนินงานรวมดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 81,412 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมาที่บริษัทประสบผลขาดทุนถึง 75,851 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 207 ทั้งนี้ เนื่องมาจากในไตรมาสที่สองของปี 2544 ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) (BMB) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) มีรายการพิเศษจากการโอนกลับรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมาเป็นรายได้ เพื่อล้างขาดทุนสะสมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2544 จำนวนรวม 98,758 ล้านบาท รวมทั้งมีรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลรับสุทธิก่อนสำรองหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารพาณิชย์ ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 และการตั้งสำรองหนี้และหนี้สงสัยจะสูญลดลงอย่างมากถึงร้อยละ 57 ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารพาณิชย์โดยรวมจะมีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 17,346 ล้านบาท ซึ่งก็ยังดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน" สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักทรัพย์ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์ โดยสถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ จำนวน 20 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มี 16 บริษัท ที่มีผลกำไรสุทธิ โดยมีเพียง 4 บริษัท ที่ประสบกับภาวะขาดทุน ซึ่งในปี 2544 นี้บริษัทในกลุ่มนี้มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,221 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2543 บริษัทประสบกับภาวะขาดทุน จำนวน 315 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องมาจากความสามารถในการทำกำไรจากส่วนต่างของดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก "ด้านความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทจดทะเบียน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2544 ปรากฎว่ามีบริษัทจดทะเบียนรายงานความคืบหน้ามาทั้งสิ้น 146 บริษัท หนี้ที่มีการปรับโครงสร้างเรียบร้อยแล้วมีจำนวน 858,394 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 68 ของมูลค่าหนี้ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2543 ร้อยละ 19 ซึ่งในจำนวนหนี้ที่ปรับแล้วนี้ เป็นของบริษัทที่ดำเนินการปรับโครงสร้างและฟื้นฟูกิจการโดยกระบวนการศาลล้มละลายจำนวน 27 บริษัท" กรรมการและผู้จัดการกล่าวสรุป ผู้สนใจสามารถดูสรุปฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญรายอุตสาหกรรม งวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2544 ฉบับภาษาไทยได้ที่ http://www.set.or.th/download/conclusionq2_t.xls และฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ http://www.set.or.th/download/conclusionq2_e.xls ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสารนิเทศ : ลดาวัลย์ ไทยธัญญพานิช โทร. 0-2229 - 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 - 2037 / จิวัสสา ติปยานนท์ โทร. 0-2229 - 2039--จบ-- -นห-

ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย+ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศวันนี้

บลจ.ทิสโก้ จัด "Smart HR FINCoach 2025" ปั้น HR บริษัทนายจ้างให้เก่งวางแผนการเงิน - ส่งต่อความรู้สมาชิก PVD พร้อมมอบรางวัลให้สุดยอดนายจ้าง 15 บริษัท ใส่ใจการเงินพนักงาน

บลจ.ทิสโก้จัดโครงการ Smart HR FINCoach ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 มุ่งให้ความรู้การวางแผนการเงินรอบด้านแก่ตัวแทนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล (HR) ของบริษัทนายจ้างภายใต้การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หวัง HR ส่งต่อความรู้แก่พนักงาน พร้อมมอบรางวัลให้สุดยอดบริษัทนายจ้าง 15 บริษัทที่ใส่ใจการเงินของพนักงาน โดยได้รับเกียรติจาก ดร. ภากร ปีตธวัชชัย อดีตกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ที่สี่จากซ้าย) เป็นผู้มอบรางวัล และกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "Redefining Sustainability ความยั่งยืนเริ่มจากภาย

นายอัสสเดช คงสิริ (ที่สามจากซ้าย) กรรมการ... หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ร่วมออกบูธในงาน Set in the City 2025 ตอกย้ำความเป็นที่ 1 ใน DR — นายอัสสเดช คงสิริ (ที่สามจากซ้าย) กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์...

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้า... SAFE ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังโต เก็บไข่-ฝังตัวอ่อนเพิ่ม — นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาวชนิดา พัธโนทัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบั...

บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหา... JMART - JMT ควบสามดัชนีหลักต่อเนื่อง SET100 - SET ESG - SETHD ตอกย้ำศักยภาพการเติบโตยั่งยืน — บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และ ...

ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 4 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น TRITN

ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 4 ราย ได้แก่ (1) นายภสุ วชิรพงศ์ (2) นายวิชาญ วชิรพงศ์ (3) นายอัครรัฐ วรรณรัตน์ และ (4) นายนัธทวัฒน์ พิบูลย์ธนอมร กรณีสร้างราคาหุ้น บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง...

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ... บางจากฯ พื้นฐานแกร่ง หุ้น BCP ได้รับเลือกเป็นหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 — บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แ...

ก้าวสำคัญของ เทคลีด เอ็นพีเอ็น หรือ TL ใน... "TL" เขย่ากระดาน! เปิดโปรเจกต์เทคฯ แรก ทุ่มซื้อ "จียูเพย์" (GUPay) ลุย Payment Gateway เต็มตัว — ก้าวสำคัญของ เทคลีด เอ็นพีเอ็น หรือ TL ในการเข้าสู่ธุรกิจ...