ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการและฐานะการเงินสำหรับไตรมาสสามของปี 2545 ก่อนการสอบทานโดยผู้สอบบัญชีอิสระ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--ธ.ไทยพาณิชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งผลประกอบการเบื้องต้นสำหรับไตรมาสสามของปี 2545 ก่อนการสอบทานโดยผู้สอบบัญชีอิสระซึ่งแสดงให้เห็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของกำไรจากการดำเนินงาน ธนาคารมีกำไรก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 2,924 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2,874 ล้านบาทและ 2,173 ล้านบาท ในไตรมาสที่สองของปีนี้และไตรมาสที่สามของปีก่อนตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราส่วนผลตอบแทนก่อนหักสำรองต่อสินทรัพย์ (ROA before provision) ร้อยละ 1.67 โดยหลังจากการหักสำรองตามนโยบายระมัดระวังของธนาคารจำนวน 2,568 ล้านบาท ธนาคารมีกำไรสุทธิ 355 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 683 ล้านบาท (ร้อยละ 17.5) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 698 ล้านบาท (ร้อยละ 48.2) ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3,180 ล้านบาท เป็น 3,240 ล้านบาท และในไตรมาสนี้มีการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายจำนวน 570 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 ธนาคารมี NPL จำนวน 81,808 ล้านบาท (ร้อยละ 17.6) ลดลงจาก 82,821 ล้านบาท (ร้อยละ 18.2) ณ สิ้นไตรมาสสองของปี 2545 คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า "ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ธนาคารได้เร่งดำเนินการตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีในด้านการเพิ่มรายได้ดอกเบี้ย ทำให้ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับสุทธิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนๆ โดย Net Interest Margin ยังคงเพิ่มขึ้นแม้ว่าภาวะการแข่งขันจะค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถเพิ่มรายได้ประเภทค่าธรรมเนียมจากไตรมาสก่อนถึงร้อยละ 15 และควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีสัดส่วนของค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน (Operating Cost to Income Ratio) อยู่ในระดับที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งสำรองอยู่ในระดับที่สูงต่อไปเพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ ฝ่ายจัดการของธนาคารทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปเพื่อให้ธนาคารไทยพาณิชย์เป็น "ธนาคารที่ทุกคนเลือก" ตามเป้าหมายที่คณะกรรมการธนาคารได้วางไว้" ดร. วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า "ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นความร่วมแรงร่วมใจของพนักงานทุกคนที่ได้ทุ่มเทเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นไม่ได้ทำให้ธนาคารนิ่งนอนใจ ธนาคารยังคงเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านโครงการปรับปรุงธนาคารที่ได้ทำมาในระยะเวลา 1 ปีเศษต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลอย่างชัดเจนในระยะเวลา 1-3 ปีข้างหน้านี้" รายการที่สำคัญสำหรับผลประกอบการในไตรมาสสาม มีดังต่อไปนี้ 1. รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจากดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสนี้ จำนวน 4,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 4,345 ล้านบาทและ 3,905 ล้านบาทในไตรมาสสองของปีนี้และไตรมาสสามของปีก่อนตามลำดับ โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 2.40 ในไตรมาสก่อนเป็นร้อยละ 2.58 ในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากปรับตัวดีขึ้นทั้งจากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นและการที่เงินฝากลดลง และการบริหารสภาพคล่องที่ทำให้มีรายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น 2. รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้จำนวน 2,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 698 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 1,449 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักดังนี้ - ขาดทุนจากเงินลงทุนลดลงจาก 289 ล้านบาทเป็น 123 ล้านบาทโดยไตรมาสนี้ยังมีการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนทั่วไปและเงินลงทุนเผื่อขายจำนวน 285 ล้านบาท - กำไรจากการปริวรรตเพิ่มขึ้น 188 ล้านบาทตามภาวะของตลาดเงิน - ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย/ร่วมเพิ่มขึ้นจำนวน 147 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมส่วนใหญ่มีกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ประกอบกับบริษัทย่อยไม่ได้มีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมอีก เมื่อเทียบกับไตรมาสสองของปี 2545 ในไตรมาสนี้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 1,849 ล้านบาท เป็น 2,053 ล้านบาท 3. ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย ธนาคารมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาสนี้จำนวน 3,240 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับ 3,303 ล้านบาทในไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับ 3,180 ล้านบาทในไตรมาสสามของปีก่อน ธนาคารสามารถลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน (Operating Cost to Income Ratio) ได้อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 48.8 ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับร้อยละ 53.3 และร้อยละ 57.1 ในไตรมาสที่สองของปีนี้และไตรมาสที่สามของปีที่แล้วตามลำดับ ในไตรมาสนี้ ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์รอการขายจำนวน 570 ล้านบาท ทำให้ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวนรวม 3,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 3,633 ล้านบาทในไตรมาสก่อน และ 3,180 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 4. ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ธนาคารมีนโยบายระมัดระวังในการจัดการด้านคุณภาพสินทรัพย์ ในไตรมาสนี้ ธนาคารจึงยังคงตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติมจำนวน 2,568 ล้านบาท โดยเป็นการตั้งสำรองส่วนเกินเพื่อป้องกันการเสื่อมค่าของสินทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้น สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ณ 30 กันยายน 2545 มีจำนวน 64,331 ล้านบาท นโยบายการตั้งสำรองอย่างต่อเนื่องทำให้อัตราส่วนสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อ ของธนาคารเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 13.0 ณ สิ้นไตรมาสสองเป็นร้อยละ 13.2 ณ สิ้นไตรมาสนี้ งบดุล ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 หลังการปรับปรุงตัวเลขตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2545 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ 486,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 483,595 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสก่อน ธนาคารมีสินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับสุทธิ (หลังหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 424,484 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2544 จำนวน 10,498 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.4 สาเหตุหลักเกิดจากการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มในปีนี้จำนวน 8,179 ล้านบาทและจากการโอนขายหนี้จำนวน 3,560 ล้านบาท (มูลค่าทางบัญชีสุทธิ) ให้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมในไตรมาสแรกและไตรมาสสามของปีนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับสุทธิมีจำนวนสูงขึ้น 1,106 ล้านบาท ธนาคารมียอดเงินฝาก 578,984 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2544 จำนวน 22,006 ล้านบาท (ร้อยละ 3.7) ขณะที่ลดลงจากไตรมาสก่อน 22,059 ล้านบาท (ร้อยละ 3.7) เนื่องจากได้มีการถอนเงินออกเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลออมทรัพย์ทำให้สัดส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากปรับตัวดีขึ้นจากร้อยละ 80.5 ณ สิ้นไตรมาสสองเป็นร้อยละ 84.0 ในไตรมาสนี้ ธนาคารมีส่วนของผู้ถือหุ้น 63,632 ล้านบาท มีเงินกองทุนตามกฎหมาย (ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2) รวม 75,944 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.6 ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นส่วนของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ประมาณร้อยละ 10.6 ของสินทรัพย์เสี่ยง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ทีมนักลงทุนสัมพันธ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 544-4206-7, 544-4212 *** ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดตั้งขึ้นโดยพระบรมราชานุญาตในปีพ.ศ. 2449 ถือเป็นธนาคารไทยแห่งแรกและเป็นธนาคารที่มีประวัติการให้บริการอันยาวนานและโดดเด่น โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ประกอบด้วยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และกระทรวงการคลัง ธนาคารได้เสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ธนาคารดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ที่ต้องการจะเป็น "ธนาคารที่ทุกคนเลือก" ณ 30 กันยายน 2545 ธนาคารมีสินทรัพย์ 699,401 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อ 486,442 ล้านบาท และเงินฝาก 578,984 ล้านบาท--จบ-- -ศน-

ข่าวธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด+ธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งวันนี้

กลุ่มเอสซีบีเอกซ์จัดพิธีแสดงความอาลัยและตักบาตรถวายพระราชกุศลสัตตมวาร แด่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

กลุ่มเอสซีบีเอกซ์จัดพิธีแสดงความอาลัยและตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 93 รูป อุทิศถวายพระราชกุศลสัตตมวาร (7 วัน) แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ โดยมี นายประสัณห์ เชื้อพานิช รองประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะกรรมการ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) คณะกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) คณะผู้บริหารและพนักงานบริษัทในกลุ่มเอสซีบี

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้... ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% มีผลวันที่ 15 สิงหาคม 2568 — ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต...