(ต่อ1) บทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง Life or Something Like it จากทเวนตี้ธ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ (ประเทศไทย)

02 Apr 2002

กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--ทเวนตี้ธ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ (ประเทศไทย)

เมลิสสา เออริโค (แอนเดรีย) จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเยล ได้รับชื่อเสียงครั้งแรกจากการรับบทนำในละครบรอดเวย์ Les Miserables โดยเทรเวอร์ นันส์ ขณะนั้นเธอมีอายุได้ 19 ปี หลังจากนั้นรับบท คิท/แอนนา ในเรื่อง Anna Karenina โดยเทด แมนน์ และรับบท เอลิซาใน My Fair Lady และร่วมแสดงกับริชาร์ด แ ชมเบอเลน และเทรซี ลอร์ด ใน High Society After a หลังจากรับบทเล็กๆ ในซีรี่ส์ของ CBS เรื่อง Central Park West โดยดาเรน สตาร์ เออริโคจึงคืนสู่เวทีนิวยอร์ค รับบทในเรื่อง One Touch of Venus โดย เคิร์ท วีล ซึ่งนำมาแสดงซ้ำ ผลงานที่ไม่เกี่ยวกับเพลงได้แก่เรื่อง Major Barbara โดยโทนี วอลตัน และ The Importance of Being Earnest ให้กับ Irish Repertory Theatre

หลังจากนั้นเริ่มต้นการแสดงภาพยนต์ให้กับหนังไร้สังกัด ได้แก่ หนังโรแมนติคคอมเมดี้ Picture This, Loose Women กับชาร์ลี ชีน และ เรื่องดังอย่าง Bury the Evidence และ Mockingbird Don't Sing เธอได้รับการต้อนรับจากแฟนภาพยนต์เป็นอย่างมากเมื่อรับบทในภาพยนต์รักของจิม คาวิเซิล เรื่อง Frequency เออริโคแต่งงานกับแพทริค แมคเอนโร นักเทนนิสอาชีพแชมป์เดวิส คัพ

คริสเตียน เคน (คาล) เข้าสู่วงการแสดงเมื่อปี 1997 ในบทของไรอัน "Flagboy" Legget บทนำในซีรี่ส์โทรทัศน์ Fame L.A. สร้างจากโครงเรื่องภาพยนต์โทรทัศน์ดังแห่งยุค 80s ในปี 1999 เขารับบทวิค โลโบ a.k.a. "Cowboy" ใน Rescue 77 โดยแอรอน สเปลลิ่ง หลังจากนั้นไม่นานได้รับงานเป็นผู้ช่วยด้านโปรดักชั่นให้รอน โฮเวิร์ด ในเรื่อง Edtv แสดงโดยแมทธิว แมคคอนาฟฟี, เจนนา เอฟแมน, วู้ดดี้ ฮาเรลสัน และล่าสุดเรื่องราวชาวตะวันตกที่สร้างเพื่อฉายทางโทรทัศน์ Crossfire Trail กับทอม เซลเล็ค และในภาพยนต์จอเงิน Summer Catch เคนกำลังอยู่ในระหว่างถ่ายทำภาพยนต์เบาสมองของทเวนตี้เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ เรื่อง Just Married กับแอชตัน คัทเชอร์ และบริตตานี เมอร์ฟีย์ เป็นชาวดัลลัส แต่เขาและครอบครัวย้ายมาอยู่ในเมืองเล็กชื่อนอร์แมน โอคลาโฮมา ได้รับการศึกษาที่ University of Oklahoma ซึ่งเขาวางเข็มไว้ที่ Art History ก่อนเข้าสู่วงการแสดงเป็นอาชีพ

ทีมงาน

สตีเฟน เฮเร็ค (ผู้กำกับการแสดง) เขาเป็นผู้กำกับฮอลลีวู้ดที่ได้รับความสำเร็จและเป็นที่นับถือมากว่าสิบปี รวมรายได้ภาพยนต์จากฝีมือการกำกับของเขาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น เป็นเงินกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐ

ล่าสุดมีผลงานกำกับการแสดงเรื่อง Rock Star นำแสดงโดยมาร์ค วาลห์เบิร์ก และเจนนิเฟอร์ อนิสตัน ผลงานกำกับจากเรื่อง 101 Dalmatians แสดงโดยเจฟฟ แดเนียลส และเกน โคลสในบทนางปิศาจครูเอลล่า รวมทั้งหนังดัง Mr. Holland's Opus ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Outstanding Director, Feature Film, โดย Family Film Awards

หลังจากจบการศึกษาจาก University of Texas เฮเร็คย้ายมาลอสแอนเจลิสราวปี 1980 เขาเริ่มงานกับ Roger Corman Productions ในตำแหน่งผู้ลำดับภาพ ผลงานกำกับภาพยนต์เรื่องแรกในปี 1985 เรื่อง Critters ซึ่งเขาร่วมประพันธ์บท เนื้อเรื่องเกี่ยวกับไซไฟเบาสมองสองภาคซึ่งเป็นหนังไร้สังกัดที่ทำรายได้สูงสุด.นรอบสิบปี

ในปี 1987 เฮเร็คกำกับการแสดงหนังล้ำยุค เรื่องราวเบาสมองย้อนเวลาของวัยทีน Bill and Ted's Excellent Adventure ไม่เพียงแต่โกยรายได้มหาศาลเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดกำเนิดของศัพท์แสลงอเมริกันที่กลายเป็นวลีฮิตติดปากวัยรุ่นทั่วประเทศ เช่น "Dude!" "Excellent!" และ "No Way!"

ผลงานมีชื่อของเฮเร็คยังมีภาพยนต์ดิสนีย์ยอดฮิต The Mighty Ducks ซึ่งประสบความสำเร็จในภาคต่อ และเรื่องราวของฟรานไชส์ National Hockey League ยังรวมทั้ง Don't Tell Mom the Babysitter's Dead!; รีเมคเรื่อง The Three Musketeers, นำแสดงโดยคริส โอดอนเนล, ชาร์ลี ชีน และ ไคเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์ และ Holy Man จากการแสดงของเอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์

จอห์น สก็อต เชฟเฟิร์ด (บทประพันธ์) เคยเป็นครีเอทีฟที่ประสพความสำเร็จในบริษัทโฆษณาในแคนซัส ซิตี้ มีผลงานให้ลูกค้าต่างๆ เช่น Sprint และ Northwest Airlines เคยได้รับรางวัลมากมายจากการเขียนสคริปท์และกำกับวิดีโอและโฆษณาบริษัท

จนกระทั่งเมื่อเขาได้รับการเสนอให้รับงานชิ้นใหญ่ เป็นหัวหอกให้ McDonald's ในลอสแอนเจลิส เขาจึงได้เลือกทำงานที่เขารักที่สุด - เขียนบท

เชฟเฟิร์ดกลายเป็นหนึ่งในนักเขียนที่โด่งดังที่สุดในอเมริกา จากเรื่อง Joe Somebody และ LIFE OR SOMETHING LIKE IT ที่จะลงโรงเร็วๆ นี้ นอกจากนี้เขายังมีภาพยนต์อีก 5 เรื่องจากผลงานเขียนของเขาซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการถ่ายทำในสตูดิโอฮอลลีวู้ด งานกำกับอีกสามเรื่อง และสัญญาระยะยาว 3 ปีกับสตูดิโอที.วี. เพื่อสร้างเป็นละครความยาว 1 ช.ม. ในช่วงเวลาว่างของเขา

นวนิยายเรื่องแรกของเขา Henry's List of Wrongs, เพิ่งได้รับการตีพิมพ์ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักหมิ่นเหม่ จากมุมมองของผู้ชาย ซึ่งถูกเลือกโดยนิวไลน์

ชื่อเสียงที่ขจรขจายของเชฟเฟิดเริ่มมาจากบทภาพยนต์เรื่องแรก Michigan at Madison ซึ่งเป็นเรื่องราวการเดินทางกลับไปสู่อดีตของตนเองเพื่อแก้ชะตาชีวิตให้ผู้อื่น ในระหว่างไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือกับเคน แอทชิตี้ (ผู้เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับเขาตอนนั้น และได้กลายมาเป็นหุ้นส่วนของเขาในบริษัทภาพยนต์ Warp & Weft) เชฟเฟิดได้ถูกคะยั้นคะยอโดยแอทชิตี้ให้เขียนพล็อตซึ่งต่อมาได้กลายเป็น Henry's List of Wrongs

ในข้อตกลงสร้างหนังสามเรื่องที่มีกับวอร์เนอร์บราเดอร์ส เชฟเฟิดถูกกำหนดให้กำกับจากบทดัดแปลงของตนเองจากนวนิยายคอมเมดี้ดราม่า Eulogy for Joseph Way (ซึ่งจะจัดพิมพ์โดย Rugged Land ในปี 2003) เพื่อผู้อำนวยการผลิต จอห์น เวลล์ส (ER and White Oleander) เรื่องที่สองกำหนดโดยวอร์เนอร์ Kill Martin Club เรื่องราวสยองขวัญเบาสมองเกี่ยวกับชีวิตคนทำงานกลุ่มหนึ่งที่ชอบจินตนาการเกี่ยวกับการสังหารนายของตนเอง แล้วในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจริงๆ

เรื่องอื่นๆ ที่อยู่ในโปรเจ็ค ได้แก่ Favorite Son, ซึ่งคล้ายคลึงกับเรื่อง Field of Dreams คอมเมดี้ดราม่า ในเรื่องราวของชายชาวเนบราสก้าผู้ค้นพบว่าชีวิตเขาไม่ใช่สิ่งที่เขาเห็น กำลังอยู่ในระหว่างการผลิตให้ AEI โดยโดนัลด์ ดีไลน์ ร่วมกับผู้กำกับการแสดงสตีเวน บริล (Mr. Deeds); เรื่องโรแมนติคคอมเมดี้ Tonic, ซึ่ง Revolution Studios กำลังผลิตให้

เพื่อให้มีความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ในฐานะผู้อำนวยการผลิตและผู้กำกับ เชฟเฟิร์ด ก่อตั้งบริษัทโฆษณา Warp & Weft ของตนเองในปี 2001 ร่วมกับหุ้นส่วน เคน แอทชิตี้ (ซึ่งยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทบริหารและผลิตงานประพันธ์ Atchity Editorial/Entertainment International, AEI) และภายใต้ชื่อบริษัทนี้เขาทั้งสองกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงสคริปท์ของเชฟเฟิร์ดเรื่อง Prince of Pools

เชฟเฟิร์ดจบการศึกษาจาก University of Missouri-Kansas City ด้วยปริญญาใน English/Mass Media Emphasis เขาและซูซานผู้เป็นภรรยาและลูกทั้งสามมีบ้านอยู่ในแคนซัสซิตี้

ดานา สตีเฟนส์ (บทประพันธ์) เธอผู้นี้มีพื้นเดิมจากการเป็นผู้เขียนบทละครเวทีมาก่อน เกิดในวิทเธอร์ แคลิฟอร์เนีย และไปเติบโตในฟีนิกซ์ อริโซน่า และได้รับปริญญาสาขา Theatre Arts จาก UCLA, summa cum laude เคยเป็นนักแสดงและผู้อ่านบทเป็นเวลาสองสามปี และประสบความสำเร็จในฐานะผู้เขียนบทละครในวิทยาลัยหลังจากนั้นจึงหันมาจับงานภาพยนต์ บทหนังเรื่องแรกที่ทำให้กับนิวไลน์ ซีเนม่า คือเรื่อง Blink กำกับการแสดงโดย ไมเคิล แอปเทด นำแสดงโดยแมดเดอลีน สโตว์ และไอเดน ควินน์ ออกฉายเมื่อปี 1994 ในปี 1998 ผลงานเรื่องที่สองของเธอคือ City of Angels แสดงโดยนิโคลัส เคจ และเมก ไรอัน ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังฮิตแห่งปี เรื่องที่สาม For Love of the Game แสดงโดยเควิน คอสเนอร์ และเค้าโครงเรื่องจากนวนิยายของไมเคิล ชาร่า ซึ่งออกฉายในปี 1999

งานเขียนสคริปท์ที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้คือ เรื่องเกี่ยวกับชีวิตชาวตะวันตกให้กับโจดี้ ฟอสเตอร์ และหนังชีวประวัติ จอห์น เลนนอน ให้กับโซนี่

อาร์นอน มิลแคน (ผู้อำนวยการผลิต) มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนต์ที่ประสพความสำเร็จมากว่า 20 ปีที่ผ่านมา นับเป็นจำนวนกว่า 60 เรื่อง มิลแคนเกิดที่อิสราเอล ได้รับการศึกษาที่ London School of Economics และ University of Geneva ธุรกิจแรกที่เขาดำเนินการคือการขยายกิจการบริษัทเล็กๆ ของบิดาให้กลายเป็นบริษัทเคมีการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งความสำเร็จนี้ได้ส่งผลให้เขาเป็นที่ยอมรับในความเป็นนักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ

ต่อจากนั้นเขาจึงเริ่มโครงการที่เขามีความสนใจเป็นพิเศษมาโดยตลอด - ภาพยนตร์, โทรทัศน์ และละครเวที งานชิ้นแรกๆ อาทิเช่น "Amadeus", "Dizengoff 99", "La Menace"และ "The Medusa Touch" โดยโรมัน โปลินสกี้ ตอนปลายยุค '80 มิลแคนเริ่มสร้างภาพยนต์เรื่อง "The King of Comedy" ของมาร์ติน ซอสเซส, เรื่อง "Once Upon a Time In America" โดยเซอจิโอ ลีโอน และ "Brazil" โดยเทอร์รี่ กิลเลียม

หลังจากที่ประสพความสำเร็จอย่างสูงกับ"Pretty Woman" และ" The War of the Roses" มิลแคนก่อตั้งบริษัทนิวรีเจนซี่ โปรดัคชั่น ขึ้นและสร้างผลงานมากมาย ได้แก่ "J.F.K.," "Sommersby," "A Time to Kill," "Free Willy," "The Client," "Tin Cup," "Under Siege," "L.A. Confidential," "The Devil's Advocate," "The Negotiator," "City of Angels," "Entrapment," "Joy Ride," "Fight Club," และล่าสุดผลงานบ็อกซ์ออฟฟิซ "Don't Say A Word" และ "Big Momma's House" โดยล่าสุดมีผลงานทริลเลอร์ High Crimes

โครงการต่อไปยังมีเรื่อง "Unfaithful" ซึ่งเป็นแนวอีโรติคเขย่าขวัญ กำกับการแสดงโดย เอ เดรียน ลินน์ นำแสดงโดย ริชาร์ด เกียร์ และ ไดแอน เลน ; และเรื่อง "Daredevil" แสดงโดย เบน อัฟเฟล็ค จากบทบาท Marvel การ์ตูนตลกที่เป็นที่นิยมมิลแคนยังได้ชักชวนผู้สนใจเช่นนักธุรกิจชาวออสเตรเลีย เคอร์รี่ แพ็กเกอร์ แห่งไนน์ เนทเวิร์คและลีโอ เคิร์ช แห่งมีเดีย กรุ๊ป, ซัมซุง อีเล็คทรอนิคส์ และล่าสุด ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ มาเป็นผู้ร่วมทุน ฟอกซ์เป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนต์ของรีเจนซี่ให้เครือข่ายทั่วโลก (ยกเว้นในส่วนเยอรมันนี อิตาลี และเกาหลี ซึ่งรีเจนซี่มีหุ้นส่วนจัดการให้) และไม่รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่ต้องเป็นสมาชิกทั้งในและนอกอเมริกาและฟรีทีวีมิลแคนยังประสพความสำเร็จในการขยายกิจการในบริษัทของเขาให้ครอบคลุมธุรกิจบันเทิงครบวงจร โดยเฉพาะในแวดวงโทรทัศน์ผ่านทางรีเจนซี่ เทเลวิชั่น ("Malcolm in the Middle," "Roswell," "The Bernie Mac Show") และรายการกีฬาโดยการร่วมมือและลงทุนในบริษัทพูม่า (PUMA) ผู้จำหน่ายเครื่องกีฬาทั่วโลกซึ่งมีบริษัทผลิตรองเท้าในเครือที่เยอรมันนี

จอห์น เดวิส (ผู้อำนวยการผลิต) ประธานบริษัทเดวิส เอนเตอร์เทนเมนท์ ผู้ผลิตภาพยนต์จอเงินและทางโทรทัศน์ ซึ่งในระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมาสร้างผลงานทั้งสิ้นกว่า 60 เรื่อง

เดวิสได้แบ่งบริษัทออกเป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ ภาพยนตร์, คลาสสิค และ โทรทัศน์ เพื่อผลิตผลงานหลากหลายเฉพาะอย่าง แผนกภาพยนต์ของเขาขณะนี้กำลังผลิตงานให้ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ และอีกสองแผนกมีงานกว่า 30 โปรเจ็คที่ผลิตให้สตูดิโอต่างๆ และสถานีโทรทัศน์ 4 แห่ง

ล่าสุดเพิ่งสร้างผลงานลือชื่อให้กับฟอกซ์ เรื่อง Behind Enemy Lines, Dr. Dolittle 2 ซึ่งเป็นภาคต่อของหนังในปี 1998 ผลงานสร้างของเขาเช่นเดียวกัน นำแสดงโดยเอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ย์ ทั้งสองภาคนำเสนอโดยฟอกซ์ และเรื่อง Heartbreakers นำแสดงโดยซิกกอนี่ วีเวอร์ ยีน แฮกแมนและ เจนนิเฟอร์ ฮิวอิท

ผลงานเรื่องอื่นๆ ได้แก่ Out to Sea, โดยฟอกซ์ แสดงโดย ดาราตลกคู่ซี้ชื่อก้อง แจ็ค เลมมอน และวอลเตอร์ แมทธาว; เรื่อง The Firm, แสดงโดยทอม ครูซ ซึ่งได้รับรางวัล Best Dramatic Film จาก People's Choice Award ; Grumpy Old Men ได้รับรางวัลจาก People's Choice Award เช่นกันในฐานะ Best Comedic Film; Grumpier Old Men ซึ่งเป็นการร่วมทีมอีกครั้งของ แจ็ค เลมมอน และวอลเตอร์ แมทธาว (และประสบความสำเร็จอย่างสูง) ทำให้เกิดอิทธิพลในการสร้างภาพยนต์เพื่อผู้สูงวัยมากขึ้น, เรื่อง Courage Under Fire โดยฟ็อกซ์ ผลงานแสดงของแดนเซล วอชิงตันและเมก ไรอัน ; เรื่อง The Chamber จากนวนิยายขายดีของจอห์น กริชแชม แสดงโดยยีน แฮกแมน และคริส โอดอนเนล ; เรื่อง Daylight แสดงโดยซิลเวสเตอร์ สตอล ; เรื่อง Waterworld แสดงโดยเควิน คอสเนอร์ และ เรื่อง Richie Rich แสดงโดย แมคคอลีย์ คัลกิน

ผลงานสร้างชื่ออื่นๆ ได้แก่ Predator, The Thing Called Love, Fortress, Gunmen, Storyville, Shattered, Little Monsters, The Last of the Finest, License to Drive, Three O'Clock High และ The Hunted

งานภาพยนต์ทางโทรทัศน์ ได้แก่ : The Jesse Ventura Story, The Little Richard Story และ Miracle at Midnight แสดงโดย แซม วอเตอร์สตัน รวมทั้งเรื่อง Asteroid ซึ่งเป็นมินิซีรี่ส์ซึ่งมีเรตติ้งสูงสุดในประเภทมินิซีรี่ส์ด้วยกันและภาพยนต์สร้างเพื่อฉายทางโทรทัศน์ในระหว่างปี 1996-97

เดวิส เอนเตอร์เทนเมนท์ยังมีผลงานทางโทรทัศน์ที่เป็นที่ชื่นชอบทั่วไปเรื่อง Volcano: Fire on the Mountain; หนังเรื่องดัง Truman Capote's One Christmas แสดงโดย แคทเธอรีน เฮพเบิร์น และแอนโทนี ควิน นอกจากนั้นยังมีเรื่อง Tears and Laughter แสดงโดย โจแอน และเมลิสสา ริเวอร์ส และหนังเรื่อง The Last Outlaw โดยมิกกี้ เริร์ก และเดอร์มอท มัลโรนี

ผลงานโทรทัศน์และเคเบิลทีวีที่โด่งดัง ได้แก่ Silhouette, Voyage, Irresistible Force, Wild Card, Dangerous Passion, Curiosity Kills และ Caught in the Act

เดวิสจบการศึกษาจาก Bowdoin College และเข้าศึกษาที่ Amherst College และได้รับปริญญาโทจาก Harvard Business School

ชิลี หว่อง (ผู้อำนวยการผลิต) หุ้นส่วนและประธานบริษัท Atchity Editorial / Entertainment International, Inc (AEI), และที่ปรึกษากำกับภาพอาวุโสให้กับ The Writer's Lifeline, Inc., มาอยู่ที่ลอสแอนเจลิสตั้งแต่ปี 1992 หลังจากรับตำแหน่งบริหารให้กับ Fort Lauderdale Film Festival

เธอเริ่มงานลำดับภาพและวิเคราะห์ที่ AEI และภายหลังจากที่เชี่ยวชาญทางด้านวรรณกรรมจึงได้เป็นผู้อำนวยการผลิตร่วมกับเคน แอทชิตี้ ให้กับเรื่อง Shadow of Obsession ของ NBC หว่องเพิ่งทำหน้าที่ผู้บริหารและอำนวยการผลิตให้กับฟอกซ์/รีเจนซี่ เอนเตอร์ไพรซ์ ในเรื่องเบาสมอง Joe Somebody ผลงานที่จะตามมาของ AEI ประกอบด้วย Favorite Son ผลงานร่วมสร้างกับโดนัลด์ ดีไลน์ ; เรื่อง The Kill Martin Club ร่วมสร้าง กับบริษัทเรดอาวฟิล์มของเบน สติลเลอร์ ;เรื่อง A Midnight Carol, กับเพซ โปรดัคชั่น AEI กำลังร่วมกับหุ้นส่วนไซด์-เพอร์รี่สร้างเรื่อง Henry's List of Wrongs ซึ่งจะเป็นผลงานกำกับของสตีเฟน เฮเร็ค

หว่องเป็นผู้ประพันธ์ร่วมกับแอทชิตี้ใน Writing Treatments That Sell: How to Create and Market Your Story to the Motion Picture and TV Industry.

โทบี้ จาฟฟ์ (ผู้อำนวยการผลิต) มีประสพการณ์ทำงานร่วมกับนักแสดงมีชื่อมากมายอาทิเช่น มาร์ค วาลเบิร์ก, เจนนิเฟอร์ อนิสตัน, มาร์ติน ลอว์เรนส์, ลีโอนาโด ดีแคปริโอ, รัสเซล โครว์, แบร์รี่ ซอนเนนฟิลด์, เคอร์ติส แฮนสัน และผลงานเรื่อง Blue Streak, The Quick and the Dead, Twins, Mary Shelley's Frankenstein และ Universal Soldier

ผลงานเรื่องล่าสุดในฐานะผู้อำนวยการผลิตเรื่อง Rock Star แสดงโดยมาร์ค วาลเบิร์ก และเจนนิเฟอร์ อนิสตัน

จาฟฟ์เป็นผู้ผลิตมาตั้งแต่ต้นให้กับหนังเรื่องฮิต Blue Streak แสดงโดยมาร์ติน ลอว์เรนส์ และลูค วิลสัน ซึ่งนำเสนอโดยโคลัมเบีย พิคเจอร์สในปี 1999 และทำรายได้สูงถึง $125 ล้าน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนเรื่อง Blue Streak II เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกของ มาร์ติน ลอว์เรนส์ และผู้กำกับเลส เมย์ฟิลด์ ซึ่งถูกกำหนดให้เริ่มถ่ายทำภายในปีนี้จาฟฟ์เพิ่งก่อตั้งบริษัทฮัดสัน เบย์ ร่วมกับสตีเฟน เฮเร็ค ผู้กำกับเรื่อง LIFE OR SOMETHING LIKE IT ขณะนี้กำลังดำเนินงานสร้างหลายเรื่องให้กับวอร์เนอร์สบราเดอร์ส, นิวไลน์, โคลัมเบีย และพาราเมาท์ นอกเหนือจากผลงานภาพยนต์แล้ว ทั้งคู่ยังมีผลงานซีรี่ส์ทางโทรทัศน์ ให้กับ USA Networks ภายใต้บริษัท Hudson Bay

จาฟฟ์เกิดและโตในนิวยอร์ค สนใจในการทำภาพยนต์มาโดยตลอด และเริ่มงานผลิตครั้งแรกในตำแหน่งผู้ช่วยผู้ลำดับภาพ ไม่นานหลังจากจบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเขาย้ายมายังลอสแอนเจลิสและได้เป็นตัวแทนขายที่ Leading Artists Agency เมื่อบริษัทดังกล่าวรวมกิจการกับ Bauer-Benedek ในอีกหกปีต่อมาและเปลี่ยนชื่อเป็น United Talent Agency (UTA) เขาได้รับตำแหน่งในแผนกผลิตภาพยนต์และเป็นตัวแทนให้กับนักเขียน ผู้ผลิต และผู้กำกับการแสดงมากมาย อาทิเช่น แบร์รี่ ซอนเนนฟิลด์, เคอร์ติส แฮนสัน, ชัค รัสเซล, โบอาซ ยาคินและโจส วีย์ดอน เขายังได้สร้างสรรค์องค์ประกอบหลากหลายให้กับหนังหลายเรื่อง Twins, นำแสดงโดย อาร์โนลด์ ชวาซเนกเกอร์ และแดนนี่ เดอวีโต ; เรื่อง Point Break โดยคีนู รีฟ และแพททริค สเวซี่ ; เรื่อง Class Action โดยยีน แฮกแมน และ The Rookie, นำแสดงโดยคลินท์ อีสท์วู้ด

จาฟฟ์เคยเป็นประธานฝ่ายผลิตให้กับ The Indie Prod Co. ซึ่งสร้างผลงานเรื่องต่างๆ เช่น The Quick and the Dead โดยลีโอนาโด ดีคาปรีโอ, ชารอน สโตน และ ยีน แฮกแมน (และเขายังเป็นผู้บริหารและดำเนินงานสร้าง) ; เรื่อง Mary Shelley's Frankenstein, โดยเคนเนธ บรานัค และ Universal Soldier แสดงโดยชอง คล้อด แวนแดม

ริค คิดนีย์ (ผู้บริหารและอำนวยการผลิต) เป็นผู้สร้างหนังเรื่องฮิตแห่งปี 2001 Legally Blonde ล่าสุดยังมีผลงานระทึกขวัญที่อยู่ในระหว่างถ่ายทำเรื่อง Eye See You, นำแสดงโดยซิลเวสเตอร์ สตอลโลน

ผลงานในอดีตที่น่าประทับใจของคิดนีย์ ทั้งในฐานะผู้อำนวยการผลิตและบริหารและดำเนินนงานได้แก่ เรื่อง Six Degrees of Separation, Mercury Rising, Fear, The Chamber, A Simple Twist of Fate, Other People's Money, และ After Dark, My Sweet

นอกจากนี้ยังเคยรับผิดชอบในงานหลายด้านให้กับ Dad, In Country, Bull Durham, Angel Heart และ At Close Range.

เคน แอทชิตี้ (ผู้บริหารและอำนวยการผลิต), ประธานบริหารแห่ง Atchity Editorial / Entertainment International, Inc., เคยมีผลงานผลิตทางโทรทัศน์, ละครเวที และวิดีโอ รวม 20 เรื่อง ล่าสุดเป็นผู้อำนวยการผลิตให้กับฟอกซ์/นิวรีเจนซี่ เรื่อง Joe Somebody เขาเคยรั้งตำแหน่งประธานชมรมวิจารณ์งานประพันธ์ที่ Occidental College, ศาสตราจารย์ฟุลไบรท์ (Fulbright Professor) ที่ American Literature แห่ง University of Bologna และเป็นวิทยากรรับเชิญสาขานวนิยาย Fiction, Non-fiction และ Screenwriting ให้กับ UCLA Writers Program แอทชิตี้มีผลงานตีพิมพ์หนังสือของตนเองจำนวน 12 เล่ม ได้แก่ Writer's Time: Guide to the Creative Process from Vision through Revision and Writing Treatments That Sell: How to Create and Market Your Story to the Motion Picture and TV Industry (ร่วมกับหุ้นส่วน ชิลี หว่อง)

เป็นชาวหลุยเซียน่า สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจาก Georgetown University และปริญญาเอกจาก Yale

เทดดี้ ซี (ผู้บริหารและอำนวยการผลิต) ประธานบริษัท Films of Overbrook Entertainment เคยรั้งตำแหน่งประธานบริษัท Davis Entertainment ซึ่งสร้างผลงาน Dr. Dolittle 2, Behind Enemy Lines และ Heartbreakers

ก่อนหน้านั้น ซีเคยเป็นรองกรรมการบริหารด้านการผลิตที่โคลัมเบีย พิคเจอร์ส ซึ่งสร้างผลงานเรื่อง Charlie's Angels, Anaconda, Devil's Own and My Girl และยังเคยดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการฝ่ายผลิตที่พาราเมาท์ พิคเจอร์ส และผู้บริหารที่ Touche Ross & Co และ Project Manager ที่ NBC

สตีเฟน เอช เบอรัม ASC (ผู้กำกับภาพ) ชาวแคลิฟอร์เนียโดยกำเนิด เป็นทั้งนักศึกษาและอาจารย์ด้านภาพยนต์ที่ UCLA ระหว่างและหลังจากปี 1960 เริ่มใช้ความสามารถกับงานของภาครัฐบาล และภายหลังเข้าสู่ภาคเอกชน ซึ่งได้รับรางวัล Emmy ปี 1978 ในด้านสเปเชียล เอ็ฟเฟค ในซีรี่ส์เรื่อง Cosmos และเคยเป็นผู้ควบคุมกองถ่ายที่สองในเรื่อง The Black Stallion ให้กับอดีตเพื่อนร่วมรุ่น UCLA ฟรานซิส ฟอร์ด คอพโพลา และเป็นตากล้องให้กับเรื่อง Rumble Fish.

ตั้งแต่ 1980 เบอรัมสร้างผลงานร่วมกับผู้กำกับมีชื่อ ได้แก่ ไบรอัน เดอ ปาล์มมา (The Untouchables) และแดนนี เดอ วีโต (War of the Roses) ในปี 1992 ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองจากเรื่อง Hoffa ผลงานอีกเรื่องของเดอ วีโต เขาใช้เวลาในช่วงสิบปีหลังทำงานมีชื่อ อาทิเช่น Carlito's Way ของเดอ ปาล์มมา และ Mission: Impossible, เรื่อง Father's Day, ของไอแน ไรท์แมน, เรื่อง Snake Eyes ของเดอ ปาล์มมา, เรื่อง Mystery Men ของ กินคา อุชเชอร์ และ Mission to Mars ของเดอ ปาล์มมา

บิล กรูม (ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์) มีผลงานสร้างฉากให้กับภาพยนต์และโทรทัศน์กว่า 20 เรื่อง ผลงานเรื่องแรกที่สร้างชื่อคือเรื่อง Rocket Gibraltar ตามมาด้วย A League of Their Own, The Good Son, It Could Happen to You, The Preacher's Wife, The Pledge, และ Riding in Cars with Boys ผลงานโทรทัศน์ยังรวมถึง Adventures of Huckleberry Finn และ Boss of Bosses.

ทรูดี้ ชิพ (ลำดับภาพ) เป็นการร่วมงานกับสตีฟ เฮเร็คเรื่องที่ห้า ผลงานของชิพเรื่องล่าได้แก่ Rock Star นำแสดงโดยมาร์ค วาลเบิร์ก และเจนนิเฟอร์ อนิสตัน ผลงานเรื่องก่อนของพวกเขา คือ Holy Man, โดยเอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ และเรื่องฮิต Mr. Holland's Opus แสดงโดยริชาร์ด เดรย์ฟัส และ 101 Dalmatians แสดงโดย เกลน โคลส

ผลงานสร้างชื่อเสียงของชิพยังมีเรื่อง The Pelican Brief ของอลัน โพคูลา (ทอม รอล์ฟ ร่วมลำดับภาพ), เรื่อง The Man in the Moon ของโรเบิร์ต มุลลิแกน และเรื่อง House of Games and Things Change ของเดวิด มาเหม็ด ในฐานะผู้บริหารและลำดับภาพยังมีเรื่อง Sophie's Choice ของอลัน โพคูลา เรื่อง Ulu Grosbard's Falling in Love ของอูลู กรอสบาร์ด นำแสดงโดย เมอร์ริล สตรีพ และโรเบิร์ต เดอนีโร, เรื่อง Lenny ของบ็อบ ฟอส แสดงโดยดัสติน ฮอฟแมน

แอกกี้ รอดเจอร์ (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในด้านเครื่องแต่งกายย้อนยุคในเรื่อง The Color Purple ของสตีเวน สปิลเบิร์ก และได้ร่วมงานอย่างสม่ำเสมอกับผู้กำกับการแสดงชื่อดังอย่าง นอร์แมน จิววิสัน จากเรื่อง The Hurricane and In Country; กับฟรานซิส คอพโพลา จากเรื่อง The Rainmaker, Jack and The Conversation; และลอว์เรนส์ แคสแดน จากเรื่อง I Love You to Death และ Grand Canyon

เธอเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้านนี้จากผลงานของจอร์จ ลูคัส เรื่อง American Graffiti และร่วมงานอีกครั้งในเรื่อง Star Wars ภาค Return of the Jedi ผลงานที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงรวมไปถึงหนังของไมโล ฟอร์แมน เรื่อง One Flew Over the Cuckoo's Nest, เรื่อง Invasion of the Body Snatchers ของฟิลลิป คอฟแมน, เรื่อง Cocoon ของรอน โฮเวิร์ด, เรื่อง The Witches of Eastwick ของจอร์จ มิลเลอร์, เรื่อง Beetlejuice ของทิม เบอร์ตัน, เรื่อง Forever Young ของสตีฟ ไมเนอร์, เรื่อง Benny & Joon ของเจเรไม เชชิค, เรื่อง The Fugitive ของแอนดรู เดวิส, เรื่อง Something to Talk About ของแลส ฮอลสตรอม, เรื่อง Wings of Courage ของ จอง-ชาค อาโนด์ และผลงานของสตีเฟน เฮเร็ค เรื่อง Mr. Holland's Opus และ Holy Man งานชิ้นล่าสุดร่วมกับเฮเร็คใน Rock Star

เดวิด นิวแมน (ดนตรีประกอบ) ผลงานเพลงภาพยนต์ที่ตราตรึงและยังเป็นที่นิยมของเขาได้แก่เรื่อง Ice Age, Dr. Dolittle 2, The Affair of the Necklace, Bedazzled, 102 Dalmations, Duets, Nutty Professor II: The Klumps, Bowfinger, Never Been Kissed, Anastasia (1997), Out to Sea, Matilda, The Nutty Professor (1996), The Phantom, Hoffa, Love Trouble, The Cowboy Way, Honeymoon in Vegas, The War of the Roses, Throw Momma From the Train, Heathers, The Flintstones, The Flintstones in Viva Rock Vegas และ Jingle All the Way ผลงานที่จะออกฉายยังมี Death to Smoochy, แสดงโดยโรบิน วิลเลี่ยมส, เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน, แดนนี่ เดอวีโต (กำกับการแสดง)และจอห์น สจ๊วต

เขาเป็นสมาชิกของกลุ่มแต่งเพลง Newman ซึ่งประกอบด้วย แรนดี้, ไลโอเนล, และอัลเฟรด เขา ประพันธ์เพลงคลาสสิคซึ่งเคยแสดงร่วมกับ Los Angeles Philharmonic, the National Orchestra of Belgium, the American Symphony Orchestra, London's Royal Philharmonic และ New Japan Philharmonic

เกิดและเติบโตในลอสแอนเจลิส จบปริญญาโททางด้านกำกับเวทีเพลงจาก University of Southern California เป็นผู้กำกับเพลงให้ Sundance Institute ของโรเบิร์ต เรดฟอร์ด ซึ่งมีผลงาน อาทิเช่น คอนเสริต Night of Great Movie Music และเพลงชุด Sundance Film Music Series-- จบ--

-อน-