กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--กทม.
ที่ห้องประชุมสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาคารพญาไทพลาซ่า เมื่อวานนี้ (24 ต.ค. 45) เวลา 09.00 น. ได้มีการประชุมเสวนาเรื่องปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง (แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำบางปะกง)โดยมีนายชนะ รุ่งแสง ประธานคณะทำงานศึกษาและอนุรักษ์แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำบางปะกง เป็นประธานการเสวนาและมีนางณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร นายวันชัย ศารทูลทัต อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ร.ศ.ชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ปลัดจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนจากกรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมอุทกศาสตร์ฯ และหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมเสวนา
สำหรับการเสวนาในวันนี้ ร.ศ. ชูเกียรติ ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างว่ามีปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาหลายประการด้วยกัน อาทิ ปัญหาของน้ำฝนที่เกิดประมาณเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม น้ำเหนือหลากเกินขีดความสามารถการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา เกิดประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน น้ำท่วมขังในทุ่งเกษตรกรรมชนบท เกิดประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม น้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำในแม่น้ำยกตัวขึ้นสูงประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน การพัฒนาที่ดินและแนวคันกั้นน้ำในพื้นที่ราบริมตลิ่งเป็นผลให้เกิดการลดประสิทธิภาพการชะลอการไหลของน้ำหลากขนาดใหญ่ตามธรรมชาติ เป็นต้น
ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำเหนือหลากและน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างแบบบรูณาการและยั่งยืนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น ร.ศ.ชูเกียรติ ได้เสนอแนวทางแก้ไขโดยใช้มาตรการผสมผสานกันคือมาตรการใช้สิ่งก่อสร้างและมาตรการไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง สำหรับมาตรการใช้สิ่งก่อสร้าง อาทิ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังเนื่องจากฝนตกในพื้นที่เกษตรกรรมชนบทด้วยการจัดหาพื้นที่มาก่อสร้างช่องทางระบายน้ำขนาดใหญ่รวมทั้งปรับปรุงระบบระบายน้ำหลักภายในพื้นที่ เป็นต้น หรือ แก้ไขปัญหาน้ำเหนือล้นตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่บางไทรถึงปากแม่น้ำ ด้วยการสร้างช่องทางผันน้ำหลาก เพื่อผันน้ำขนาด 1,100-1,500 ม./วินาที จากแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณเหนือบางไทรไปสู่ทะเล และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังเนื่องจากฝนตกในพื้นที่ด้วยการปรับปรุงระบบระบายน้ำหลักภายในพื้นที่เกษตรกรรมชนบท เพื่อระบายน้ำท่วมขังลงสู่ช่องทางผันน้ำหลาก
ส่วนมาตรการไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง 1. การบริหารพื้นที่น้ำท่วมขัง โดยแนะ/กำหนดแนวทางใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบระบายน้ำหลักภายในพื้นที่ , ควบคุมการสูบน้ำบาดาลในบริเวณพื้นที่ , จัดทำระบบพยากรณ์และเตือนภัยน้ำท่วมและน้ำท่วมขัง , จัดทำระบบการช่วยเหลือเมื่อเกิดอุทกภัยและระบบการฟื้นฟูบูรณะ 2. การบริหารน้ำท่วมขังในพื้นที่เกษตรกรรมชนบท (สร้างระบบแก้มลิงย่อย) และ 3. สร้างตัวบทกฎหมาย และ การจัดตั้งองค์กรการบริหารน้ำท่วม/น้ำท่วมขังลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมเสวนาจากหน่วยงานต่างๆ ยังได้กล่าวถึงแนวทางปฏิบัติงาน การประสานกับหน่วยงานต่างๆ มาตรการการป้องกันในระยะสั้นและระยะยาว การแก้ไขปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมรวมถึงการช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย--จบ--
-นห-