เอ็มเอฟซีปิดกองทุนสปอท (SPOT) ภูมิใจสามารถบรรลุผลตอบแทนเป้าหมาย 25% ก่อนครบอายุโครงการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--124 คอมมิวนิเคชั่นส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ประกาศว่ากำลังดำเนินการปิดกองทุนรวมเอ็มเอฟซีสปอท (SPOT) โดยเป็นการปิดก่อนครบกำหนดอายุโครงการ 3 ปี ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2546 ทั้งนี้เนื่องจากสามารถบรรลุอัตราผลตอบแทนเป้าหมายของกองทุนที่กำหนดไว้อย่างน้อยร้อยละ 25 ดร. เจษฎา โลหอุ่นจิตร กรรมการจัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีมีความภูมิใจที่สามารถบริหารกองทุนรวม SPOT ให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้ โดยกองทุนรวม SPOT ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่นและเป็นกองทุนปิดที่มีลักษณะพิเศษและยังไม่เคยมีการจัดตั้งขึ้นมาก่อนเลยในประเทศไทย กล่าวคือ เป็นกองทุนที่กำหนดอัตราผลผลตอบแทนเป็นเป้าหมายในการบริหารกองทุนที่ชัดเจน ซึ่งถ้ากองทุนให้ผลตอบแทนถึงเป้าหมายที่กำหนด ก็จะปิดกองทุนและคืนเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ ดร. เจษฎากล่าวย้อนไปว่า ในปี 2543 เอ็มเอฟซีมองว่าการลงทุนในตราสารทุนน่าจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดีในระยะปานกลางถึงระยะยาว จึงได้จัดตั้งกองทุนรวม SPOT ขึ้น และถึงแม้ในปีเดียวกันที่จัดตั้งกองทุนนี้ Morgan Stanley Capital International ได้มีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยของ MSCI World Index ลง ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยลดลงอย่างมาก แต่ในที่สุดกองทุนรวม SPOT ก็สามารถปิดกองทุนได้ก่อนครบกำหนดอายุโครงการ 3 ปี หรือภายใน 2 ปี 4 เดือน ผลตอบแทนของกองทุนรวม SPOT คาดว่าจะเท่ากับประมาณร้อยละ 27 หรือร้อยละ 10.79 ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นผลตอบแทนที่น่าพอใจมาก เพราะในช่วงเวลาเดียวกันนี้ กล่าวคือ ระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2543 ซึ่งเป็นวันจัดตั้งกองทุน จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2545 ซึ่งเป็นวันที่มีการขายทรัพย์สินของกองทุนทั้งหมดให้เป็นเงินสดเพื่อเตรียมการปิดกองทุน อัตราผลตอบแทนของตัวเทียบวัด (benchmark) สำหรับกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่นเท่ากับเพียงร้อยละ 0.24 และหากพิจารณาว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่ากับ 409.11 จุด ณ วันที่ขายทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อปิดกองทุน ก็จะพบว่ายังต่ำกว่าดัชนีเดียวกันนี้ที่ 465.78 จุด ณ วันเริ่มต้นของกองทุน ถึง 56.67 จุดหรือต่ำกว่าร้อยละ 12.17 ก็ยิ่งเป็นความภาคภูมิใจของเอ็มเอฟซีที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน่าพอใจ ภายใต้สถานการณ์การลงทุนที่ไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะภายหลังจากการจัดตั้งกองทุนนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความผันผวนและลดลงอย่างต่อเนื่องจากการปรับลดน้ำหนักของประเทศไทยใน MSCI World Index ในปัจจุบัน ถึงแม้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่สามารถไต่กลับไปสู่ระดับตอนที่จัดตั้งกองทุน แต่กองทุนรวม SPOT ก็ยังสามารถให้ผลตอบแทนได้อย่างน้อยร้อยละ 25 ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ และสามารถปิดกองทุนเพื่อคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ กรรมการจัดการของเอ็มเอฟซีกล่าวว่า การที่กองทุนรวม SPOT สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและบรรลุเป้าหมายในการจัดตั้งกองทุนได้ก่อนครบกำหนดอายุโครงการ เนื่องจากกองทุนรวม SPOT เป็นกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่นและเป็นกองทุนปิด กองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่นทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถบริหารเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนด้วยความยืดหยุ่นให้สอดคล้องกับภาวะตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ ซึ่งไม่สามารถทำได้ในกรณีของกองทุนรวมตราสารทุน ส่วนกองทุนปิดทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถบริหารเงินโดยไม่ต้องพะวักพะวงกับการไหลออกของเงินจากกองทุน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในกรณีของกองทุนเปิดเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนตื่นตระหนกกับตลาดหุ้นที่ผันผวน กองทุนรวม SPOT จึงเหมาะสมกับนักลงทุนที่ไม่ใช่นักเก็งกำไร แต่เป็นนักลงทุนที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินที่ลงทุนในระยะสั้นและต้องการอัตราผลตอบแทนที่ดีในระยะปานกลางถึงระยะยาว นอกจากนี้ การที่กองทุนรวม SPOT เป็นกองทุนปิดเป็นผลดีต่อผู้ถือหน่วยลงทุน กล่าวคือ ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกคนลงทุนที่ต้นทุนเท่ากัน กล่าวคือ 10 บาท และมีอัตราผลตอบแทนเป้าหมายเดียวกัน ทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถที่จะพยายามบรรลุเป้าหมายให้ทุกคนพร้อมๆกันได้ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนเปิด ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อหรือขายหน่วยลงทุนพร้อมๆกัน ทำให้ผู้จัดการกองทุนไม่สามารถกำหนดอัตราผลตอบแทนที่เป็นเป้าหมายให้ได้ เพราะจังหวะการซื้อและการขายถูกกำหนดโดยตัวผู้ถือหน่วยลงทุนเอง เราจะสังเกตเห็นได้ว่า ทำไมผู้ที่ลงทุนในกองทุนเปิด จึงมีทั้งผู้ที่ได้กำไรและผู้ที่ขาดทุน ถึงแม้จะลงทุนในกองทุนเดียวกัน กรรมการจัดการกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนรวม SPOT จะสามารถจ่ายเงินคืนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 12.50 บาทต่อหน่วยลงทุน ประมาณต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ภายหลังจากที่ได้มีการตรวจสอบบัญชี และการชำระบัญชีของกองทุนเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าการออกกองทุนรวมประเภทนี้ที่เน้นการลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาว เช่น 3 ปี หรือ 5 ปี น่าจะได้รับความเชื่อมั่นและสนใจจากนักลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีเงินออมที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในระยะสั้น เพราะเป็นการสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีตามเป้าหมายที่กำหนด และไม่เกิดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น สำนักกรรมการจัดการ โทร. 0-2661-9000-99 ต่อ 704, 706--จบ-- -อน-

ข่าวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน+หลักทรัพย์จัดการกองทุนวันนี้

บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายปันผลกองทุนอสังหาฯ "LUXF" 0.64 บาทต่อหน่วย รวมมูลค่ากว่า 125 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) สำหรับผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 0.64 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 125,760,000 บาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 18 กันยายน 2568 สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีนโยบายการลงทุน

BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพ... BBLAM เสนอขาย IPO 'BP17/25(AI)' วันที่ 11-15 ก.ย. 2568 — BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 17/25 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย' หรือ BP17/25(AI) ซึ่งเ...

บลจ.กสิกรไทย มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตช... บลจ.กสิกรไทย ชู K-VALUE ทางเลือกลงทุนรับปันผลสูง ชี้จังหวะลงทุนหุ้นไทยรับตลาด Upside ในระยะสั้น — บลจ.กสิกรไทย มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตชะลอลง คาด GDP ไ...

ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ "กองทุนรวม SRI" ยกระดับความโปร่งใส สู่มาตรฐานสากล

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์กองทุนรวม SRI* (Sustainable and Responsible Investing...