บทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง ขนระห่ำไปบี้นรก (The Transporter) กำหนดฉาย 11 ตุลาคม

10 Sep 2002

กรุงเทพฯ--10 ก.ค.--Twentieth Century Fox

อดีตเจ้าหน้าที่กองกำลังพิเศษ แฟรงค์ มาร์ติน ใช้ชีวิตเรียบง่ายแถบชายฝั่งเฟรนช์ เมดิ-เตอเรเนียน โดยมีอาชีพเป็น "คนส่งของ" รับจ้างถ่ายเทสินค้า - คน และสารพัดสิ่ง - จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยไม่เคยตั้งคำถามใดๆ

งานขนส่งด้วยรถเมอร์เซเดซดัดแปลงของเขา แม้บางครั้งจะต้องเกี่ยวข้องกับความลึกลับ และเสี่ยงอันตราย แต่แฟรงค์ผู้ยึดคติในการทำงานไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่เคยละเมิดกฎที่เขาตั้งไว้ นั่นคือ ข้อที่หนึ่ง: ไม่เปลี่ยนข้อตกลง ข้อที่สอง: ไม่ถามชื่อ - แฟรงค์ไม่ต้องการรู้ว่าเขาทำงานให้ใคร หรือสิ่งที่เขากำลังขนส่งอยู่คืออะไร ข้อที่สาม : ไม่ดูของในหีบห่อ

งานส่งของชิ้นล่าสุดของเขาดูไม่ต่างไปจากคราวก่อนๆ ที่ผ่านมาแล้วนับไม่ถ้วน เขาถูกว่าจ้างโดยชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฉายา "วอลล์ สตรีท" (ดูกฎข้อที่สอง) เพื่อจัดการส่งของไปยังจุดหมาย แต่เมื่อแฟรงค์หยุดพักระหว่างทาง เขาสังเกตุเห็นว่า "พัสดุ" ขยับเขยื้อนได้ เขาจึงละเมิดกฎข้อที่สาม และพบว่าสิ่งที่อยู่ภายในห่อ คือสาวสวยที่ถูกอุดปากไว้

ความพยายามที่จะรักษากฎอีกสองข้อที่เหลือ - ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่รอดของแฟรงค์ - ดูจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง และกลับนำพาเขาและเพื่อนใหม่ไปสู่ความลับอันน่าตกใจ ความซับซ้อนเชิงมรณะ และสิ่งสุดท้ายที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าตนจะเชื่อได้ว่า : กฎมีไว้ให้ละเมิด

ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ เสนอผลงานจากยูโรปาคอร์ป โปรดักชั่น จากการร่วมสร้างของ TF1 ฟิล์ม โปรดักชั่น และเคอเรนท์ เอนเตอร์เทนเมนท์ และ คาแนล +, นำแสดงโดย เจสัน สแตทแฮม และซูฉี ใน THE TRANSPORTER ร่วมแสดงโดยฟรังซัว เบอร์ลีนด์ และแมท ชูลซ์ กำกับการแสดงโดยคอรี่ หยวน บทภาพยนต์โดย ลุค เบซซ็อง & โรเบิร์ต มาร์ค คาเมน และกำกับศิลป์โดย ลูอิส เลทเทอเรีย อำนวยการสร้างโดย ลุค เบซซ็อง & สตีเวน เชสแมน กำกับภาพโดย ปิแอร์

มอเรล และออกแบบฉากโดย ฮิวกิส ทิสซานเดียร์ ลำดับภาพโดยนิโคลัส เทรมบาซีวิค และ

ออริจินัลสกอร์โดย สแตนลีย์ คลาร์ค

จากผลงานลือชื่อสองเรื่องก่อนหน้า ในหนังตลกสร้างสรรค์ของ กาย ริชชี่ "Lock, Stock and Two Smoking Barrels" และ "Snatch" ดาราอย่างเจสัน สแตทแฮม ยังอาจไม่เป็นตัวเลือกใหม่ที่สะดุดตาสำหรับหนังแอคชั่นฮอลลีวู้ดเท่าไรนัก แต่หลังจากได้พบกับผู้สร้างหนังชื่อดังลุค เบซซ็อง เมื่อต้นปีที่แล้ว ("La Femme Nikita," "The Professional") สแตทแฮมได้ถูกกำหนดให้เข้าสู่เส้นทางที่พาเขาไปสู่บทบาท "ผู้ส่งของ" ซึ่งพึงใจกับตนเองและบางครั้งต้องเสี่ยงกับอันตราย ในภาพยนต์เรื่องล่าสุดของเบซซ็อง

สตีเวน เชสแมนผู้จัดการส่วนตัวของสแตทแฮม (ซึ่งรับหน้าที่อำนวยการสร้างในเรื่อง THE TRANSPORTER ด้วย) เคยร่วมงานมากับเบซซ็องใน "Kiss of the Dragon" ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว เขารู้ว่าเบซซ็องเป็นคนที่มองพรสวรรค์ของคนออก - นาตาลี พอร์ทแมน ก็เป็นคนหนึ่งจากการค้นพบของเขา - เชสแมนทาบทามเบซซ็องให้มาพบกับแสตทแฮม เบซซ็องประทับใจในตัวนักแสดงคนนี้มาก จนกระทั่งยอมรับการร่วมกับโรเบิร์ต มาร์ค คาเมน ในการเขียนบทภาพยนต์เรื่องราวระทึกขวัญซึ่งเขียนขึ้นมาเพื่อ สแตทแฮม โดยเฉพาะ

สำหรับสแตทแฮม ผู้เป็นแฟนของเบซซ็องมาตลอดชีวิต การได้พบปะพูดคุยกับผู้สร้างในครั้งนั้น นับว่าเป็นประสบการณ์แห่งความทรงจำ "ผมไม่อยากเชื่อว่าได้นั่งในห้องเดียวกับเบซซ็อง คุยกันถึงการได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องใหม่ของเขา!" เขาทวนความจำ "ความจริงที่ว่าเขาจะเขียนเรื่องให้กับผมยิ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ช่างเป็นอภิสิทธิ์สำหรับนักแสดงเสียนี่กระไร!"

ผู้ร่วมเขียนของเบซซ็อง โรเบิร์ต มาร์ค คาเมน ซึ่งเคยรับหน้าที่เดียวกันนี้ให้กับเรื่อง "Kiss of the Dragon" และหนังไซ-ไฟเรื่องฮิตของเบซซ็อง "The Fifth Element" ก็รู้สึกประทับใจกับ สแตทแฮมด้วยเช่นกัน "เจสันมีบางอย่างที่ดารานำหนังแอ็คชั่นส่วนใหญ่ขาด : ความเป็นคนและความสุภาพ ซึ่งแสดงออกมาแม้ว่าบทบาทของเขาในตัวแฟรงค์อาจจะเป็นพวกแข็งกร้าวก็ตามที" คาเมนกล่าว "ลุคคิดว่า เจสันไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้ชมด้วยการแสดงแอ็คชั่นเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขาสะเทือนใจและรู้สึกเห็นอกเห็นใจได้"

คาเมนยังเห็นจากผลงานคุณภาพของสแตทแฮมทั้งในเรื่อง "Lock, Stock and Two Smoking Barrels" และ"Snatch" ซึ่งจะกลายมาเป็นบุคลิกพื้นฐานของแฟรงค์ใน THE TRANSPORTER "ตอนที่ได้ดูเจสันในหนังของกาย ริชชี่ ผมสังเกตทันทีว่าเจสันรู้ดีว่าจะนิ่งได้อย่างไร คุณจะจับตาเขาอย่างใกล้ชิด เพราะเขาจะเงียบและไม่กระโตกกระตาก ฉะนั้นเวลาที่เขาทำอะไรในจอ คุณจะตั้งใจดูเขา - เขาดึงดูดคุณได้ "

สแตทแฮมกล่าวว่าความนิ่งของแฟรงค์เป็นการเพิ่มสมดุลย์ให้กับความสามารถทางกายภาพของตัวละคร และเป็นการลบความดุดันของดาราแอ็คชั่นฮีโร่ "แฟรงค์ชอบทำอะไรง่ายๆ" นักแสดงหนุ่มกล่าว "เขาใช้ชีวิตเงียบๆ แถวฝรั่งเศสตอนใต้ ; ตั้งกำแพงให้กับตนเอง ที่สำคัญที่สุด เขาตั้งกฎที่ตนเองไม่เคยละเมิด"

"แฟรงค์ไม่ใช่ฆาตกรหรือมือสังหาร ; เขาเป็นอะไรที่แตกต่าง" สแตทแฮมเสริม "เขาสามารถหักคอคนที่ปองร้ายได้สบายๆ แต่เขาจะทำสิ่งที่รุนแรงน้อยกว่า เพื่อสกัดพวกมันไว้ชั่วคราว ไม่ใช่แบบถาวร ผมชอบเรียกแฟรงค์ว่า 'นักต่อสู้ด้วยสมอง' เพราะเขาใช้เทคนิคแบบมีสไตล์ เขาไม่อยากฆ่าใคร และไม่ได้สนุกกับการต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญ"

ในขณะที่เบซซ็องและคาเมนจงใจเขียนบทแฟรงค์ให้กับสแตทแฮม จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวนักแสดงเองมีความเป็นนักกีฬาที่น่าประทับใจ สืบเนื่องจากหลายปีของการฝึกซ้อมชกมวย ศิลปะป้องกันตัว (ทั้ง "เบา" และ "หนัก" , คิกบ็อกซิ่ง , และสกูบ้าไดฟ์วิ่ง "เจสันมีทั้งพรสวรรค์ทางร่างกาย และความเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม" คอรี่ หยวน ผู้กำกับการแสดงเรื่อง THE TRANSPORTER กล่าว - เขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ออกแบบท่าแอ็คชั่นชื่อดังของโลก ซึ่งมีผลงานที่พิสูจน์ได้จาก "X-Men" และ "Kiss of the Dragon"

"ผมตื่นเต้นมากที่ในที่สุดก็มีโอกาสได้แสดงความสามารถทางกายภาพของผมในหนัง" สแตทแฮมหัวเราะ "ผมไม่เคยมีโอกาสได้ทำในหนังของกาย (ริชชี่) เลย"

หยวนทำให้สแตทแฮมเดินตามขั้นตอน โดยเฉพาะระหว่างช่วงแปดสัปดาห์ของการฝึกสอน/ซ้อม ซึ่งนักแสดงต้องทำงานอย่างหนักกับทีมต่อสู้และออกแบบท่าแอ็คชั่นซึ่งได้รับการคัดเลือกมาโดยเฉพาะจากผู้กำกับ หยวนได้ออกแบบฉากแอ็คชั่นการต่อสู้หลากหลาย รวมถึงการใช้น้ำมันเพื่อขับไล่เหล่ามือสังหาร และการใช้เสื้อสเวตเตอร์ของแฟรงค์ที่กลายมาเป็นอาวุธสังหาร "ในหนังทุกเรื่องผมพยายามสรรหาฉากแอ็คชั่นที่ผู้ชมไม่เคยเห็นมาก่อน" หยวนอธิบาย"แต่ละแอ็คชั่นควรมีสไตล์และความหมาย ผมไม่สนเทคนิคไฟกับการต่อสู้ที่มีเพียงแค่นั้น"

ระหว่างที่หยวนรับงานด้านฉากแอ็คชั่นให้กับ THE TRANSPORTER ผู้กำกับศิลป์อย่าง ลูอิส เลทเทอเรีย ก็ดูแลในด้านอื่นที่ละเอียดอ่อน และฉากดราม่า เมื่อได้มอบหน้าที่ให้กับบรรดาอัศวินที่ได้รับการเลือกสรรแล้ว เบซซ็อง ก็จะมาที่กองถ่ายเพียงบางครั้ง อย่างไรก็ดีเขาเป็นผู้ถ่ายทำฉากใต้น้ำ โดยอาศัยประสพการณ์ที่โชกโชนในการถ่ายทำใต้น้ำ (พิสูจน์ฝีมือได้จากงานกำกับของเบซซ็อง ในเรื่อง "Atlantis" และ "The Big Blue.") รวมทั้งพื้นฐานการเป็นนักดำน้ำของสแตทแฮม

เพื่อสร้างสีสันให้มากขึ้นกับฉากต่างๆ สแตทแฮมได้รับการฝึกโดยอดีตนักดำน้ำแห่งกองทัพเรือในถ้ำใต้น้ำใกล้เมืองมาร์เซล ในเมื่อตัวละคร แฟรงค์ เป็นคนที่แข็งเหมือนเหล็ก นักดำน้ำจึงตัดสินใจทดสอบความอึดและความใจเย็นของสแตทแฮม ด้วยการยึดไฟฉายและทิ้งให้นักแสดงหนุ่มอยู่กับความมืดมิดรอบข้าง "เวลาดำน้ำ" สแตทแฮมอธิบาย "ต้องไม่เกร็ง แม้ว่าจะอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก เราจะต้องไม่ตระหนก"

ผู้ที่ร่วมเข้าฉากนี้ รวมทั้งแทบทุกฉากกับสแตทแฮมก็คือซูฉี ผู้รับบท ไล หรือ "พัสดุ" ซึ่งเปลี่ยนชีวิตอันมีระบบของแฟรงค์ตลอดไป ในการคัดเลือกผู้แสดง เบซซ็องและผู้อำนวยการสร้าง สตีเวน เชสแมน ตั้งใจเสาะหานักแสดงที่มีทั้งพรสวรรค์และประสพการณ์ แต่ใหม่ต่อผู้ชม ในขณะที่ชูเป็นดาราเอเชียซึ่งมีผลงานหนังกว่า 40 เรื่อง แต่เธอก็ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในสายตาชาวโลก

เชสแมนเดินทางไปมาเลเซีย ที่ซึ่งซูฉี กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำภาพยนต์ เมื่อได้พบกับเธอ เขารู้สึกประทับใจมาก "ซูฉี เป็นดาราที่แท้จริง" เชสแมนกล่าว "เธอสวย และมีความสามารถบนจออันเหลือเชื่อ"

ชู เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องรับบทแอ็คชั่นและสตันท์ รวมถึงการต้องขดอยู่ในถุงในกระโปรงท้ายรถ และบางทีงานสตันท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ ก็คือการต้องเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยความช่วยเหลือของครูฝึกผู้เคียงข้างอยู่ตลอดเวลาการถ่ายทำของเธอ "ฉันว่าเป็นเรื่องยากที่สุด ตั้งแต่เคยเล่นหนังมาเลย!" เธอหัวเราะ

ดาราหนังฝรั่งเศสมือเก่า ฟรังซัว เบอร์ลีน รับบท ทาโคนี นักสืบตำรวจผู้สงสัยกิจการขนส่งของแฟรงค์ ว่าเกี่ยวพันกับงานผิดกฎหมายในท้องถิ่น ทาโคนีและแฟรงค์เกรงใจซึ่งกันและกัน แม้ว่าจะต่างอยู่กันคนละข้างของกฎหมาย อันที่จริง นักสืบผู้นี้เป็นความรู้สึกเกือบเหมือนเพื่อนของ แฟรงค์ผู้รักสันโดษ

สำหรับตัวร้ายของเรื่อง ผู้เขียนบท ลุค เบซซ็อง & โรเบิร์ต มาร์ค คาเมน เลือกที่จะเดินไปในทางตรงที่ไม่คาดฝัน โดยการสร้างนักฆ่าหฤโหด ซึ่งเรียกขานกันเพียง "วอลล์ สตรีท" (รับบทโดยแมท ชูลซ์ จาก "The Fast and the Furious") และเจ้าพ่ออาชญากรรมแห่งเอเชีย มร. ไกว

(ริค ยัง ซึ่งเคยสร้างความชั่วร้ายอันประทับใจไว้ในบทผู้รักการทรมาร ใน "Alias") "เราคิดว่าเป็นเรื่องสนุกที่จะเบี่ยงเบนและใช้ตัวละครที่ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศส" คาเมนกล่าว "วอลล์ สตรีท และไกว เป็นกาฝากที่เหมาะเหม็ง มาจากส่วนอื่นของโลก เพื่อประกอบธุรกิจอาชญากรรม ซึ่งไม่จำเป็นว่าพวกเขาจะก่อเหตุที่ใด"

ภูมิประเทศทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นมิใช่ทิวทัศน์สวยงาม หาดสวรรค์ ที่เราคุ้นเคยจากหนังนับไม่ถ้วนที่เราเคยผ่านตามาในอดีต "เป็นทางใต้ของฝรั่งเศสที่เต็มไปด้วยคอนเทนเนอร์ขนสินค้า, ถังน้ำมัน, และบ้านกับเรือเล็กๆ ที่ไม่มีคำบรรยาย" คาเมนกล่าว "มันไม่ใช่ประเภทวิวเดียวกับหนังเจมส์ บอนด์"

คาเมนและเบซซ็องรู้จักกันมากว่าสิบปี และการร่วมงานกันในเรื่องล่าสุด คือ "Kiss of the Dragon" จากการบอกเล่าของคาเมน ขั้นตอนการเขียนเรื่อง THE TRANSPORTER เป็นเสมือนลมหวนของความเข้มข้นและสร้างสรรค์ของเรื่องแบบ "เร็วและรุนแรง" อันเป็นการร่วมงานที่พวกเขาไม่ได้หยุดพัก "สิ่งที่เราทำ คือเขียน นอน และกิน" คาเมนทบทวนความจำ "เป็นงานเร่งรีบที่เกิดจากการระเบิดของพลังงานสร้างสรรค์ของลุค"

ในขณะที่เบซซ็อง และคาเมน กำลังอยู่ระหว่างการผสมผสานเรื่องราวทุกขั้นตอน มีอยู่อย่างหนึ่งที่ทั้งคู่เกิดขัดแย้งขึ้นมา "ในตอนแรก ลุคไม่ชอบชื่อ 'The Transporter'" คาเมนกล่าว เพราะในภาษาฝรั่งเศส 'transporteur' มีความหมายที่ไม่ค่อยมีระดับนัก แต่ผมยืนยันว่าเป็นชื่อที่ดีแล้ว - นั่นคือสิ่งที่ตัวเอกทำ เขาจัดส่ง โดยไม่เคยมีคำถาม"

นักแสดง

เจสัน สแตทแฮม (แฟรงค์) ผลงานแสดงเรื่องแรกในภาพยนต์อังกฤษที่ได้รับความสำเร็จอย่างสูง เรื่อง "Lock, Stock and Two Smoking Barrels" กำกับการแสดงโดย กาย ริชชี่ ไม่นานต่อมา เขาได้ร่วมงานกับริชชี่อีกครั้ง ในงานหนังแกงค์สเตอร์ เรื่อง "Snatch" ซึ่งเขา รับบท โปรโมเตอร์มวยชาวตุรกี ร่วมแสดงโดย แบรด พิท และเบนิซิโอ เดล โทโร

ล่าสุด เขาได้ร่วมแสดงในภาพยนต์ไซ-ไฟ ระทึกขวัญเรื่อง "The One" คู่กับ เจ็ท ลี และยังได้ร่วมแสดงกับวินนี่ โจนส์ เพื่อนร่วมงานจากเรื่อง "Lock, Stock and Two Smoking Barrels" ใน "The Mean Machine" ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำเรื่อง "The Italian Job" ร่วมแสดงโดย มาร์ค วอห์ลเบิร์ก , เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน และชาลิซ เธอรอน

ก่อนเข้าสู่การแสดง เจสันได้สร้างชื่อเสียงจากการเป็นนักดำน้ำระดับโลก เขายังเป็นสมาชิกดำน้ำทีมชาติของอังกฤษมากว่า 10 ปี และได้ร่วมในการแข่งขันโอลิมปิค ปี 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

ซูฉี (ไล) มีผลงานแสดง 45 เรื่อง ในช่วงเวลาหกปี ผลงานที่นับว่าเป็นการแจ้งเกิดของเธอ คือเมื่อฮู เสียว เฉียน คัดเลือกให้เธอได้รับบทวิกกี้ ไนท์คลับโฮสเตสสาวในรักสามเส้าของหนึ่งหญิงสองชาย เรื่อง "Millenium Mambo" และหนังเรื่องนี้ คือตัวเชื่อมของซูฉี และผู้กำกับการแสดง ฮู นักสร้างหนังผู้จริงจังกับการทำงาน และเป็นผู้เปิดโลกให้หนังอาร์ตของไต้หวันออกสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก หนังที่เป็นผลงานของเธอ ได้แก่ "For Bad Boys Only" กำกับการแสดงโดยเรย์มอนด์ ยิบ, เรื่อง "Martial Angels," กำกับการแสดงโดย แคลแรนส์ ฟ็อก และเรื่อง "Skyline Cruisers" กำกับการแสดงโดย วิลสัน ยิบ

ชูได้แสดงในหนังโรแมนติค คอมเมดี้ของเฉินหลง เรื่อง "Gorgeous" และหนังฮ่องกงระดับบ็อกซ์ออฟฟิศสยองขวัญเรื่อง "Visible Secret" และกำลังอยู่ระหว่างการรับบทเป็นหนึ่งในสามสาว ซึ่งสามารถบู๊สะบั้นได้ดีพอๆ กับการทามาสคาร่า ใน "Charlie's Angels" ฉบับฮ่องกง เรื่อง "Virtual Twilight"

ซูฉี พิสูจน์ความสามารถทางการแสดงของเธอจากการได้รับรางวัล Golden Horse อันทรงเกียรติของไต้หวัน (เปรียบเสมือน "Asian Oscars") ดาราสนับสนุนฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม และยังเคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยมจาก Golden Horse Awards

ฟรังซัวร์ เบอร์แลนด์ (ทาโคนี) หนึ่งในบรรดาดาราแถวหน้าและมีชื่อเสียงของฝรั่งเศส มีผลงานปรากฎในภาพยนต์กว่า 100 เรื่อง รวมทั้งงานละครเวทีอีกมากมาย อาทิ "Seventh Heaven" ในบทนักวิเคราะห์จิตผู้เปราะบาง; "My Little Business," "Romance" และหนังชื่อดังของผู้กำกับการแสดง ลูอิส มาล เรื่อง "Au revoir les enfants"

แมท ชูลซ์ (วอลล์ สตรีท) ล่าสุดเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบดาราชายที่น่าจับตาของฮอลลี-วู้ด โดยนิตยสาร GQ เกิดที่เซ็นต์ หลุยส์ และย้ายมาอยู่ที่ลอส แอนเจลิสเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และได้รับบทในหนังเรื่อง "Blade" โดยทันที ยังได้ร่วมแสดงในหนังเรื่อง "Boys and Girls," "The Fast and the Furious," และ "Blade 2"

ตั้งแต่วัยเด็ก เขาฝักใฝ่ทางการดนตรี และได้เรียนกีตาร์และไวโอลิน ที่ Atlanta Institute of Music ในช่วงนั้นเขาได้สอนดนตรีให้กับนักเรียนจำนวน 65 คน และเป็นแฟนดนตรีที่เหนียวแน่น อีกทั้งยังเขียนเพลง รวมทั้งบทกลอนอีกด้วย นอกจากนั้นยังนิยมศิลปแอ็บแสตร็คท์ และชื่นชอบศิลปินหลากหลายอย่าง Jackson Pollock และ Basquiat

ทีมงาน

คอรี่ หยวน (ผู้กำกับการแสดง) มีผลงานหนังฮ่องกงชื่อดังกว่า 30 เรื่อง และเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด นับแต่ กำกับการแสดง, ร่วมแสดง, เขียนบท, อำนวยการสร้าง, และประสานงานแอ็คชั่น ผลงานหนังอเมริกันเรื่องแรก ได้แก่ แอ็คชั่นคอมเมดี้เรื่อง "Lethal Weapon 4" ซึ่งเขาได้รับหน้าที่ ผู้ประสานงานศิลปต่อสู้ป้องกันตัว ซึ่งเขาได้รับหน้าที่เดียวกันให้กับเรื่อง "Romeo Must Die" ซึ่งนำแสดงโดยเจ็ท ลี นอกจากนี้ ยังเป็นผู้กำกับกองถ่ายที่สองให้กับทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ในภาพยนต์ไซ-ไฟ แอ็คชั่นเรื่อง "X-Men"

เป็นศิษย์เก่าแห่งสถาบันทรงเกียรติอย่าง Chinese Opera Academy และยังเป็นหนึ่งในกลุ่ม Seven Little Fortunes ซึ่งรวบรวมบรรดานักแสดงมีชื่ออย่าง เฉิน หลง และแซมโม ฮุง ในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 เขาและบรรดาเพื่อนๆ ถูกดึงดูดเข้าสู่ภาพยนต์ และอีกสองทศวรรษหลังจากนั้น หยวนได้คลุกคลีกับหนังยอดนิยมมากมายเท่าที่เคยสร้างมา ในฮ่องกง ได้แก่ "Hero," "The Black Rose," Mahjong Dragon," "High Risk," "My Father is a Hero," "The Bodyguard from Bejing," และ "Fong Sai-Yunk I และ II," สี่เรื่องหลังนำแสดงโดยเจ็ท ลี

ลุค เบซซ็อง (อำนวยการสร้าง, ร่วมเขียนบท) เกิดที่ปารีสเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 1959 และใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็กในถิ่นท่องเที่ยวชายฝั่งเมดิเตอเรเนียน เนื่องจากบิดามารดาเป็นครูฝึกสอนดำน้ำ

จากสิ่งแวดล้อมและอิทธิพลทางครอบครัวที่เป็นใจ ดูราวกับว่าเบซซ็องจะเดินตามรอยอาชีพที่เกี่ยวกับน้ำ ตั้งแต่อายุได้ 10 ขวบ หลังจากที่ได้พบกับโลมาน่ารัก เบซซ็องตั้งเข็มในการเป็นนักชีววิทยาสัตว์น้ำ เชี่ยวชาญทางการศึกษาสายพันธ์

เบซซ็องเดินตามแผนชีวิตที่ได้ตั้งไว้ จนกระทั่งเมื่ออายุ 17 เขาได้รับอุบัติเหตุจากการดำน้ำ ซึ่งทำให้ไม่สามารถดำน้ำได้อีกต่อไป เมื่อความฝันขาดสะบั้นลง เบซซ็องจึงต้องเบนเข็มและมุ่งสู่เส้นทางที่เลือกใหม่ การสร้างภาพยนต์

เบซซ็องจึงพักการเรียน และหางานทำในวงการภาพยนต์ฝรั่งเศส และทดลองด้วยการสร้างหนังรูปแบบ super-8 เมื่ออายุ 19 เขามายังลอส แอนเจลิส และใช้เวลาอยู่ที่นั่นสามเดือนเพื่อทำงานในวงการภาพยนต์อเมริกัน

ในปี 1983 หลังจากสามปีของการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ เบซซ็องได้สร้างหนังเรื่อง "Le Dernier Combat" ซึ่งได้รับเลือกให้เข้าประกวดใน Avoriaz Science Fiction Film Festival และได้รับถึงสองรางวัลใหญ่จากคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยอลัน เจ พากูลา และชอง-ชาคส์ เป็นต้น และยังได้รับการเสนอชื่อชิงเข้ารางวัล Cesar Award และได้รับรวมถึง 12 รางวัลจากทั่วโลก

หนังเรื่องที่สองของเบซซ็อง คือ "Subway" นำแสดงโดยคริสโตเฟอร์ แลมเบิร์ต ซึ่งได้รับรางวัลซีซาร์ (จากทั้งหมด 13 รางวัลที่ได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล) ในบทขโมยหลบหนี ซึ่งต้องเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมเบื้องลึกอันน่าทึ่งของชาวปารีสที่อาศัยอยู่ใต้ดิน หนังเรื่องนี้ทำให้เบซซ็องมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และจนถึงปัจจุบันทุกคนรู้จักเขาในความเป็นนักวัฒนธรรมคลาสสิค

หนังของเบซซ็องในปี 1988 เรื่อง "The Big Blue" เป็นการบรรยายความฝันจากวัยเยาว์ของเขา เกี่ยวกับทะเลเมดิเตอเรเนียน โดย จีน รีโน่ รับบทคนขับแท็กซี่ชาวอิตาเลียน ผู้หลงใหลเกี่ยวกับทะเล ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกของเบซซ็องที่เป็นภาษาอังกฤษ โดยมีผู้แสดงต่างชาติ ถูกจัดจำหน่ายในสหรัฐฯ โดยหลายตอนถูกตัดทอนแก้ไขโดยมิได้รับอนุญาต รวมถึงการเปลี่ยนตอนจบและดนตรีประกอบโดย อีริค เซอร์ร่า ภาพยนต์ต้นฉบับของเบซซ็อง ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ถึง 7 รางวัล และได้รับความสำเร็จอย่างสูงในการฉายทั่วโลก และยังเป็นหนึ่งในห้าของหนังยอดเยี่ยมของประวัติศาสตร์หนังฝรั่งเศส ผลงานตัดต่อต้นฉบับของเขาเพิ่งออกวางจำหน่ายในรูปแบบ DVD เมื่อปีที่แล้ว

หนังเรื่อง "La Femme Nikita" จากการกำกับของเบซซ็อง เป็นเรื่องแรกที่สร้างความประทับใจให้กับทั่วโลก อีกทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้ถูกนำกลับมาทำใหม่ ทั้งในสหรัฐฯ และฮ่องกง เรื่องราวของเด็กสาวใจแตกติดยา ที่ถูกบังคับให้กลายเป็นนักฆ่าของรัฐ รับบทโดย แอน พาริลาวด์ และจีน รีโน่ ซึ่งกลายเป็นรูปแบบใหม่ของหนังระทึกขวัญ : นีโอนัวร์ อันยังคงมีอิทธิพลต่อโลกภาพยนต์อย่างไม่จบสิ้น

ในปี 1991 หนังของเบซซ็องเรื่อง "Atlantis" ได้รับคำวิจารณ์อย่างมากมายในสหรัฐฯ ถึงจินตนาการและความฝันเกี่ยวกับใต้ทะเล ใช้เวลาถ่ายทำ 16 เดือนทั่วโลก นับเป็นการทำงานภาพยนต์ด้วยจินตนาการอย่างแท้จริง ใน "Atlantis" จำแนกคำพูด และการบรรยายเพื่อให้ผสมผสานกับเสียงดนตรีประกอบใต้น้ำของอีริค เซอร์ร่า - เป็นภาพยนต์ที่ถ่ายทอดมาจากความรักโลกที่ถูกซ่อนอยู่ใต้สมุทรของผู้สร้างนั่นเอง

ในปี 1993 เบซซ็องเริ่มงานก่อนการถ่ายทำของเรื่อง "The Fifth Element" เป็นเวลากว่าหนึ่งปีก่อนหน้า ด้วยการแก้ไขสคริปท์จากเรื่องราวที่เขาเขียนเอง และให้ทีมอาร์ติสท์นานาชาติ จัดทำงานวิชวลฉากและตัวละครของโลกในศตวรรษที่ 23 แต่เมื่อประสบกับปัญหาทางการเงิน เบซซ็องก็วางมือเพื่อหันไปจับงานต้นฉบับอีกเรื่อง "The Professional"

"The Professional" เป็นเสมือนการกลับไปสู่แนวทางที่เคยนำเสนอใน "La Femme Nikita" นำแสดงโดยจีน รีโน่ และนาตาลี พอร์ทแมน ในเรื่องราวของมือสังหาร ผู้ซึ่งถูกขัดแกลา ด้วยความรักที่มีให้กับสาวน้อยซึ่งเป็นกำพร้าจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ทรยศ ซึ่งแสดงโดย แกรี่ โอลด์แมน ภาพยนต์เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ - Best Picture และสำหรับเบซซ็อง - Best Director

ในปี 1997 หนังไซ-ไฟของเบซซ็องเรื่อง "The Fifth Element" นำแสดงโดยบรูซ วิลลิส เปิดตัวอย่างเป็นที่กล่าวขวัญและติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิซ เบซซ็องเพิ่งได้รับรางวัล British Academy Award จากการอำนวยการสร้างเรื่อง "Nil By Mouth" กับแกรี่ โอลด์แมน

ผลงานกำกับเรื่องที่แปดของเบซซ็อง ในเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ "The Messenger: The Story of Joan of Arc" ซึ่งนำแสดงโดย มิลลา โจโววิช ออกฉายในปี 1999 ในปีนั้นเขายังได้อำนวยการสร้างเรื่อง "Taxi 2" กำกับการแสดงโดย เจราร์ด ครอซิค และเรื่อง "The Dancer" จากการกำกับของเฟรด คาสัน

ผลงานกำกับเรื่องล่าของเบซซ็อง ได้แก่ "Kiss of the Dragon" (นำแสดงโดยเจ็ท ลี และบริดเจ็ด ฟอนดา จัดจำหน่ายโดยทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์) "15 Ao?t," "Yamakasi," "les Samoura?s des temps modernes," และ "Wasabi" ภาพยนต์ที่ถ่ายทำในฝรั่งเศส และญี่ปุ่น นำแสดงโดยจีน รีโน่ และกำกับการแสดงโดย เจราร์ด ครอซิค เขายังร่วมกับปิแอร์ แองค์ เลอ โปแกม เป็นผู้ก่อตั้ง ยูโรปา สตูดิโอถ่ายทำหนังแห่งยุโรป ซึ่งเขาไม่เพียงแต่สร้างหนังจำนวน 4-8 เรื่องต่อปี และยังเป็นผู้จัดจำหน่ายวิดีโอ และงานเพลงไปยังต่างประเทศ

โรเบิร์ต มาร์ค คาเมน (ผู้ประพันธ์บท) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้านมานุษยวิทยาจาก University of Pennsylvania อันทรงเกียรติ ก่อนเข้าสู่วงการมายาฮอลลีวู้ด คาเมน เขาได้ขายงานเขียนบทภาพยนต์เรื่องแรก "Crossings" ให้กับวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ในปี 1978 หลังจากนั้นไม่นานไดรับการสร้างเป็นภาพยนต์เรื่องดัง "Taps" เขาเดินหน้าต่อโดยการเขียนงานที่ประสบความสำเร็จมหาศาลเรื่อง "The Karate Kid" ซึ่งได้กลายมาเป็นหนังสามตอน ซึ่งเป็นผลงานของเขาทั้งสิ้น

คาเมนยังได้เขียนบทให้กับภาพยนต์มากมาย อาทิเช่น "Gladiator," "The Power Of One," "Walk In The Clouds," และหนังเรื่องดังอย่าง "Lethal Weapon 3." ในช่วงกลางทศวรรษที่ 90 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในบรรดานักเขียนที่ได้รับการเรียกหามากที่สุด แห่งฮอลลีวู้ด ด้วยผลงานเลื่องชื่อ เช่น "The Devil's Own" และ "The Fifth Element" เขายังได้เป็นผู้ช่วยลุค เบซ-ซ็องในการเขียนเรื่อง "The Professional"

คาเมนร่วมกับเบซซ็องเขียนบทให้กับทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ ใน "Kiss Of The Dragon" เขากำลังอยู่ระหว่างการเขียนและอำนวยการสร้างซีรี่ส์โทรทัศน์เรื่อง "The Black Sash" ให้กับ WB เน็ตเวิร์ค

เมื่อคาเมนไม่อยู่ที่บ้านในนิวยอร์ค ซิตี้ หรือไม่ติดงานถ่ายทำที่ลอส แอนเจลิส เขามักใช้เวลาอยู่ที่ไร่องุ่นชื่อดังของเขา "Kamen Estate Winery" ในโซโนมา แคลิฟอร์เนีย

สตีเวน เชสแมน (ผู้อำนวยการสร้าง) ได้รับการศึกษาก่อนปริญญาตรีที่ University of Pennsylvania ก่อนเข้าศึกษาต่อที่ Emory University Law School ในแอตแลนต้า และได้รับปริญญาเมื่อปี 1991 เริ่มจากการทำงานเกี่ยวกับกฎหมายสัญญาที่ตนเองมีความสนใจเป็นทุนเดิมในบัลติมอร์ แมรี่แลนด์ กับสำนักงานทนายความ Whiteford, Taylor & Preston

อย่างไรก็ดี โลกแห่งกฎหมายอันแห้งแล้ง เทียบกันไม่ติดกับโลกบันเทิงที่แสนจะเร้าใจ ดังนั้น ในปี 1993 เชสแมนจึงเข้าร่วมงานกับ International Creative Management เอเยนซี่ชั้นนำ และเขาได้ช่วยสร้างนักกีฬาผู้มีพรสวรรค์นอกสนาม อย่าง ดีออน แซนเดอส์, เคน กริฟฟีย์ จูเนียร์ และเดนนิส รอดแมน หลังจากหกปีผ่านไปใน ICM เชสแมนผู้เต็มไปด้วยจิตวิญญานแห่งความสร้างสรรค์ จึงได้เริ่มต้นกิจการของ Current Entertainment

Current Entertainment ดูแลทุกเรื่องราวของเหล่านักแสดงที่มีความสามารถ ตั้งแต่ดารา, นักดนตรี, ผู้กำกับ ไปจนถึงนักกีฬา ลูกค้าของ Current Entertainment ได้แก่ ดาราหนังแอ็คชั่น เจ็ท ลี, ลีลี โซไบสกี้, คริส คริสตอฟเฟอสัน, ดาราละตินอย่างชาเยน, ดาราฝรั่งเศส เชกี้ คาร์โย, ผู้กำกับการแสดงของ THE TRANSPORTER คอรี่ หยวน และดารานักบาสเกตบอลเดนนิส ร็อดแมน เชสแมนอำนวยการสร้างเรื่อง "Kiss of the Dragon" จัดจำหน่ายโดยทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟ็อกซ์ เขายังเป็นผู้อำนวยการสร้างของ "The One"

ลูอิส เลทเทอเรีย (ผู้กำกับศิลป์) เป็นชาวปารีสโดยกำเนิด ตกหลุมรักกับภาพยนต์เมื่อสมัยยังเยาว์วัย และได้รับรางวัลมากมายจากหนังสั้นตั้งแต่ก่อนจะอายุได้สิบแปดปีจากฝรั่งเศสเพื่อมาศึกษาด้านภาพยนต์ที่สถาบันทรงเกียรติแห่ง New York University - Tisch School of the Arts เลทเทอเรียได้รับหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับและทำงานด้านวิชวลเอ็ฟเฟ็ค ให้กับทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ ในเรื่อง "Alien Resurrection" ซึ่งกำกับการแสดงโดยเพื่อนร่วมชาติ ชอง ปิแอร์ จูเน็ท ต่อมาได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้กับหนังฝรั่งเศส-อเมริกัน "The Tourist Trap" และงานอิงประวัติศาสตร์ของลุค เบซซ็อง เรื่อง "The Messenger: The Story of Joan of Arc" และในงานทุ่มทุนสร้าง "Asterix and Obelix: Mission Cleopatra" ซึ่งดัดแปลงจากการ์ตูนเรื่องดัง

เลทเทอเรียได้ช่วยงานของเบซซ็องอีกเช่นกันในงานโฆษณาของลอรีอัล (L'Oreal) ไม่นานหลังจากนั้น เขาได้ถูกทาบทามโดยผู้สร้างชื่อก้องให้ทำงานใน THE TRANSPORTER.

ปิแอร์ มอเรล (ผู้กำกับภาพ) เริ่มงานด้านภาพยนต์โดยการเป็นผู้ปรับโฟกัส, ช่างกล้อง และผู้ควบคุม Steadicam เขาเคยร่วมงานกับลุค เบซซ็องมาแล้วใน "The Messenger: The Story of Joan of Arc," "Taxi" และ "Taxi 2" และล่าสุดมอเรลได้เป็นผู้ควบคุมกล้องให้หนังของโจนาธาน เดมม์ ที่กำลังจะออกฉายเรื่อง "The Truth About Charlie" เรื่อง THE TRANSPORTER นับเป็นผลงานเรื่องแรกของเขาในฐานะผู้กำกับภาพ

ฮิวกิส ทิสซานเดียร์ (ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์) ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับลุค เบซซ็องในเรื่อง "The Messenger: The Story of Joan of Arc" ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Cesar Award และรางวัล Las Vegas Film Critics Society Award ด้าน Best Production Design งานหนังเรื่องอื่นที่โดดเด่นได้แก่ "Les Visiteurs," "Le D?ner de cons" และ "Le Jaguar"

นิโคลัส เทรมบาซีวิค (ผู้ลำดับภาพ) ได้ตัดต่อมิวสิควิดีโอมามากมายก่อนเข้าร่วมทีมกับลุค เบซซ็องใน "Kiss of the Dragon," "Taxi 2," "Yamakasi," และ "Wasabi"

สแตนลีย์ คลาร์ค (ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบ) เป็นหนึ่งในบรรดานักเล่นเบสที่มีชื่อเสียงของโลก ผลงานที่น่าประทับใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากของเขาทั้งในภาพยนต์และโทรทัศน์ ได้แก่ "The Best Man," "Down in the Delta," "Higher Learning," "What's Love Got to Do With It?" "Boyz 'N The Hood," "The Five Heartbeats," "Passenger 57," "Poetic Justice," "B.A.P.S." และ "Dangerous Ground"

ผลงานที่มีชื่อของเขาทางโทรทัศน์ได้แก่ "Marciano," "Funny Valentines," "The Cherokee Kid," "Relentless: The Mind of a Killer," "The Court Martial of Jackie Robinson," "Final Shot: The Hank Gathers Story," และ "Blue Bayou" เขาเป็นผู้แต่งดนตรีประกอบให้กับซีรี่ส์ "Hull High," "Out On the Edge," "A Man Called Hawk" และ "Pee-wee's Playhouse" รวมทั้งฉากเปิดวิดีโอของไมเคิล แจ็คสัน ชุด "Remember the Time"

ส่วนหนึ่งของผลงานของเขาที่ได้รับ Grammy? Award คืออัลบั้มชื่อดัง "No Mystery." เขายังเคยได้รับการเสนอชื่อชิงถึงเจ็ดรางวัลแกรมมี่ และสามรางวัล Emmy? Awards และได้รับขนานนามจากนนิตยสารของ Rolling Stone ให้เป็น Jazzman of the Year และจากนิตยสาร Playboy ว่าเป็น Bassist of the Year (เป็นเวลาติดต่อกันถึง 10 ปี) และนิตยสาร Guitar ใน "Gallery of the Greats"

นอกจากนี้ยังเป็นผู้เสียสละเพื่อส่วนรวม โดยการเป็นสมาชิกแห่งองค์กรที่ไม่หวังผลกำไรอย่าง Jimi Hendrix Foundation ซึ่งสนับสนุนผู้มีพรสวรรค์ทางศิลปะรุ่นใหม่อีกด้วย

  • 2002 Twentieth Century Fox. All rights reserved. Property of Fox.

Permission is hereby granted to newspapers and periodicals to reproduce this text in articles publicizing the distribution of the Motion Picture.

All other use is strictly prohibited, including sale, duplication, or other transfers of this material.

This press kit, in whole or in part, must not be leased, sold, or given away.-- จบ--

-ศน-