กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--กระทรวงแรงงานฯ
สำนักงานแรงงานไทยในสิงคโปร์ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทยในสิงคโปร์ได้จัดประชุมหารือกับแรงานไทยและนักศึกษาไทยในสิงคโปร์ ตลอดจนชมรมคนไทยในสิงคโปร์ ร่วมป้องกัน ปราบปรามละเลิกสุรา ยาบ้าและพัฒนาศักยภาพของแรงงานไทย
นายจาตุรนต์ อรรถวิภาคไพศาลย์ รองปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีแรงานไทยที่เดินทางไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ กว่า 5 หมื่นคนโดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาย และสามารถส่งเงินกลับประเทศไทยปีละประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานต่างชาติที่เข้าไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ประมาณ 3-4 แสนคน โดยแรงงานไทยต้องแข่งขันกับแรงงานจากประเทศอื่นๆ อาทิเช่น บังคลาเทศ อินเดีย จีน มาเลเซีย แต่เป็นที่น่ายินดีว่าแรงงานไทยส่วนใหญ่ได้รับค่าจ้างค่อนข้างสูงกว่าแรงงานจากชาติอื่น เนื่องจากนายจ้างส่วนใหญ่นิยมและชื่นชมแรงงานไทยว่า ทำงานดี มีความขยันและอดทน เรียนรู้งานดี มีฝีมือรับผิดชอบ ซึ่งมีนายจ้างบางคนถึงกับชมแรงงานไทยว่าเป็นแรงงานที่ดีที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่แรงงานไทยมีจุดอ่อนที่สำคัญคือ ปัญหาเรื่องการดื่มสุราคือเมื่อเงินเดือนออกจะรวมกลุ่มหรือจับกลุ่มดื่มสุราทำให้ไม่สามารถไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ และในวันหยุด/ทุกวันอาทิตย์และวันเงินเดือนออก แรงงานไทยก็จะนิยมไปพบประสังสรรค์ชุมนุมกันที่โกลเด้นส์มายส์คอมแพล็กซ์ และรวมกลุ่มกันตั้งวงดื่มเหล้า นอกจากปัญหาจากแรงงานไทยแล้วก็ยังมีขบวนการมิจฉาชีพจากประเทศไทยเข้าไปทำมาหากินกับแรงงานไทย โดยการนำหญิงไทยไปค้าบริการและไปจำหน่ายยาบ้า รวมทั้งชักชวนแรงานไทยเล่นการพนัน ซึ่งเป็นผลให้แรงงานไทยไม่เงินเหลือที่จะส่งกลับบ้าน หรือบางรายถึงขั้นก่อเหตุทำร้ายกันถึงชีวิต และเป็นข่าวการฆ่ากันตายจนถูกศาลสิงคโปร์ตัดสินประหารชีวิตไปแล้ว เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าวสำนักงานแรงงานไทยในสิงคโปร์ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทยในสิงคโปร์ได้จัดประชุมหารือกับแรงานไทยและนักศึกษาไทยในสิงคโปร์ ตลอดจนชมรมคนไทยในสิงคโปร์ เพื่อดำเนินการในหลากรูปแบบที่จะประสานกับทางการของสิงคโปร์ในการป้องกัน ปราบปรามและพัฒนาศักยภาพของแรงงานไทย โดยการส่งเสริมจัดการแข่งขันกีฬา อาทิเช่น จัดฟุตบอลลีกแรงานไทยในสิงคโปร์ ตระกร้อ ตลอดจนร่วมมือกับตำรวจสิงคโปร์จัดรณรงค์ และจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม อาทิเช่น งานสงกรานต์เพื่อแรงงานไทยในสิงคโปร์ การเร่งพัฒนาศักยภาพคุณภาพแรงานไทยในสิงคโปร์ โดยร่วมกับองค์กรต่าง ๆ เช่น ร่วมกับภาคเอกชนและนายจ้างในการเปิดหลักสูตรฝึกอบรม/เรียนภาษาอังกฤษง่าย ๆ สำหรับใช้ในชีวิตการทำงานของแรงงานไทย ร่วมกับศูนย์การเรียนทางไกลมูลนิธิคริสจักรเชนลีประเทศสิงคโปร์ เปิดการเรียนทางไกลให้กับแรงงานไทยได้มีโอกาสเรียนหนังสือ และสามารถเพิ่มวุฒิการศึกษาให้ตนเองในทุกระดับ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีผู้สนใจเข้าศึกษากว่า 200 คน และที่น่าชื่นชมก็คือ แรงงานไทยในสิงคโปร์บางคนได้ละเลิกสุรา อบายมุข และหันมาใช้เวลาว่างวันหยุดมาเรียนหนังสือแทน โดยนักศึกษารุ่นแรกสามารถเรียนจบทั้งสิ้น 19 ราย โดยใช้เวลาเรียนเพียง 6 เดือน และสามารถเรียนจบระดับประถมศึกษา 6 ราย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 11 ราย และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2 ราย นอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้วสำนักงานแรงานไทยในสิงคโปร์ ยังได้เปิดการเรียนทางไกลในสิงคโปร์ให้แรงงานไทย โดยเรียนหลักสูตรของมหาวิทยาสุโขทัยธรรมธิราช ซึ่งปรากฏว่ามีแรงงานไทยสมัครเข้าเรียนในรุ่นแรกจำนวน 12 ราย ขณะนี้กำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่สองโดยมีผู้สนใจสมัครเรียน 25 ราย การรณรงค์ให้แรงงานไทยได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชย์ในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้แรงงานไทยได้ละเลิกสุรา ยาบ้า หันไปเรียนหนังสือในวันหยุดจนสามารถประสบความสำเร็จทั้งตนเองและครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชมเชยและสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นแรงงานไทยดังกล่าวยังมุ่งมั่นที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญา ซึ่งสำนักงานแรงงานไทยในสิงคโปร์ก็ได้พยายามที่หาอาสาสมัครคนไทยในสิงคโปร์ให้ช่วยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา พร้อมช่วยแนะนำและสอนพิเศษแก่แรงงานไทยดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วยตามสโลแกนที่วางไว้ว่า ไปได้งาน+เงิน กลับมาได้ปริญญานายจาตุรนต์กล่าว--จบ--
-สส-