กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--บีโอไอ
รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ของกัมพูชาให้เกียรติร่วมงานสัมมนาในงาน "เชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทย BUILD Thailand" ชวนนักลงทุนไทยลงทุนในกัมพูชา ชู 5 อุตสาหกรรมเด่น ท่องเที่ยว เกษตร การเงินการธนาคารและประกันภัย การค้าและศูนย์กระจายสินค้า และการส่งออก พร้อมแนะหากลงทุนในกัมพูชาจะได้รับสิทธิพิเศษภาษีศุลกากร GSP เมื่อส่งออกไปกลุ่มประเทศอียู
นายไพโรจน์ โสมภูติ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงการจัดสัมมนาภายในงาน "เชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทย BUILD Thailand" ว่า ในวันนี้ (23 สิงหาคม 2545) บีโอไอได้รับเกียรติจากนาย Sok Siphana รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศกัมพูชา และนาย Sok Chenda เลขาธิการสภาพัฒนาแห่งประเทศกัมพูชา มาบรรยายในการสัมมนาหัวข้อ "โอกาสและลู่ทางการลงทุนในกัมพูชา" ซึ่งได้รับความสนใจจากนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้สนใจทั้งชาวไทยและต่างประเทศประมาณ 100 คน
"กัมพูชาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจเข้าไปลงทุน เนื่องจากมีทรัพยากรทางธรรมชาติมากมาย ประกอบกับสถานการณ์ในประเทศมีความมั่นคงแล้ว รัฐบาลกัมพูชาเองก็เป็นรัฐบาลที่มีแนวคิดและมุมมองด้านการทำธุรกิจ ซึ่งพร้อมจะสนับสนุนนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างเต็มที่ บีโอไอจึงไม่อยากให้นักลงทุนไทยพลาดโอกาสดีๆ ในการลงทุน" รองเลขาธิการบีโอไอกล่าว
ด้านนาย Sok Siphana รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศกัมพูชากล่าวว่า ประเทศไทยกับกัมพูชาจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP จากการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศอียู ซึ่งหากนักลงทุนไทยไปลงทุนเพื่อการส่งออกที่กัมพูชา ก็จะได้รับสิทธิดังกล่าว แต่หากส่งออกจากประเทศไทยจะไม่ได้รับสิทธิ GSP
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์แห่งกัมพูชายังกล่าวว่า ไทยและกัมพูชามีความเหมาะสมในการร่วมมือกันด้านการค้าและการลงทุน เพราะไทยเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการผลิตและคุณภาพแรงงาน ตลอดจนมีประสบการณ์ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการลงทุนที่กัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานมากมายรองรับการลงทุน
ด้านนาย Sok Chenda เลขาธิการสภาพัฒนาแห่งประเทศกัมพูชา กล่าวว่า แม้ว่ากัมพูชาจะมีปัญหาทางการเมืองในอดีต แต่ปัจจุบันการเมืองของกัมพูชามีความมั่นคง นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2541นอกจากนี้กัมพูชายังมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจด้วย และในเร็วๆ นี้ กัมพูชาจะมีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนครั้งใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การปรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี การปรับระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติโครงการให้รวดเร็วขึ้น และการให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ซึ่งสามารถให้บริการตั้งแต่การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน การขออนุญาตตั้งโรงงานและครอบครองที่ดิน การขอใบอนุญาตทำงาน ฯลฯ
สำหรับธุรกิจที่น่าเข้ามาลงทุนในกัมพูชานั้น ประกอบด้วย ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เกษตรกรรม การเงินการธนาคารและประกันภัย การค้าและศูนย์กระจายสินค้า และธุรกิจเพื่อการส่งออกซึ่งกัมพูชามีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย รวมทั้งรัฐบาลก็มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นนโยบายเปิดน่านฟ้าเสรีให้สายการบินจากต่างประเทศบินตรงมายังเสียมเรียบได้ ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในกัมพูชาเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 20% แต่ในปีที่ผ่านมา 2544 มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากถึง 600,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 30%
การทำธุรกิจด้านเกษตรกรรมก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่กัมพูชามีความพร้อมรองรับการลงทุน เพราะเป็นอาชีพพื้นฐานของประชากรกัมพูชา ประกอบกับกัมพูชามีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก เช่น ที่ดิน แหล่งน้ำและสัตว์น้ำธรรมชาติ ตลอดจนทรัพยากรป่าไม้ โดยมีกิจการที่น่าเข้ามาลงทุน อาทิ การปลูกข้าวพันธุ์ต่างๆ อาหารแปรรูป ผลไม้กระป๋อง ฯลฯ
ภาคการเงิน การธนาคารและการประกันภัยก็เป็นกิจการที่กัมพูชาอยากให้มีการลงทุน โดยในปี 2542 ได้มีการออกกฎหมายเสรีในการประกอบธุรกิจเหล่านี้ เช่น เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้น 100% นอกจากนี้ยังมีกิจการประเภทการค้าและศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งเชื่อว่าหากนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุน จะมีผลประกอบการดีอย่างแน่นอน เพราะกัมพูชามีผู้บริโภคอยู่ในวัยหนุ่มสาวซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจสินค้าใหม่ๆ จำนวนมาก และกัมพูชาก็มีเสรีภาพในการตั้งธุรกิจค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ กลางหรือเล็ก ก็สามารถทำได้
สำหรับอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ไทยและกัมพูชาจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะข้อดีเรื่องทำเลที่ตั้งของทั้งสองประเทศ ซึ่งแหล่งรองรับการลงทุนในกัมพูชาคือ ปอยเปต เสียมเรียบ และเกาะกง ล้วนแต่อยู่ใกล้กับประเทศไทย สามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ได้รวดเร็วโดยใช้ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบังของไทย--จบ--
-นห-
เมื่อวันที่ 21-26 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารจากบริษัท กรุ๊ป วิศวภัณฑ์ จำกัด ได้เดินทางเข้าร่วมงาน The 19th China International Machine Tool Exhibition (CIMT 2025) ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกลและระบบอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย การเข้าร่วมงานในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการติดตามแนวโน้มเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องจักรประเภทเครื่องกลึงซีเอ็นซีและเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของอุตสาหกรรมการผลิตยุคใหม่ ภายในงาน
กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--บีโอไอ บีโอไอปรับปรุงการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนให้สอดรับกับการดำเนินธุรกิจในยุค Economy of speed นำระบบอินเทอร์เน็ตมาใช้ในการออกเอกสารสั่งปล่อยวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิต...
กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--บีโอไอ บีโอไอหนุนอุตสาหกรรมเกษตร อนุมัติส่งเสริมคนไทยดำเนินกิจการเลี้ยงไก่เนื้อและไก่สดแช่แข็งอีก 5 โครงการใหญ่ มูลค่าลงทุนรวมเกือบ 1,200 ล้านบาท หวังรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต เผยมูลค่าส่งออก...