(ต่อ5) บทประชาสัมพันธ์ Leave No Man Behind แบล็ค ฮอร์ค ดาวน์ ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ ฉายวันที่ 8 พฤษภาคม 2545

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--โคลัมเบีย ไทรสตาร์ "คุณไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป" ฮาร์ตเน็ตต์อธิบายต่อ "มีคนที่ยืนอยู่บนตึกยิงใส่คุณ คุณจะได้ยินเสียงและเห็นรอยกระสุน คุณจะได้ยินเสียงระเบิดอาร์พีจี ได้เห็นมันระเบิดข้างๆ ตัวคุณ สำหรับนักแสดงแล้ว เป็นเรื่องง่ายมากที่คุณจะเกิดความรู้สึกว่าคุณกำลังโดนยิงอยู่จริงๆ" ยวน แม็คเกรเกอร์เล่าเสริมว่า "ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งแสดงอะไรเลย เพราะมันเหมือนกับเรื่องจริงมาก ทีมที่ทำสเปเชียล เอฟเฟกต์นี่สุดยอดจริงๆ ผมเคยแสดงภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่องที่พวกเขาจะใส่สเปเชียล เอฟเฟกต์เข้าไปในคอมพิวเตอร์ทีหลัง ซึ่งมันก็ดี แต่กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อคุณวิ่งไปตามถนนโดยมีระเบิดๆ ขึ้นทุกหนทุกแห่ง มันให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังวิ่งอยู่ในดงกระสุนจริงๆ" "มันทำให้คุณรู้สึกอินไปตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณต้องแสดงแล้ว" อีริค บาน่าช่วยยืนยัน "ผมยังจำเทกแรกที่ผมต้องแสดงฉากที่ปืนกล .50 คาลิเบอร์เริ่มกระหน่ำยิงได้ เสียงมันดังกระแทกหู แล้วริดลีย์ก็สั่งให้ทหารโซมาเลียอย่างน้อย 100 นายกระหน่ำยิงใส่คุณในเวลาเดียวกัน ดังนั้น มันจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ มากมายไปหมด แล้วพอคุณเริ่มคุ้นเคยกับเสียงเหล่านั้น มันจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก" วิลเลี่ยม ฟิชต์เนอร์เล่าว่า "ผมยังไม่เคยอยู่ในฉากที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ไม่มีที่ว่างให้คุณสับสนได้เลย จงรู้หน้าที่ของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ริดลีย์คาดหวังจากคุณ แล้วพวกเขาทุกคนก็ทำสำเร็จ เหมือนกับการทำงานของนาฬิกา ไม่มีที่ไหนจะเหมือนที่นี่อีกแล้ว" ริดลีย์ สก็อตต์ออกมาให้ความเห็นว่าทีมนักแสดงกลุ่มนี้ "ดูจะอินไปกับบทบาทมากกว่าในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผมเคยเกี่ยวข้องมา ถ้าพวกเขาไม่ได้เข้าฉากถ่ายทำล่ะก็ โดยปกติแล้วพวกเขาก็จะยังมาที่กองถ่าย และดูขั้นตอนการทำงานอื่นๆ มันกลายเป็นเรื่องน่าทึ่งที่นักแสดงเหล่านี้ได้ผสมผสานกันจนกลายเป็นทีมที่เหนียวแน่น ซึ่งน่าประทับใจจริงๆ มันกลายเป็นเหมือนกับในตัวภาพยนตร์ เพราะสุดท้ายในการทำงานแต่ละวัน เราพยายามที่จะค้นหาปรัชญาที่ทำให้ทหารกลุ่มนี้รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน หลายคนอาสาพาตัวเองมา แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาอยากจะทดสอบตัวเอง พวกเขากำลังมองหาสิ่งท้าทาย สำหรับคนอื่นๆ มันเป็นเรื่องของครอบครัว การมีพ่อ มีปู่ หรือพี่น้องที่เคยเป็นทหารมาก่อน มันมีการเชื่อมโยงทางด้านประวัติศาสตร์ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ดูน่าสนใจ และอุทิศตัวให้กับประเทศชาติอย่างจริงจัง" แผนกอาวุธอยู่ภายใต้การดูแลของไซม่อน แอ็ตเธอร์ตัน หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธแถวหน้าของวงการภาพยนตร์ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down นี้ แอ็ตเธอร์ตันกับทีมงานของเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษต้องสรรหาอาวุธต่างๆ ที่เคยใช้กันจริงๆ ในการต่อสู้ครั้งนั้น ซึ่งก็รวมถึงปืนไรเฟิล เอเค-47 ของโซเวียต, ระเบิดอาร์พีจี และปืนไรเฟิลติดสปริงที่พวกโซมาเลียใช้ ทางด้านอเมริกันนั้นอาวุธที่ใช้ก็คือ ปืนเอ็ม 16 ปืนกลบราวนิ่ง .50, ปืนต่อต้านรถถังที่เรียกกันว่า LAW, ปืนกลเอ็ม 60 และปืนอัตโนมัติ SAW กับปืนขนาดเล็กที่ติดเอาไว้กับเครื่องแบล๊กฮอว์ก และลิตเติลเบิร์ด, ปืนกลพลังไฟฟ้าที่สามารถยิงได้ด้วยความเร็ว 4000 ลูกต่อนาที ปืนทุกกระบอกจะต้องผ่านการปรับแต่งจากแอ็ตเธอร์ตันและลูกทีมของเขาเพื่อให้สามารถยิงด้วยกระสุนปลอม และพวกเขายังต้องทำปืนปลอมจากยางที่ดูเหมือนของจริงเพื่อให้ตัวประกอบที่ไม่มีบทต้องยิงถือด้วย ฟิล นีลสัน ผู้ดูแลงานสตั๊นต์เคยเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างโลกแห่งการต่อสู้ทั้งในสมรภูมิรบและในสนามต่อสู้ในภาพยนตร์เรื่อง Gladiator มาแล้ว บัดนี้ เขาต้องใช้ประสบการณ์ในกองทัพอเมริกันที่เขาเคยผ่านงานมาเพื่อสร้างฉากสตั๊นต์ที่มีความซับซ้อน รวมไปถึงฉากแอ็กชั่นในสมรภูมิการต่อสู้ "ผมได้ดึงตัวบุคลากรที่เคยเป็นทหารผู้มีประสบการณ์และความรู้ที่จะช่วยสร้างฉากเหล่านี้มาช่วยงานหลายคน" นีลสันอธิบาย "เพราะเรากำลังทำงานสร้างฉากแอ็กชั่นที่ยิ่งใหญ่ ที่อาจจะมีตัวประกอบเป็นร้อยๆ หรือเป็นพันๆ คน ผมต้องหาคนที่จะมาช่วยแบ่งปันความรับผิดชอบ เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะดูแลงานทุกอย่างด้วยตัวเอง ดังนั้นเราจึงมีทีมงานสตั๊นต์หลายคนที่เป็นคนอเมริกัน และเป็นคนโซมาเลีย ให้เข้ามาช่วยกันสร้างฉากต่อสู้และฉากระเบิด นี่ยังไม่รวมถึงฉากเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของเรามาก" "สิ่งแรกที่พวกเราคำนึงถึงอยู่เสมอ" นีลสันอธิบายต่อ "ก็คือความปลอดภัยของทีมนักแสดง ทีมงานหลังกล้อง ตัวประกอบ และผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่เราถ่ายทำภาพยนตร์กันอยู่" (เมื่องานถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down สิ้นสุดลง ไม่มีทีมงาน นักแสดง หรือตัวประกอบได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยแม้แต่คนเดียว) สำหรับนีลสันยังเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องปฏิบัติตามข้อวินิจฉัยของริดลีย์ สก็อตต์เพื่อให้ฉากแอ็กชั่นออกมาอยู่ในขอบเขตของความเป็นจริง "ผมไม่ได้เป็นพวกคลั่งไคล้ในฉากโอเว่อร์ๆ แบบฮอลลีวู้ดหรอกนะ" นีลสันกล่าว "ผมเป็นพวกที่ชอบความเป็นจริงมากกว่า และมันก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้ Black Hawk Down มีความสมจริงอย่างที่สุด" องค์ประกอบสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ฉากการต่อสู้ของ Black Hawk Down ออกมาดูยิ่งใหญ่ สมจริง ก็คือ งานสเปเชียล เอฟเฟกต์ของนีล คอร์บูลด์ เจ้าของรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Saving Private Ryan และทีมช่างเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในความดูแลของเขา "ความยิ่งใหญ่ของ Black Hawk Down อยู่ที่จำนวนของสเปเชียล เอฟเฟกต์" คอร์บูลด์กล่าว "ผมเคยสร้างภาพยนตร์สงครามมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งในภาพยนตร์เหล่านั้น มันจะมีฉากที่ไม่ได้เป็นฉากสงครามแทรกอยู่เยอะ แต่กับภาพยนตร์เรื่องนี้ มันจะมีฉากยิงกัน ฉากระเบิด และฉากเฮลิคอปเตอร์ตกแบบไม่หยุดเลย เราต้องขนเทรเลอร์ 25-40 คันมาจากอังกฤษ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยระเบิด ดินปืน กระสุนปืน ที่มาพร้อมกับหน่วยควบคุมเรดาร์ จากนั้นเรายังต้องนำยานพาหนะที่บรรจุข้าวของที่จำเป็นสำหรับใช้ประกอบฉากมาอีกเพียบ" "เราต้องตั้งกล้องเอาไว้ประมาณห้าถึงเจ็ดตัวในการถ่ายทำแทบทุกเทก" คอร์บูลด์อธิบาย "และกล้องทุกตัวจะต้องโดนกระสุนยิง และอาจจะต้องเกิดระเบิดขึ้นตรงหน้ากล้องหนึ่งหรือสองครั้ง เรายังต้องทำเอฟเฟกต์ควันไฟ ทำศพปลอม และแต่งเลือดตามตัวนักแสดง เกือบทุกชอตของฉากต่อสู้จะต้องใช้เวลานาน เพราะมันเต็มไปด้วยเอฟเฟกต์ ดังนั้นเราจึงต้องใช้คนถึง 40 คนในการเตรียมงาน" "เวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก" คอร์บูลด์อธิบายเพิ่มเติม "และเห็นได้ชัดว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเรา เราจะทำการซ้อมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จนกว่าพวกเราจะพอใจ เพราะในชอตที่ยุ่งยากที่สุด เราต้องยิงกระสุนออกไปถึง 1,200 นัดในเทกเดียวเท่านั้น" คอร์บูลด์และทีมงานของเขายังต้องสร้างเครื่องแบล๊กฮอว์กของปลอมขนาดเกือบเท่าของจริงขึ้นมาหลายลำ ซึ่งก็รวมถึงซากของเครื่องซูเปอร์ซิกซ์วัน และซูเปอร์ซิกซ์โฟร์ "เราเริ่มต้นกันด้วยการทำเครื่องแบล๊กฮอว์กจำลองที่ทำจากไม้อัดจำนวน 50 แผ่นที่เราออกแบบจากโมเดลที่สร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์ จากนั้นเราก็ลองส่วนข้างนอกออก และสร้างส่วนภายในจากภาพถ่ายที่ผมได้มาในฟลอริด้า เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องลดสเกล...ทุกรายละเอียดที่อยู่ในนั้น" บางทีสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คงจะเป็นการติดเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นเอาไว้กับเครนตัวสูงที่คอร์บูลด์ออกแบบเอาไว้ และสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในฉากที่นักแสดงในบทหลักๆ ต้องแสดงอยู่ในเครื่องแบล๊กฮอว์ก ขณะที่มันบินหรือร่อนไปมาอยู่เหนือโมกาดีชู เพื่อความสมจริง ริดลีย์ สก็อตต์ไม่ต้องการใช้เทคนิคการถ่ายภาพหน้าจอบลูสกรีน "โดยทั่วไปแล้ว เราจะใช้เครนขนาด 160 ตันที่มีฐานบังคับการเคลื่อนที่ และโยงเข้ากับเครื่องแบล๊กฮอว์กจำลอง เพื่อให้ได้อารมณ์แบบการเคลื่อนไหวจริง" คอร์บูลด์อธิบาย "เราสามารถบังคับให้เฮลิคอปเตอร์เคลื่อนไหวแบบมุม 360 องศา คือสามารถเคลื่อนที่ไปทางซ้าย ขวา ขึ้นลง เดินหน้า ถอยไปข้างหลังได้ เรายังสามารถเหวี่ยงเครนไปรอบๆ จนดูเหมือนกับเรากำลังตระเวณไปทั่วเมืองจริงๆ" สำหรับฉากที่เครื่องซูเปอร์ซิกซ์วันจะต้องโหม่งพื้นในแถบอลาโม่คอมเพล็กซ์ คอร์บูลด์จัดการวางแผนงานที่มีความซับซ้อนด้านเทคนิคมากขึ้น "การใช้เครนขนาด 160 ตันอันเดิม เราใช้ลวดสลิงความยาว 150 เมตรที่ตรึงลงไปจนพื้น จากนั้น เราได้สร้างเครื่องแบล๊กฮอว์กที่มีน้ำหนักเบาที่เราห้อยเอาไว้กับเคเบิล โดยพื้นฐานแล้ว มันจะต้องไหลไปตามเส้นลวด ปะทะเข้ากับน้ำพุที่อยู่ตรงกลางจตุรัส จากนั้น เมื่อเราตัดสายเคเบิล เฮลิคอปเตอร์ก็จะกระแทกลงสู่พื้น เพื่อให้เกิดแรงกระแทกที่สมจริง" ระเบิดและกระสุนปลอมที่ควบคุมด้วยสัญญาณวิทยุ รวมไปถึงโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นสิ่งของที่พบเห็นเป็นประจำในกองถ่ายภาพยนตร์ เป็นสิ่งต้องห้ามในพื้นที่ถ่ายทำ ทั้งนี้ก็เพราะมันมีอันตรายในแง่ที่อาจจะไปก่อให้เกิดผลกระทบต่อเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่คอร์บูลด์และทีมของเขาได้จัดเตรียมเอาไว้ คอร์บูลด์และทีมงานของเขายังต้องรับผิดชอบงานทำศพปลอม ซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นหน้าที่ของอีกแผนกหนึ่งแยกต่างหากออกไป การที่คอร์บูลด์ต้องรวมงานทำศพปลอมเอาไว้ในการดูแลของเขาด้วยก็เพื่อทำให้งานทุกอย่างประสานกันไปได้ด้วยดี ศพปลอมแบบเต็มตัวหลายศพต้องถูกทำขึ้นให้เหมือนกับนักแสดงหลายคน โดยจะต้องมีบาดแผลที่ดูเหมือนบาดแผลที่เกิดจากสงคราม ดังนั้น คอร์บูลด์จึงต้องทำงานประสานกับแผนกแต่งหน้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ฟาบริซิโอ สฟอร์ซ่า ช่างแต่งหน้ามืออาชีพ (ที่มีผลงานอย่าง The Last Emperor, The Talented Mr. Ripley และ Hannibal) และทีมงานซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นชาวอิตาเลี่ยน ที่ปรึกษา ที่เข้ามาช่วยคงความสมจริงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ ที่ปรึกษาด้านการทหาร แฮร์รี่ ฮัมฟรีส์ และลูกทีมคำสำคัญอีกสองคนของเขา ซึ่งทั้งคู่ต่างเคยผ่านประสบการณ์การสู้รบจริงๆ และเพิ่งจะเกษียณตัวเองจากกองทัพเมื่อไม่นานมานี้ พันเอกโธมัส แมทธิวส์ ผู้บัญชาการทางอากาศของภารกิจ ซึ่งตระเวณดูการสู้รบอยู่บนเครื่อง ซี-2 เบิร์ด ซึ่งเป็นเครื่องแบล๊กฮอว์กที่ทำหน้าที่ฝูงบัญชาการและควบคุม คือผู้บังคับบัญชาหน่วยไนต์สทอลเกอร์ ซึ่งเป็นทีมเฮลิคอปเตอร์ที่เป็นกำลังหนุนให้กับกองกำลังพิเศษภาคพื้นดินทั่วโลก พันเอกหน่วยรบพิเศษ ลี แวน อาร์สเดล คือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลภารกิจที่ศูนย์ Joint Operations Center ซึ่งเป็นคนช่วยนำขบวนช่วยเหลือมุ่งสู่โมกาดีชู เพื่อช่วยเหลือทีมแรนเจอร์และทีมเดลต้าฟอร์ซที่ติดอยู่ในวงล้อม "แฮร์รี่ ฮัมฟรีส์เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากในกองถ่าย" เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์บอก "เขาต้องทำงานร่วมกับนักแสดงและตัวประกอบวันต่อวันเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างออกมาถูกต้องที่สุด นับว่าพวกเราโชคดีมากที่ได้ทอมกับลีมาอยู่กับพวกเราด้วย เพราะพวกเขาเคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว และสามารถตอบคำถามทุกคำถามที่ริดลีย์อาจจะมีได้ พวกเขาช่วยเราได้มากทีเดียว" "เป็นเรื่องวิเศษมากที่มีแฮร์รี่, ลี และทอม มาอยู่ที่กองถ่ายด้วยทุกวัน" ริดลีย์ สก็อตต์บอก "พวกเขาจะรีบบอกเราทันทีถ้ามีอะไรที่พวกเขาคิดว่ามันไม่สมจริงพอล่ะก็" "การเดินทางไปโมร็อคโคไม่ใช่สิ่งที่ผมวางแผนจะทำเลยเมื่อผมเกษียณ" แมทธิวส์ยอมรับ "แต่เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพวกทหารที่เสียชีวิตไปในการปฏิบัติครั้งนั้น รวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาด้วย ผมจึงมาถึงบทสรุปที่ว่าผมจะต้องร่วมงานกับโปรเจกต์นี้ หยุดเรื่องอื่นเอาไว้ก่อนและทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษากับภาพยนตร์เรื่องนี้" ลี แวน อาร์เดล ซึ่งเพิ่งเกษียณจากกองทัพเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่เพียงแต่มองเห็นถึงความทุ่มเทที่แมทธิวส์มีต่อเพื่อนทหารที่พวกเขาเคยร่วมรบด้วยในโมกาดีชูเท่านั้น แต่เขายังมองเห็นโอกาสที่จะได้แก้ไขบันทึกเหตุการณ์ครั้งนั้นให้ถูกต้องหลังจากที่มันถูกเข้าใจผิดๆมานานเกือบสิบปีแล้ว "ความจริงที่ผมคิดว่าผู้คนส่วนมากไม่เคยรับรู้ ยกเว้นพวกเราที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ก็คือ พวกเราปฏิบัติภารกิจอย่างประสบความสำเร็จในมุมมองทางด้านทหารและแทคติกต่างๆ เราสามารถจับตัวสองนายทหารชั้นสูงของไอดิด รวมไปถึงบอดี้การ์ดของพวกเขาที่อาจยังทำงานอยู่ในสมัยนั้น และนั่นก็คือสิ่งที่เราทำสำเร็จจริงๆ" "ทุกวันนี้เห็นได้ชัดว่า มันไม่ได้เป็นไปตามแผน" แวน อาร์สเดลกล่าวต่อ "เราต้องเผชิญกับเหตุคาดไม่ถึงเมื่อเฮลิคอปเตอร์เกิดตก แต่เราก็ไม่ได้วางแผนไว้เลยว่าจะต้องมาสูญเสียเพื่อนทหารไปถึง 18 นาย แต่ผมจะไม่สับสนระหว่างการสูญเสียชีวิตที่เป็นเรื่องเศร้ากับวัตถุประสงค์ที่ล้มเหลวอย่างเด็ดขาด ผมแทบช็อคเมื่อผมได้อ่านข่าวที่เรียกภารกิจครั้งนี้ว่าเป็น "การพังทลาย" หรือ "ความล้มเหลว" ถ้าจะถือว่าเป็นเช่นนั้น การบุกขึ้นฝั่งที่นอร์มังดีในวันยกพลขึ้นบก ก็ต้องถือว่า "เป็นความพินาศ" เพราะว่าเราต้องสูญเสียชีวิตชาวอเมริกันไปเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือความเป็นจริง เราได้พัฒนามาถึงยุคนี้ไม่ควรมีใครต้องเสียชีวิตไปในสนามรบ ซึ่งจากมุมมองนั้น ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ผมต้องสูญเสียเพื่อนดีๆ ไปในโซมาเลีย และผมก็ไม่อยากจะต้องเสียเพื่อนไปอีก" (ยังมีต่อ) -สส-

ข่าวประชาสัมพันธ์+ไทรสตาร์วันนี้

ครบเครื่องเรื่อง PR: บริการส่งข่าวประชาสัมพันธ์ และลงบทความพร้อม Backlink แบบมืออาชีพ โดยดาต้าเซ็ต

ในยุคดิจิทัลที่ข่าวสารเคลื่อนไหวรวดเร็ว การส่งข่าวประชาสัมพันธ์ (PR Distribution) อย่างมีประสิทธิภาพ คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กร สินค้า หรือแบรนด์ เป็นที่รู้จักและได้รับความน่าเชื่อถือ ไม่เพียงในประเทศไทย แต่รวมถึงระดับสากล หากคุณกำลังมองหาวิธี เผยแพรข่าวประชาสัมพันธ์ หรือ ลงบทความบนเว็บไซต์เพื่อเพิ่ม SEO บริการของเราสามารถตอบโจทย์คุณได้ครบถ้วน ทั้งในด้านการเข้าถึงสื่อคุณภาพ การเพิ่มยอดการค้นหาใน Google และการสร้างภาพลักษณ์อย่างมืออาชีพ บริการส่งข่าวประชาสัมพันธ์ในประเทศ บริการเผยแพร่ข่าว

ศรีตรังโกลฟส์จับมือคณะทันตแพทยศาสตร์ มศว ... ศรีตรังโกลฟส์จับมือคณะทันตแพทยศาสตร์ มศว ส่งมอบถุงมือยางแห่งชีวิตสู่การดูแลด้วยหัวใจ — ศรีตรังโกลฟส์จับมือคณะทันตแพทยศาสตร์ มศว ส่งมอบถุงมือยางแห่งชีวิตสู...

นายเพ็ชร ภุมมา ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตร... เขตป้อมปราบฯ เข้มกวดขันผู้ค้าบนทางเท้า ถ.หลวง-หน้าสำนักการแพทย์ — นายเพ็ชร ภุมมา ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. กล่าวกรณีมีข้อร้องเรียนผู้ค้านำสินค้...

นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักก... กทม. สร้างภูมิคุ้มกันนักเรียนรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสถานศึกษา — นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงมาตรกา...

นายสมบัติ เครือกีรติธรรม ผู้อำนวยการเขตห้... เขตห้วยขวางเข้มกวดขัน "ห้ามรถจอด-ขับขี่บนทางเท้า" ถ.เพชรบุรี -พิจารณาตั้งเสากั้นถาวร — นายสมบัติ เครือกีรติธรรม ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง กทม. กล่าวกรณีมีข้อ...