(ต่อ7) บทประชาสัมพันธ์ Leave No Man Behind แบล็ค ฮอร์ค ดาวน์ ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ ฉายวันที่ 8 พฤษภาคม 2545

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--โคลัมเบีย ไทรสตาร์ โบว์เด้น เจ้าของหนังสือ Black Hawk Down เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้มาเป็นพยานในการถ่ายทำฉากสำคัญดังกล่าว โบว์เด้นแสดงความเห็นว่า "คุณสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างในภาพยนตร์ในแบบที่คุณไม่สามารถกระทำได้ในหนังสือ และภาพที่เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่พิเศษสุดจริงๆ เพียงแค่ได้ไปอยู่ในกองถ่าย และได้เห็นพวกเขาสร้างฉากนั้นขึ้นมา มันเป็นภาพที่ทรงอำนาจจริงๆ เมื่อตอนที่ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ ผมต้องจินตนาการถึงฉากปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยรายละเอียด แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะแสดงให้ผู้คนได้เห็นถึงสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน" กองทัพและทีมงานสร้างภาพยนตร์เริ่มต้นสร้างสิ่งที่กลายมาเป็นสังคมที่มีความชื่นชมต่อกัน ทั้งทีมงานและทีมนักแสดงต่างทึ่งต่อการทุ่มเทและความละเอียดลออในการทำงานของทีมแรนเจอร์ และนักบินจากหน่วย SOAR มาก "คนของเราเองก็มีความนับถือต่อทีมตากล้อง ทีมสตั๊นต์ และทุกคนที่ทำงานให้กับภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down" พันตรีบิลล์ บัตเลอร์ แห่งทีม 75th Ranger Regiment กล่าว "เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ในการสร้างภาพยนตร์สักเรื่องจะมีงานให้ทำมากขนาดไหน" "ผมคิดว่าเรามีความเข้าใจแล้ว" พันตรีบีนยอมรับ "เราเป็นห่วงเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนที่เสียชีวิตไปแล้วของเรา เราอยากจะให้แน่ใจว่า มันคือสิ่งแรกที่อยู่ในหัวของทุกคน แต่เมื่อเราได้มาสัมผัส เราสนุกกับงานถ่ายทำภาพยนตร์จริงๆ พวกเขาได้แสดงให้เราเห็นว่าพวกเขาสนใจในความทรงจำที่ผู้คนมีต่อเพื่อนๆ ทหารของเราจริงๆ ดังนั้น ความกังขาต่างๆ จึงหายไป และคนของเราก็ยิ่งสนุกสนานกับประสบการณ์ครั้งนี้มากขึ้น" ถึงแม้ว่าทีมแรนเจอร์ส่วนใหญ่จะเดินทางออกจากโมร็อคโคหลังจากการถ่ายทำฉากปฏิบัติการเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ก็มีแรนเจอร์อีกจำนวนหนึ่งยังคงปักหลักอยู่กับกองถ่ายเพื่อเข้าฉากแสดงต่อไป เช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์และนักบินประจำเครื่อง ผู้ประสานงานสตั๊นต์ ฟิล นีลสัน และผู้ช่วยของเขาซึ่งเป็นอดีตเนวี่ซิล คีธ วูลาร์ด เริ่มทำงานกับทีมแรนเจอร์ตัวจริง ซึ่งทำงานปะปนอยู่กับทีมงานที่เป็นสตั๊นต์แมน "การรวมตัวกันระหว่างทหารจริงๆ กับทีมสตั๊นต์ของเราเป็นไปด้วยดี" นีลสันกล่าว "ทั้งสองฝ่ายต่างมีความนับถือในงานของกันและกัน ทีมแรนเจอร์จะทำหน้าที่เป็นมือปืนอยู่บริเวณภาคพื้นดิน พวกเขาไม่กลัวที่จะต้องลงไปคลุกฝุ่นอยู่ที่นั่น และทางกองทัพก็สอนอะไรต่อมิอะไรมากมายให้กับสตั๊นต์แมนของเราด้วย" ทหารหลายคนที่เคยต่อสู้หรือทำหน้าที่อยู่ในการต่อสู้จริงๆ ได้รับการว่าจ้างให้เดินทางมายังโมร็อคโค ในฐานะส่วนหนึ่งของทีม 75th Ranger Regimment หรือทีม 160th SOAR หรือถ้าใครไม่ได้สังกัดอยู่ในกองทัพอีกต่อไป ก็พากันเดินทางมายังอัฟริกาเหนือเพื่อจะได้เห็นงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับตาตัวเอง นอกเหนือจากจอห์น คอลเลตต์ แล้ว ชอว์น เนลสัน ซึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down บทบาทของเขารับบทแสดงโดยยวน เบรมเนอร์ ยังเข้ามามีบทบาททำงานในฉากต่อสู้นี้ด้วย เช่นเดียวกับคาร์ลอส รอดริเกซ ซึ่งเคยได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และสามารถต่อสู้กับอาการบาดเจ็บจนหายดีได้ คอลเลตต์รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาพบปะกับจ่าสิบเอกฌอน วัตสัน ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มชอล์กกลุ่มที่ 3 ของเขา ตัวอย่างที่น่าประทับใจที่สุดที่แสดงให้เห็นถึงภาพในภาพยนตร์ที่เลียนแบบภาพในชีวิตจริง ก็คือ ตอนที่เจ้าหน้าที่เสนาธิการ คีธ โจนส์ แห่งหน่วยบิน 160th SOAR ซึ่งได้รับการว่าจ้างให้เดินทางมายังโมร็อคโคพร้อมกับนักบินคนอื่นๆ ได้รับการเรียกตัวให้มาเข้าฉากที่แสดงให้เห็นถึงการกระทำอันกล้าหาญของเขาเองในระหว่างการต่อสู้ในฐานะนักบินประจำเครื่องลิตเติลเบิร์ด สตาร์ 41 แต่เริ่มเดิมที เครื่องสตาร์ 41 จะต้องทำหน้าที่ขนส่งทหารหน่วยเดลต้าไปยังอาคารเป้าหมาย แต่หลังจากที่เครื่องซูเปอร์ซิกซ์วันของคลิฟฟ์ วอลค็อตต์ถูกยิงตก โจนส์พร้อมด้วยนักบินที่สอง คาร์ล ไมเออร์ ได้บังคับเครื่องให้ลงจอดในจุดที่ซูเปอร์ ซิกซ์วันตกอย่างกล้าหาญ เพื่อช่วยเหลือชายสองคนจากซากเครื่อง ท่ามกลางการระดมยิงจากฝ่ายโซมาเลีย โจนส์ ซึ่งเป็นผู้ชายที่ถ่อมเนื้อถ่อมตัวที่สุดไม่เคยเรียกร้องขอเล่นเป็นตัวเองในภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down นี้เลย เขายังคงทำตามคำสั่งเหมือนที่เขาเคยทำเมื่อแปดปีที่แล้ว และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะหวนระลึกถึงความทรงจำในเหตุการณ์จริงเมื่อวันถ่ายทำมาถึง แดน บัสช์ หนึ่งในพลแม่นปืนประจำหน่วยเดลต้าที่โจนส์ได้ช่วยชีวิตเอาไว้ Black Hawk Down (รับบทแสดงโดยริชาร์ด ไทสัน) ต้องเสียชีวิตลงเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวหลังจากที่โจนส์ช่วยเหลือเขาออกมาจากที่เกิดเหตุได้ไม่นาน บุคคลอีกคนหนึ่งที่แวะเวียนมาเยี่ยมดูงานถ่ายทำ ก็คือ อดีตจ่าสิบเอกฝ่ายเสนาธิการ แม็ตต์ เอฟเวอร์สแมนน์ ซึ่งรับบทแสดงโดยจอช ฮาร์ตเน็ตต์ ถึงแม้ว่าเอฟเวอร์สแมนน์และฮาร์ตเน็ตต์จะเคยพูดคุยกันมาแล้วทางโทรศัพท์ แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยพบกันซึ่งๆ หน้ามาก่อน จนถึงวันที่เอฟเวอร์สแมนน์เดินทางมายังฉากค่ายผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติที่ทีมงานสร้างขึ้นที่โรงถ่ายในเซล "วันแรกที่ผมเดินเข้าไปยังกองถ่าย" เอฟเวอร์สแมนน์เล่า "มันทำให้ผมต้องขนลุกเพราะมันดูเหมือนกับโซมาเลียมากทีเดียว ผมถึงกับผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว มันเหมือนมากจริงๆ" นายพลผู้นำทัพอย่างเงียบสงบ ถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยต่องานถ่ายทำที่ยาวนาน การต้องจากบ้านและคนที่รัก และงานถ่ายทำที่ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ แต่ทีมนักแสดงหลักๆ ต่างประทับใจกับความสมบูรณ์แบบและความเป็นมืออาชีพของริดลีย์ สก็อตต์ นายพลตัวจริงของพวกเขา สก็อตต์ ซึ่งสั่งการอยู่หลังจอมอนิเตอร์อย่างเงียบๆ ควบคุมความวุ่นวายอย่างเยือกเย็น ("เขาคือดวงตาที่อยู่ใจกลางของพายุทอร์นาโด" ทอม ไซซ์มอร์บอกไว้เช่นนั้น) ให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียด นักแสดงและทีมงานทุกคนสามารถเดินเข้าไปพูดคุยกับเขาได้เสมอ ในระหว่างที่ทีมงานเตรียมการจัดฉากแอ็กชั่นที่มีความซับซ้อนอยู่นั้น สก็อตต์จะวางแผนสิ่งที่มีคนตั้งชื่อให้ว่า "ริดลีย์แกรมส์" โดยเขาจะวางคอนเซปต์ซีนต่างๆ ด้วยการใช้ปากกาและหมึกวาดเป็นภาพออกมา สก็อตต์มักจะวาดภาพฉากที่เขากำลังจะถ่ายทำออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเขารู้ดีว่าเขากำลังมองหาอะไรอยู่เมื่อฉากนั้นๆ ใกล้ถึงเวลาถ่ายทำ ภาพสเก็ตช์จากฝีมือของสก็อตต์นับว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เพราะทำให้เขาสามารถนำภาพดังกล่าวไปให้กับทีมนักแสดงและทีมงานได้ดูว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นเป็นอย่างไร "ริดลีย์คืออัจฉริยะทางด้านภาพ" จอช ฮาร์ตเน็ตต์บอก "เขาวาดภาพสตอรี่บอร์ดขึ้นมา ซึ่งมันน่าทึ่งมาก และเมื่อคุณได้เห็นชอตเหล่านั้นในภายหลัง มันแทบจะออกมาเหมือนกับภาพที่ริดลีย์ได้วาดเอาไว้เลย เขาทุ่มเทให้กับเรื่องนี้ และเขาก็รู้เรื่องทุกอย่างที่สมควรจะรู้เกี่ยวกับงานสร้างหนัง" ยวน แม็คเกรเกอร์ให้ความเห็นว่า "ผมจำไม่ได้ว่าเคยร่วมงานกับผู้กำกับคนไหนที่รู้แน่ชัดขนาดนี้ว่าเขาต้องการอะไรหรือจำเป็นต้องมีอะไร ผมไม่เคยเจอริดลีย์ในสภาพที่ยืนงุนงงกับอะไรเลย และเขาก็ถ่ายทำภาพยนตร์ในแบบที่เขาตั้งใจจะตัดต่อมัน ซึ่งมันช่วยประหยัดเวลาได้มาก เขาเป็นคนที่มีความละเอียดลออ ผมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องทำให้คุณได้ไอเดียที่ชัดเจนแน่ว่า การต่อสู้ในโมกาดีชูในวันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง" "ไม่มีใครใดในโลกที่อยู่ภายใต้ความกดดันขนาดนั้น แล้วยังดูสงบเยือกเย็นอยู่ได้" อีริค บาน่ากล่าว "ผมไม่รู้ว่าริดลีย์กินยาขนานไหนเข้าไป หรือเขาเล่นโยคะท่าไหน แต่เขาดูเป็นคนที่ผ่อนคลายที่สุดในกองถ่ายก็ว่าได้ เหลือเชื่อจริงๆ ที่ได้มาสัมผัสกับจินตนาการและงานศิลปะแบบนี้" "ริดลีย์มีพรสวรรค์ด้านภาพเหนือคนอื่น" เจสัน ไอแซ็คส์ยืนยัน "ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมเดินทางมาถึงกองถ่าย เขาพูดขึ้นว่า 'ผมได้วาดภาพเล็กๆ พวกนี้ในรถเพื่อจะเอามาให้คุณดูจะได้รู้ว่าในฉากนั้นเกิดอะไรขึ้น' แล้วผมก็คิดว่า 'ให้ตายซิ เขาทำแบนั้นในรถอย่างงั้นเหรอ ผมขอภาพพวกนั้นกลับบ้านไปด้วยสักรูปได้ไหม' ริดลีย์ไม่เคยสงสัยเลยแม้แต่น้อยกว่าควรจะตั้งกล้องเอาไว้ตรงไหน หรือจะทำอะไรในช่วงเวลาไหน เขาทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน" วิชวล เอฟเฟกต์ : การเสริมสร้างความสมจริง สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Gladiator ทิม เบิร์ก วิชวล เอฟเฟกต์ซูเปอร์ไวเซอร์คว้ารางวัลออสการ์จากการไปช่วยสร้างโลกในสมัยโบราณอันยิ่งใหญ่ โดยใช้ความมหัศจรรย์ทางด้านเทคโนโลยีของเทคนิคซีจีไอ (การสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์) เบิร์กได้เผชิญหน้ากับภารกิจที่คล้ายๆ กันกับงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down "งานของผมคือการทำงานประสานไปอย่างใกล้ชิดกับริดลีย์ สก็อตต์และอาร์เธอร์ แม็กซ์ โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ เพื่อช่วยกันสร้างเอฟเฟกต์อย่างที่พวกเขาต้องการให้มีในภาพยนตร์เรื่องนี้" เบิร์กอธิบาย "แต่เริ่มเดิมที เราคิดกันแค่จะเข้ามาทำงานในส่วนของฉากเครื่องบินตกเท่านั้น แต่แล้วบทบาทของเราก็เพิ่มขยายมากขึ้นในระหว่างการถ่ายทำ สำหรับฉากสนามกีฬาที่อยู่ในความควบคุมของสหประชาชาติ พวกเขาไปถ่ายทำกันที่โลเกชั่นในเซล แต่สเตเดียมของจริงนั้นเป็นการสร้างขึ้นแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องขยายตัวสเตเดียมให้มีความสมบูรณ์ในคอมพิวเตอร์ และยังช่วยเพิ่มองค์ประกอบที่มันไม่ได้มีอยู่จริงเข้าไปด้วย ผมดีใจที่เราเคยมีประสบการณ์มาแล้วเมื่อพิจารณาจากงานที่เราสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่อง Gladiator เราจึงมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น อย่างเช่นในเรื่องของระเบิด ประกายไฟ ลูกกระสุน และฝุ่นละอองต่างๆ" นี่เป็นอีกครั้งที่เบิร์กต้องช่วยเสริมความสมจริงให้กับภาพด้วยการผสานงานวิชวลเอฟเฟกต์เข้ากับการถ่ายทำในกองถ่าย ดังนั้นงานทั้งสองด้านจึงผสานเข้ากันอย่างไร้รอยต่อ ตัวอย่างหนึ่งของการผสมผสานงานนี้ปรากฏขึ้นในฉากหนึ่งที่ระเบิดของชาวโซมาเลียถูกยิงไปยังเครื่องแบล๊กฮอว์กที่บินโฉบเฉี่ยวอยู่บนท้องฟ้า เป็นเหตุให้พลทหารแบล๊กเบิร์นตกจากเชือกมาสู่พื้นจากความสูง 60 ฟุต "มีการออกแบบฉากที่มีความซับซ้อนไว้แล้ว ซึ่งเป็นฉากที่จำเป็นต้องมีในการเล่าเรื่อง ดังนั้นเราจึงทำงานประสานไปพร้อมกับปีโทร สกาเลีย ซึ่งเป็นมือตัดต่อภาพ และการถ่ายทำชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องแบล๊กฮอว์กขณะกำลังบิน จากนั้นเราได้นำชอตที่ได้ตัดต่อเข้ากับชอตอื่นๆ และใส่มันเอาไว้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จากนั้นเราก็เพิ่มจรวดที่เราสร้างจากคอมพิวเตอร์ยิงเข้าใส่เครื่องแบล๊กฮอว์ก ชอตสุดท้ายก็คือการผสมสองเทคนิคเข้าด้วยกัน ระหว่างการถ่ายทำจริงและการใช้ภาพกราฟฟิกจากคอมพิวเตอร์" "สำหรับฉากเครื่องแบล๊กฮอว์กลำแรกตก เราใช้เทคนิคคล้ายๆ กัน" เบิร์กเล่าต่อ "งานของเราก็คือการกำจัดเส้นลวด และสายเคเบิลจากเครื่องแบล๊กฮอว์กของนีล คอร์บูลด์ที่มันติดเอาไว้กับลวดสลิง จากนั้นเราก็ใช้ภาพกราฟฟิกจากคอมพิวเตอร์เพิ่มส่วนใบพัดและเครื่องยนต์กลไกต่างๆ เข้าไป เมื่อคุณได้เห็นตัวภาพยนตร์ ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์จะกระแทกลงกับพื้น หักกระจาย และลอยผ่านกล้องไป ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นส่วนที่เราเพิ่มเข้ามาทีหลังด้วยคอมพิวเตอร์" ภารกิจประสบความสำเร็จ งานถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down สิ้นสุดลงในวันที่ 29 มิถุนายน ณ ฐานทัพอากาศโมร็อคโค่ ในเคนิทรา หลังจากถ่ายทำมานานถึง 92 วันนับจากเริ่มต้นถ่ายทำวันแรก ย้อนกลับไปในซิดิ มูสซ่า ทีมศิลปกรรมไม่เพียงแต่จะต้องซ่อมตัวอาคารต่างๆ ของอะเวนิว นาสเซอร์ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเท่านั้น แต่อันที่จริงยังทำให้มันดูเสน่ห์มากขึ้นกว่าเก่าด้วย อาคารเป้าหมายถูกรื้อถอน และสนามกีฬาที่ว่างเปล่ากลายสภาพไปเป็นสนามฟุตบอลอีกครั้ง สำหรับชาวเมืองเซล ชีวิตกลับคืนสู่สภาพปกติอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนบอกว่า พวกเขาคิดถึงความตื่นเต้นและความคึกคักของงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down ก็ตาม บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่บรัคไฮเมอร์และสก็อตต์จะต้องก้าวเข้าสู่งานโพสต์โปรดักชั่นอันซับซ้อน ร่วมกับปีโทร สกาเลีย มือตัดต่อภาพระดับรางวัลออสการ์ที่กลับมาร่วมงานกับริดลีย์ สก็อตต์เป็นครั้งที่ 4 แล้ว (สามครั้งแรกคือภาพยนตร์เรื่อง G.I.Jane, Gladiator และ Hannibal) และฮันส์ ซิมเมอร์ ที่เข้ามารับหน้าที่แต่งดนตรีประกอบให้ ซิมเมอร์ ซึ่งเป็นผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วเช่นกัน เคยแต่งดนตรีให้กับภาพยนตร์ของบรัคไฮเมอร์มาแล้วหลายเรื่องด้วยกัน อาทิเช่น Days of Thunder, Crimson Tide, The Rock และ Pearl Harbor รวมไปถึงภาพยนตร์ของสก็อตต์ด้วยอย่างเรื่อง Black Rain, Thelma and Louise, Gladiator และ Hannibal และเขาก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์อันยาวนานกับทั้งบรัคไฮเมอร์และสก็อตต์เสมอมา (ยังมีต่อ) -สส-

ข่าวภาพยนตร์เรื่อง+ประชาสัมพันธ์วันนี้

ภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล SPU พานักศึกษาชมหนัง "The Stone พระแท้ คนเก๊" พร้อมเจาะลึกเบื้องหลังกับผู้กำกับมืออาชีพ

คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมกับ บริษัท จังก้า พลัส สตูดิโอ จำกัด จัดกิจกรรมเอ็กซ์คูลซีฟ โดยพานักศึกษารหัส FD65 และ FD67 กว่า 1,000 คน ร่วมกิจกรรมชมภาพยนตร์พร้อม Pro Talk เจาะลึกเบื้องหลังการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "The Stone พระแท้ คนเก๊" ณ โรงภาพยนตร์ SF เซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา กิจกรรมนี้ นักศึกษาได้เข้าร่วม Pro Talk ฟังประสบการณ์ตรงจากวิทยากรพิเศษ คุณเป้ -อารักษ์ อมรศุภศิริ และ คุณบีวุฒิพงษ์ สุขะนินทร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ เรื่อง The

เผย "ตัวอย่างแรก" ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจาก... เกิดอะไรขึ้นที่ "ท่าแร่" — เผย "ตัวอย่างแรก" ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ "ธี่หยด 1-2" สู่ความสยองที่ไม่เคยพบเจอ 7 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ เตรียม...

พร้อมให้สตรีมกันวันที่ 25 มิ.ย. นี้! บน D... Marvel Television เผยตัวอย่างและโปสเตอร์ใหม่ของ "Ironheart" ซีรีส์ฮีโร่มาร์เวลเรื่องใหม่ — พร้อมให้สตรีมกันวันที่ 25 มิ.ย. นี้! บน Disney+ Hotstar เท่านั้...

ปล่อยมาให้ได้ชมกันแล้วกับโปสเตอร์และตัวอย... ตัวอย่างล่าสุด Superman เตรียมพร้อมออกพุ่งทะยาน 10 กรกฏาคม ในโรงภาพยนตร์ — ปล่อยมาให้ได้ชมกันแล้วกับโปสเตอร์และตัวอย่างล่าสุด "Superman" ภาพยนตร์เรื่องแรก...

GDH เปิดตัว GDH Upcoming Project Lineup ห... 'GDH' เปิด Upcoming Project Lineup หนังปี 2569 3 เรื่อง 3 แนวให้ได้ชมกันแบบครบรส — GDH เปิดตัว GDH Upcoming Project Lineup หนังปี 2569 3 เรื่อง 3 แนวให้ได...

ภาพยนตร์แฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ ถ่ายทอดวัฒนธรร... "Creation of the Gods II: Demon Force กำเนิดเทพเจ้า ตอน มหาศึกเทพยุทธ" — ภาพยนตร์แฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ ถ่ายทอดวัฒนธรรมจีนสู่สายตาชาวโลก 15 พ.ค. นี้ ฉายแสง แอ...

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหลังที่โดดมารับบท มูซา... "เจ๋ง บิ๊กแอส" กล้าท้าพิสูจน์โลกหลังความตายของ ญิน ในภาพยนตร์ "4 ป่าช้า" — ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหลังที่โดดมารับบท มูซา ในภาพยนตร์ 4 ป่าช้า ตอนญิน สำหรับ เจ๋...