กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--กทม.
น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ โฆษกสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ต.ค.45 ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครได้มีการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 2 (ครั้งที่ 2) ประจำปี พ.ศ.2545 โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาญัตติของนายอภิชาติ หาลำเจียก สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตจตุจักร เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครประสานงานกับธนาคารออมสินเพื่อขอเข้าร่วม "โครงการพัฒนาชีวิตครู"
นายอภิชาติ หาลำเจียก สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตจตุจักร กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาของชาติกำลังดำเนินการอย่างรีบเร่งตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี โดยเห็นว่าบุคลากรสำคัญที่จะทำให้เจตนารมย์ของการปฏิรูปการศึกษาประสบผลสำเร็จ คือ ข้าราชการครู ในส่วนของกรุงเทพมหานครนั้น ข้าราชการครูกรุงเทพมหานครจะไม่สามารถทำงานได้เต็มความสามารถหากข้าราชการครูกรุงเทพมหานครต้องประสบปัญหาในเรื่องหนี้สินทั้งในและนอกระบบ จึงสมควรให้เกิดความร่วมมือสามฝ่าย ระหว่างกลุ่มข้าราชการครูกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร และธนาคารออมสิน เพื่อร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตครูให้มีความสุข สามารถมีชีวิตทั้งด้านส่วนตัวและการงานดีขึ้น อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยข้าราชการครูกรุงเทพมหานครต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง อดทน รู้จักประหยัด อดออม และสร้างเสริมวินัยทางการเงินให้แก่ตนเอง มีการรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูล เอื้ออาทรซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งมีกระบวนการจัดการต่าง ๆ ในกลุ่มอย่างเป็นระบบ
ดร.ธารินทร์ สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้มีการสำรวจภาวะหนี้สินของครูไปแล้ว 2-3 ครั้ง ซึ่งมีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 30 ก.ย.45 ที่ผ่านมา กทม.ก็ได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมและพบว่าครูมีหนี้ผูกพัน กับ 5 หน่วยงาน คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู กรมสามัญ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และสหกรณ์กรุงเทพมหานคร สำหรับสหกรณ์กรุงเทพมหานคร มีผู้กู้จำนวนมาก โดยเป็นครูกทม.กว่า 11,000 ราย ขณะที่ครูกทม.มีกว่า 13,000 คน ส่วนหนี้นอกระบบนั้น จากการสำรวจมีประมาณ 3,000 กว่าราย
ขณะนี้สำนักการศึกษากทม.ได้ติดต่อธนาคารออมสิน ตาม "โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาชีวิตครู" แล้ว ซึ่งธนาคารออมสิน มีหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อต่างจากธนาคารอื่น คือ ครูจะต้องรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง และมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยกทม.กำลังรอคำตอบจากธนาคารออมสินว่าจะประชุมพิจารณาออกมาในรูปแบบใด ส่วนธนาคารอื่นกทม.เคย ติดต่อแล้ว ดอกเบี้ยสูงมาก และการผ่อนชำระหนี้ด้วยการหักเงินเดือนครูคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากหักเงินแล้วครูจะเหลือเงินเดือนเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ดีการดำเนินการตามโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาชีวิตครูนี้ เป็นความพยายามของกทม.ที่จะหาช่องทางให้ครู กทม.มีโอกาสปลดหนี้ และไม่ต้องการให้ครูไปสร้างหนี้ใหม่เพิ่มขึ้น--จบ--
-นห-