ประกันภัยศรีเมืองร่วมกับโตเกียวมารีนจัดโครงการปลูกป่าโกงกาง 3,000 เฮคเตอร์ ใน 5 ประเทศ ในเอเชียอาคเนย์

15 Jun 2001

กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--เดนท์สุ (ประเทศไทย)

รายงานข่าวจากบริษัท ประกันภัยศรีเมือง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมกับบริษัท โตเกียวมารีนแอนด์ไฟร์ อินชัวร์รันซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่น จัดทำ "โครงการปลูกป่าโกงกางของโตเกียวมารีน" ขึ้น ใน 5 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ อินโดนีเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และประเทศไทย โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐบาลในทุกประเทศ โครงการปลูกป่าฯ ครั้งนี้ มีเป้าหมายพื้นที่ในการปลูกรวม 3,000 เฮคเตอร์ ใช้ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี สำหรับประเทศไทยได้ดำเนินการปลูกไปแล้ว 64 เฮคเตอร์ จากเป้าหมายรวม

ที่ตั้งไว้ 400 เฮคเตอร์ และในปีนี้ได้เริ่มดำเนินการปลูกป่าโกงกางอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในเขตจังหวัดชุมพร และระนอง โดยมีทีมอาสาสมัครซึ่งเป็นพนักงานบริษัทในกลุ่มโตเกียวมารีนจากประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาร่วมปลูกป่าเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

มร. โมโตชิ โอตะ กรรมการผู้จัดการบริษัท ประกันภัยศรีเมือง จำกัด กล่าวว่า "โครงการปลูกป่าโกงกางในครั้งนี้ ริเริ่มขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ของการก่อตั้งบริษัท โตเกียวมารีน โดยมีวัตถุประสงค์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและช่วยเหลือสังคม เพราะเราเห็นความสำคัญ และตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก ดังนั้นจึงได้ริเริ่มโครงการปลูกป่าฯ

นี้ขึ้น และการที่บริษัทฯ เลือกอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าโกงกาง เนื่องจากป่าโกงกางมีความสำคัญ ต่อระบบนิเวศทั้งในน้ำและบนบก และมีคุณค่ามหาศาลต่อธรรมชาติและมนุษย์ นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจอีกด้วย และการดำเนินโครงการฯ ในช่วงที่ผ่านมา ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยต้นโกงกางที่ปลูกไว้ก็กำลังเจริญเติบโตเต็มที่"

การจัดทำโครงการฯ ครั้งนี้ ได้รับความช่วยเหลือจาก NGO ที่มีประสบการณ์ในการ ปลูกป่ามาก่อน โดยในส่วนของการปลูกป่าในประเทศไทยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก จากกรมป่าไม้ และมูลนิธิออยสก้า (ประเทศไทย) รวมทั้งประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2543 บริษัทฯ มียอดเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากปี 2542 เบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 1,068 ล้านบาท ขยายตัว 9.9% จากปี 2542 และมีกำไรจากการรับประกันภัย 96 ล้านบาท (เทียบจากปี 2542 อยู่ที่ 123 ล้านบาท) ขณะที่การลงทุนด้านอื่น ๆ มีกำไรก่อนหักภาษี 126 ล้านบาท เมื่อหักภาษีแล้วมีผลกำไรสุทธิ 87 ล้านบาท ซึ่งเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโต

สูงกว่าธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งระบบในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น คิดเป็น 2.01% ในปี 2543 เมื่อเทียบกับปี 2542 ที่มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 1.92% สำหรับในปีที่ผ่านมาสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ อยู่ในอันดับที่ 13 ในบริษัทประกันวินาศภัยทั้งหมดในประเทศไทย โดยที่บริษัทฯ ไม่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่เลย ซึ่งนับว่าบริษัทฯ เป็นองค์กรที่มีความมั่นคง และมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากที่สุด ในด้านผลการดำเนินงานในปี 2544 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงขึ้นอีกประมาณ 25% จากปี 2543 โดยครึ่งหนึ่ง คาดว่าจะได้มาจากการประกันภัยรถยนต์ ส่วนที่เหลือจะมาจากการประกันภัยทางทะเล และการรับประกันภัยเบ็ดเตล็ด

  • 1 เฮคเตอร์ = 10,000 ตารางเมตร

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท เดนท์สุ (ประเทศไทย) จำกัด

โทรศัพท์

632-4555 และ 234-6022 ต่อ 1406-1412

โทรสาร

632-4555 ต่อ 1400 หรือ 632-4343--จบ--

-อน-