กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--ทัชสโตนพิคเจอร์ส
SORORITY BOYS
จับสามห่าม...มาแต่งอึ๋ม
กำหนดฉาย 10 พฤษภาคม 2545
เรื่องย่อ
ทางเดียวสำหรับเดฟ (แบร์รี่ วัตสัน), อดัม (ไมเคิล โรเซนบอม) และดูเฟอร์ (ฮาร์แลนด์ วิลเลี่ยมส์) ในอันที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตประสาหนุ่มอีกหน ก็คือ ต้องยอมทนกลายเป็นสาวซะก่อน!
ใน Sorority Boys ผลงานของค่ายทัชสโตนพิคเจอร์สเรื่องนี้ พระเอกของเราก็คือสามเพลย์บอยผู้กำลังขัดสนอับจนสุดขีดซะจนมองไม่เห็นหนทางไหนอีกในการได้ที่อยู่ฟรีๆ นอกจากเข้าชมรมสตรีประจำมหาวิทยาลัยที่ชื่อ Delta Omicron Gamma (ย่อว่า D.O.G.) และแล้วด้วยการเมคอัพนิดหน่อย, ชุดชั้นในน้อยๆ และการถอนขนอย่างเมามัน เดฟ, อดัมกับดูเฟอร์ก็นวยนาดเข้าสู่ชมรมแห่งนั้นภายใต้รูปโฉมของ เดซี่, อาดิน่า และโรเบอร์ต้า!
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน จนกระทั่งเดฟเกิดตกหลุมรักลีอาห์ (เมลิซซา เซจมิลเลอร์) อะไรๆก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเมื่อหนุ่มๆเริ่มเข้าใจชีวิตของสาวๆอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก ประวัติแห่งการปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างสุดเลวร้ายหวนกลับมาหลอกหลอน เดฟร่ำๆอยากสารภาพกับลีอาห์ใจจะขาดว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใคร แต่จะทำอย่างไรเล่าไม่ให้มันทำลายความสัมพันธ์ของ "เดซี่" กับหญิงสาวในฝันของเขาคนนี้ให้พังพินาศไปด้วย?
ทัชสโตนพิคเจอร์สขอเสนอ Sorority Boys นำแสดงโดยแบร์รี่ วัตสัน, ฮาร์แลนด์ วิลเลี่ยมส์, ไมเคิล โรเซนบอม, เมลิซซา เซจมิลเลอร์ และเฮทเธอร์ มาทาแรซโซ ผลงานกำกับของวอลลี่ โวโลดาร์สกี้ เขียนบทโดยโจ จาร์วิส กับเกร็ก คูลิดจ์ อำนวยการสร้างโดยแลร์รี่ เบรซเนอร์ กับวอลเทอร์ ฮามาดา อำนวยการสร้างบริหารโดยไมเคิล ฟ็อตเทรลล์ และจัดจำหน่ายโดยบัวนา วิสต้า พิคเจอร์ส
ว่าด้วยงานสร้าง
"หนังตลกเกี่ยวกับการสลับเพศนั้นมีอยู่หลายแบบ" แลร์รี่ เบรซเนอร์ ผู้อำนวยการสร้างของ Sorority Boys หนังตลกเรื่องใหม่จากทัชสโตนพิคเจอร์ส กล่าว "ตอนอ่านบท ผมนึกทันทีว่านี่คือสุดยอดของส่วนผสมระหว่าง Animal House กับ Tootsie และก็คิดด้วยว่า ส่วนผสมนี้ของเรา -คือสามหนุ่มแสบที่โดนกรรมสนองเมื่อต้องปลอมตัวเป็นหญิงอยู่ในชมรมสตรีนั้น- ก็มีศักยภาพในการสร้างเสียงฮาอยู่เพียบ"
"สูตรหนังตลกว่าด้วยชายแต่งตัวเป็นหญิงเป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว" วอลลี่ โวโลดาร์สกี้ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้บอก "ผมคิดว่าน่าจะสนุกดีที่จับนักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่ๆมาลองสวมรองเท้าผู้หญิงแล้วดูซิว่า พวกเขาจะเดินโดยไม่หกล้มข้อเท้าหักกันได้มั้ย"
บทหนัง Sorority Boys เขียนโดย โจ จาร์วิส กับ เกร็ก คูลิดจ์ สองศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยโอคลาโฮม่าซึ่งนำประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบรับน้องอันโด่งดังของกรีกมาใช้ด้วย โดยแม้จะไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วยตนเอง แต่คูลิดจ์กับจาร์วิสก็ได้ยินเรื่องเล่าสนุกๆจากเพื่อนๆมามากโข "เราไม่ต้องไปมีตติ้งด้วยตัวเอง แต่เราไปปาร์ตี้แล้วก็ได้ยินหมดทุกเรื่องทุกเม็ด" คูลิดจ์เล่าย้อนความทรงจำให้ฟัง "และพอมองกลับไปถึงตอนนั้น เราก็รู้ว่าเรื่องของเราน่าสนใจจริงๆ"
ผู้อำนวยการสร้าง วอลเทอร์ ฮามาดา เพิ่มเติมว่า ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคนดูเฉพาะกลุ่มเท่านั้นจึงจะสามารถสนุกสนานกับหนังเรื่องนี้ได้ "จุดหลักๆในบทหนังที่โดนใจผมมากจนอยากทำหนังเรื่องนี้ก็คือ การได้เห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาที่ตัวละครเจอ" เขากล่าว "หนุ่มๆกลุ่มนี้ต้องเรียนรู้บางอย่าง และเราก็มีวิธีนำเสนอโดยไม่ต้องให้ตัวละครออกมาสั่งสอนคนดู แต่เมื่อหนุ่มๆได้เห็นว่าเพศตรงข้ามเป็นอยู่อย่างไร ..ตรงนี้แหละที่ใครๆก็สามารถดูแล้วเข้าใจตามไปได้ แถมยังตลกกันได้โดยไม่เฉพาะต้องเป็นคนดูวัยรุ่นและไม่เฉพาะเด็กผู้ชายเท่านั้น แต่คนดูทั่วๆไปก็สามารถสนุกได้เต็มที่เช่นกัน"
"หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่พูดเรื่องเกี่ยวกับภาพเหมารวมของเพศชายและหญิงได้ดีมาก" เมลิซซา เซจมิลเลอร์ ผู้รับบทลีอาห์หัวหน้าชมรม D.O.G. กล่าว "และก็ไม่ได้มีแค่อะไรตื้นๆแบบที่คุณคิดว่าจะเจอด้วย ตัวละครของฉันเป็นคนที่มีอคติและความเข้าใจที่ผิดๆเกี่ยวกับผู้ชาย เธอโกรธเกลียดพวกเขา แต่ในที่สุดเธอก็ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆด้วยเหมือนกัน"
สำหรับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้นั้น เบรซเนอร์กับฮามาดาตัดใจสินเลือก วอลลี่ โวโลดาร์สกี้ นักเขียนบทโทรทัศน์ที่มีพรสวรรค์ด้านอารมณ์ขันสอดคล้องกับโจทย์ของหนังพอดิบพอดี "วอลลี่เป็นหัวหน้าทีมเขียนบทของ The Simpsons และก็ยังเขียนบท-กำกับหนังอินดี้ตลกร้ายเรื่อง Coldblooded ซึ่งผมคิดว่าเป็นหนังที่ดีมากด้วย เขามีสัญชาตญาณที่เยี่ยมมากในเรื่องอารมณ์ขันและก็เข้าใจดีว่าอะไรตลกอะไรไม่ ที่สำคัญที่สุดเขายังสามารถกระตุ้นให้นักแสดงเล่นกับแบบสดๆ ผมจึงพอใจกับผลงานของเขาอย่างที่สุด"
"ผมฝันอยากทำหนังมาตั้งแต่อายุแค่ 10 ขวบแล้วล่ะ" โวโลดาร์สกี้บอก "วู้ดดี้ อัลเลนคือคนที่มีอิทธิพลต่อผมมากที่สุด ผมมายึดอาชีพเขียนบทก็เพราะว่านี่แหละคือก้าวแรกที่นำเขาไปสู่การเป็นผู้กำกับ แถมผมยังไปเรียนแคลริเน็ตเลียนแบบเขาอีกต่างหาก
"กระบวนการทำหนังเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างเหลือเชื่อจริงๆสำหรับผม" โวโลดาร์สกี้กล่าวต่อ "หนังเรื่องแรกของผมเป็นหนังอินดี้เล็กๆที่ใช้เวลาถ่ายแค่ครึ่งเดียวของ Sorority Boys การทำงานกับสตูดิโอนับเป็นประสบการณ์ที่ต่างจากการกำกับครั้งแรกมาก ทุกคนที่ผมได้คุยด้วยล้วนแต่เตือนให้ผมเตรียมตัวพบประสบการณ์น่าช็อคเอาไว้ แต่พอมาทำจริงๆผมก็สนุกมาก เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดตั้งแต่ทำงานมาเลยทีเดียว"
เลือกตัวสาวๆ
สำหรับการคัดเลือกนักแสดงนั้น โจทย์หลักๆของผู้อำนวยการสร้าง แลร์รี่ เบรซเนอร์ กับ วอลเทอร์ ฮามาดา และผู้กำกับ วอลลี่ โวโลดาร์สกี้ ก็คือ ต้องการนักแสดงที่สามารถเล่นเข้าขากันได้เป็นอย่างดี "เกณฑ์สำคัญคือการดูว่า พวกเขาทำงานด้วยกันได้ดีแค่ไหน" เบรซเนอร์กล่าว "เราจะสามารถหาหนุ่ม 3 คนที่เข้ากันได้แนบแน่นมั้ย เพราะนี่คือหนังที่อาศัยนักแสดงเป็นกลุ่มก้อน เราจึงต้องกำหนดโจทย์นี้ไว้ในใจก่อนในการคัดเลือก"
แต่ความเข้ากันได้ดีก็ไม่ใช่เกณฑ์เพียงประการเดียว นักแสดงนำเหล่านี้ยังต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงเกือบทั้งเรื่องอีกด้วย ซึ่งนี่เองที่นับเป็นความท้าทายไม่ธรรมดาเลยสำหรับการเลือกผู้มาแสดง "เราไม่ได้อยากได้นักแสดงแบบ เจย์ เดวิดสัน ในหนังเรื่อง The Crying Game" โวโลดาร์สกี้ว่าแล้วหัวเราะ "เพราะหนังเราไม่ต้องการความสมจริงถึงขั้นนั้น เรารู้ว่าเราต้องการให้เมคอัพดูเหมาะมากที่สุด วิกกับเสื้อผ้าก็ต้องดูดี ต้องทำให้หนุ่มๆของเราเหมือนผู้หญิงให้ได้ แต่ก็ยังต้องมีความพิเศษอีกนิดๆหน่อยๆในตัวพวกเขาด้วย
"เรารู้ว่าเราอยากได้นักแสดงหน้าตาดีๆมาเล่นเป็นเดฟ" โวโลดาร์สกี้ว่าต่อ "ส่วนบทอดัมหรืออดิน่านั้นเป็นพวกตามแฟชั่นไม่ค่อยถูก ก็หมายความว่าเธอคงไม่ใช่ผู้หญิงสะสวยเท่าไหร่ ขณะที่ดูเฟอร์ยิ่งแต่งตัวผิดๆถูกๆก็เลยหน้าตาน่าเกลียดตลอดทั้งเรื่อง เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่รู้เลยว่าควรทำยังไงให้ตัวเองดูเหมือนผู้หญิงขึ้นมาบ้าง"
"เราเสาะหาคนที่จะมาเล่นเป็นเดฟจากบรรดานักแสดงหนุ่มๆทุกคนในวงการเลย" เบรซเนอร์เล่าให้ฟัง "เราต้องการนักแสดงนำที่มีเสน่ห์แบบผู้หญิงมากจนสาวห้าวจากชมรมสตรียังมาหลงรักเขาเข้าจนได้ แล้วเราก็เจอ แบร์รี่ วัตสัน จาก 7th Heaven ซึ่งไม่ได้แค่หล่ออย่างเดียว แต่ผมยังต้องบอกว่า เขาเป็นสาวเสน่ห์แรงได้อีกด้วย"
"สิ่งที่ทำให้แบร์รี่โดดเด่นเหนือคนอื่นๆ ก็คือความอ่อนหวานที่เขาใส่ให้กับตัวละครของเขา " ฮามาดาเพิ่มเติม "ในตอนต้นของหนัง คุณจะเห็นเจ้าหนุ่มสามคนนี้ทำตัวแย่ๆกับผู้หญิงจนคุณอดเกลียดไม่ได้ แต่แบร์รี่นี่แหละคือคนลดระดับความเกลียดนั่นลง คุณเกลียดเขาไม่ค่อยลงเพราะรู้สึกได้อยู่ตลอดเวลาถึงความอ่อนหวานของเขา"
"วันไหนที่ต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วก็ต้องถอนขนคิ้วล่ะก็ ผมบอกได้เลยว่าการต้องเล่นเป็นลูกนักบวช (บทของเขาใน 7th Heaven) ก็ยังลำบากไม่เท่า" วัตสันแซว "พูดจริงๆนะครับ บทนี้ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เยี่ยมมากๆจาก 7th Heaven เรามีอิสระในการแสดงเยอะมากเพราะวอลลี่เปิดโอกาสให้เราได้ทดลองเล่นกันเต็มที่ ถ้าใช้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช้ได้เขาก็ยินดีเติมเข้าไปในหนังทันที"
สำหรับการเตรียมตัวรับบทนั้น วัตสันต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเพศตรงข้ามซึ่งบางคนอาจจะเห็นว่าเป็นการพยายามมากเกินเหตุไปซักนิด "ผมไปเข้าเรียนแอโรบิคมาด้วยล่ะ" เขาเล่า "ไม่รู้เหมือนกันว่าผมคิดว่าจะได้อะไรจากการทำแบบนั้น คงอยากเข้าใจวิธีปฏิบัติตัวของผู้หญิงให้มากขึ้นมั้ง
"แต่แล้วสิ่งเดียวที่ผมเห็น ก็คือ มือ ...แบบว่าทุกคนเอาแต่คุยกับมือตัวเองน่ะครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้เห็นว่า ผู้หญิงมีวิธีใช้มือที่แสดงถึงความเป็นหญิงมากกว่าผู้ชาย ผมตั้งอกตั้งใจมากในการหาข้อมูลเกี่ยวกับท่วงท่าของผู้หญิง การเดิน การพูด ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่ท้าทายผมมากที่สุด"
ฮาร์แลนด์ วิลเลี่ยมส์ ได้รับเลือกให้มาแสดงเป็นดูเฟอร์ หนุ่มจอมขี้เกียจที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาไปกับ "กิจกรรมเสริมหลักสูตร" มากกว่าจะตั้งอกตั้งใจเรียนจริงๆ "เขาเรียนมหาวิทยาลัยมา 13 ปีเข้าไปแล้ว สมองเลยเบลอซะจนไม่แคร์อะไรเลยที่อยู่ๆก็ต้องมาแต่งตัวเป็นผู้หญิง" เบรซเนอร์อธิบาย "ฮาร์แลนด์เจ๋งมากๆในบทนี้ เขาจะลองเล่นตามบทดูก่อน แล้วในเทคใหม่เขาก็จะลองเล่นอะไรใหม่ๆแบบที่คุณนึกไม่ถึง เขาเยี่ยมเหลือเชื่อ มีหลายช็อตมากเลยที่ฮาร์แลนด์พูดนอกบทไปไกลสุดกู่ แต่มันกลับดูดีมาก เว้นแต่มีปัญหาตรงที่ทุกคนในฉากต้องกลั้นหัวเราะจนแย่ไปตามๆกัน ...แต่ผมก็ยินดีให้ทีมงานหัวเราะกันกลิ้งจนต้องถ่ายใหม่ ดีกว่าจะให้อยู่กับแบบเงียบเชียบเหงาหงอยนะ"
วิลเลี่ยมส์เพิ่มเติมว่า "นี่คือหนึ่งในหนังสนุกที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วยซึ่งผมขอยกความดีความชอบอันนี้ให้กับวอลลี่ซึ่งเปิดโอกาสให้เราคิดอะไรใหม่ๆกันเต็มที่ เขาปล่อยให้เราแสดงสดๆ ยอมให้เราเล่นกันอย่างสนุก แล้วก็ชอบถ่ายอีกเทคโดยพูดแค่ว่า 'แสดงให้ผมดูทีซิว่าคุณคิดอะไรกันไว้บ้าง' ซึ่งน่าทึ่งมากเพราะทำให้เราค้นพบสิ่งดีๆ พบฉากเจ๋งๆ เจอมุขตลกเจ๋งๆ และเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆที่ไม่มีอยู่ในบทมาก่อน"
เมื่อได้แบร์รี่กับฮาร์แลนด์มาแล้ว อีกเพียงหนึ่งหนุ่มที่เหลืออยู่ก็คือ อดัมเจ้าเสน่ห์ "อดัมเป็นหนุ่มที่จีบหญิงติดทุกคน เขาเป็นหัวหน้าชมรม K.O.K. และก็รังเกียจการต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงแบบสุดๆ เขาเกลียดความจริงที่ว่าจะต้องมาโกนขนหน้าแข้ง, เกลียดความจริงที่ว่าคนอื่นๆชอบชมว่าก้นเขาใหญ่, เกลียดทุกอย่างในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เมื่อฮาร์แลนด์รับบทตัวละครเว่อๆและแบร์รี่เป็นหนุ่มที่สวยจนผู้หญิงยังอายแล้ว เราก็อยากได้ใครอีกซักคนที่จะรับบทอดัมได้สมจริงมากที่สุด ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่ ไมเคิล โรเซนบอม ทำได้สำเร็จ"
"ผมถามตัวเองว่า 'ผู้ชายจะมาเล่นเป็นผู้หญิงได้ยังไง'" โรเซนบอมเล่า "ผมหมายความว่า ผู้ชายน่ะไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับผู้หญิง ผมจึงอยากเล่นเป็นพวกเธอทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลยนี่แหละ ผม(ยังมีต่อ)
-จบ-